ตอน บทที่ 1372 จะต้องออกไปให้ได้ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 1372 จะต้องออกไปให้ได้ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ซ่างกวนหยวนไม่ยอมสงบลงเลย ทางตำรวจจึงติดต่อกับทนายความเจียงเพื่อให้เขามาพูดเกลี้ยกล่อม
ทันทีที่เธอเห็นทนายความเจียงซ่างกวนหยวนจึงพูดอย่างรีรอไม่ได้ว่า "ฉันต้องการพบจิ้นเฟิงเฉิน!"
ทนายความเจียงเงยหน้าขึ้นมองไปที่ตำรวจหญิงที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างของเธอ พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ "คุณหนูครับ คุณท่านไม่ยอมมาพบคุณ"
ซ่างกวนหยวนไม่เชื่อ เธอจึงพูดไปว่า "คุณกำลังโกหกฉัน เขาจะไม่ยอมมาพบฉันได้ยังไง? ทั้งๆ ที่เขารักฉันมากขนาดนี้"
"คุณหนูครับ ช่วยมีสติหน่อยได้ไหมครับ? เขาได้กลับมาที่ตระกูลจิ้นแล้ว เขาไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉินคนก่อนหน้านั้นอีกแล้วนะครับ"
"เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้....." ซ่างกวนหยวนส่ายหัว "เขาหย่ากับเจียงสื้อสื้อแล้ว และเขาก็รับปากกับฉันว่าเขาจะกลับมาหาฉัน"
เมื่อมองท่าทีที่ตกตะลึงพรึงเพริดของเธอ ทนายความเจียงก็ทนไม่ได้ที่จะบอกความจริงกับเธอ
แต่ถ้าไม่บอกเธอ เธอก็จะเอาแต่ร้องโวยวายว่าจะพบจิ้นเฟิงเฉินต่อไป
ยังไงความเจ็บระยะสั้นก็ยังดีกว่าความเจ็บระยะยาว!
ทนายความเจียงสูดหายใจเข้าลึกๆ "คุณท่านกับเจียงสื้อสื้อยังไม่ได้หย่ากันครับ"
ข่าวนี้ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวันที่ทำให้สมองของซ่างกวนหยวนว่างเปล่าทันที และเธอก็จ้องเขาอย่างตะลึง
จากนั้นก็ได้ยินเพียง เขาพูดต่อไปว่า "คุณท่านให้ผมบอกคุณหนูว่า เขาไม่สามารถมาพบคุณหนูได้ ให้คุณหนูตัดใจสะ"
"เป็นไปไม่ได้!"
ซ่างกวนหยวนตอบสนองกลับมา และยืนขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
แต่ไม่นานเธอก็ถูกตำรวจหญิงจากทั้งสองข้างผลักให้กลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างรวดเร็ว
"เป็นไปไม่ได้!" ซ่างกวนหยวนส่งเสียงกรีดร้องอย่างดังว่า "เขารับปากกับฉันว่าจะหย่า เขาจะไม่โกหกฉัน จะไม่โกหกฉันแน่"
"คุณใจเย็นๆ ลงก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือไม่ใช่ว่าเขาจะโกหกคุณหนูหรือไม่ แต่คือคุณหนูจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง"
ทนายความเจียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอจะสงบสติอารมณ์ไว้ และคิดหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้ถึงจะถูก
ไม่อย่างนั้น สิ่งที่รอคอยเธอในอนาคตก็คงเป็นหายนะในการถูกจำคุกไปหลายปี
บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดของเขาได้ผล จากนั้นซ่างกวนหยวนจึงค่อยๆ สงบลง และเธอก็เอาแต่ก้มหน้าลงโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
ทนายความเจียงถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า "ผมรู้ว่าคุณหนูอยากพบจิ้นเฟิงเฉินมาก และอยากถามเขาให้เข้าใจด้วยตัวเอง ดังนั้นคุณหนูจะต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้"
ซ่างกวนหยวนเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาอย่างเย็นชา
"ยังจำเสี่ยวหยางคนนั้นจากสำนักกิจการพลเรือนได้หรือเปล่าครับ? เขาถูกตระกูลจิ้นซื้อไปตั้งนานแล้ว..."
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างกวนหยวนก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันที
"ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องนี้มันเป็นแค่กับดักอย่างหนึ่งเท่านั้น"
กับดักงั้นเหรอ?
ซ่างกวนหยวนหัวเราะขึ้นมาทันที
ทนายความเจียงขมวดคิ้ว ด้วยสีหน้าที่กังวล
เธอคงจะไม่เป็นบ้า เพราะได้รับการสะเทือนอารมณ์หรอกนะ?
ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของซ่างกวนหยวน ซึ่งหากฟังดูมันอาจทำให้เรารู้สึกกลัวได้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่างกวนหยวนจึงเก็บรอยยิ้มของเธอไว้ และสีหน้าของเธอก็มืดครึ้มลง ซึ่งในดวงตาของเธอนั้นก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
"ฉันจะต้องออกไปให้ได้! ฉันจะไม่มีวันปล่อยพวกมันไปแน่นอน แม้จะต้องตายฉันก็จะไม่มีวันปล่อยพวกมันไป!"
คำพูดที่น่าสะพรึงกลัว และเหี้ยมโหดอำมหิตนั้น ทำให้ทนายความเจียงสั่นไปทั้งตัว แต่ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
แค่เธอยอมที่จะช่วยตนเอง ไม่นานก็จะสามารถออกไปได้
......
ฟางเถิงและซ่างหยิงได้รู้ถึงเรื่องของการถูกลักพาตัวของฟางเสว่มั่น พวกเขาจึงกังวลจนต้องรีบออกจากเมืองหลวง
"พี่คะ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?" ซ่างหยิงจับมือของฟางเสว่มั่นไว้แน่น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
"พี่ไม่เป็นไร ทำให้พวกน้องต้องมาที่นี่อีก รู้สึกเกรงใจมากเลยนะ"
"พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าพูดคำที่เป็นคนอื่นไกลแบบนี้เลย" ฟางเถิงแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่สบายใจ
ฟางเสว่มั่นเผลอยิ้มออกมา "เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันจึงรู้สึกเกรงใจขนาดนี้ไง"
"ที่พวกเรามาเยี่ยมพี่น่ะเป็นสิ่งที่สมควรอยู่แล้ว ไม่ต้องรู้สึกกดดันขนาดนี้หรอก" ซ่างหยิงรู้ว่าเธอเกรงใจกับการที่ต้องไปๆ มาๆ ของพวกเขา
ฟางเสว่มั่นยิ้ม แต่กลับไม่พูดอะไร
ณ เมืองหลวง
เย่เสี่ยวอี้ติดต่อซ่างหยิงไม่ได้เลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ไม่ใช่พูดไปแล้วว่าจะช่วยเธองั้นเหรอ?
ทำไมถึงติดต่อไม่ได้เลยล่ะ?
ทุกครั้งที่โทรหาเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีคนรับสายก็สายไม่ว่างตลอด
เย่เสี่ยวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง และมักจะรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
ทำไมความรู้สึกที่ซ่างหยิงให้เธอนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่อยากช่วยเธอเลย?
ไม่ได้ล่ะ
เธอจะต้องถามต่อหน้าให้มันชัดเจนไปเลย
ไม่อย่างนั้นถ้ายังรอแบบนี้ต่อไป เกรงว่าฟางยู่เชินจะแต่งงานกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเหลียงซินเวย
ดังนั้น เธอจึงไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฟาง
"คุณเย่คะ นายท่านใหญ่และนายหญิงตระกูลเราไปที่เมืองจิ่นแล้วค่ะ พวกท่านไม่อยู่บ้านชั่วคราว"
คำพูดของแม่บ้านราวกับถังน้ำเย็นที่เทลงบนตัวเธอ และเธอก็ผิดหวังอย่างมาก
เย่เสี่ยวอี้อดหัวเราะออกมาไม่ได้ และในรอยยิ้มนั้นก็เต็มไปด้วยการถากถาง "เธอไม่ได้แอบซ่อนตัวจากฉันหรอกนะ?"
ทันทีที่แม่บ้านได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทำไมคุณเย่ถึงได้พูดแบบนี้เหรอคะ?"
"ไม่มีอะไร" เย่เสี่ยวอี้มองดูรอบๆ และถามว่า "ยู่เชินอยู่บ้านหรือเปล่า?"
"ช่วงนี้คุณชายค่อนข้างยุ่งอยู่งานกับบริษัท และยังไม่ได้กลับบ้านเลยค่ะ"
"ยังไม่ได้กลับบ้านงั้นเหรอ?" เย่เสี่ยวอี้ส่งเสียงหัวเราะเยาะ "เพราะเขายุ่งอยู่กับบริษัท หรือว่าเขาไปหาอีผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น?"
เมื่อได้ยินคำว่า "อีนางชั้นต่ำ" สีหน้าของแม่บ้านก็เปลี่ยนไปทันที และแม้แต่น้ำเสียงของเธอที่เมื่อครู่ไม่ค่อยสุภาพนั้น ก็ยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม "คุณเย่คะ ได้โปรดกลับไปเถอะค่ะ"
เย่เสี่ยวอี้รู้ว่าเธอกำลังไล่แขก สีหน้าของเธอก็หนักอึ้งไป และพูดตำหนิไปอย่างไม่พอใจว่า "ต่อไปในอนาคตฉันอาจเป็นนายหญิงของที่นี่ ทางที่ดีเธอควรให้เกียรติฉันหน่อยนะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!