จนถึงตอนเย็น เจียงสื้อสื้อพวกเขาจึงพากันกลับบ้านอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ทันทีที่รถจอดลงที่ลานบ้าน รถของจิ้นเฟิงเฉินก็จอดไว้ข้างๆ อย่างช้าๆ ด้วยเช่นกัน
เจียงสื้อสื้อลงจากรถ แล้วก้าวไปรับเสื้อสูทจากมือของเขา "ทำไมวันนี้กลับเช้าจังล่ะ?"
"วันนี้งานค่อนข้างน้อย" จิ้นเฟิงเฉินปิดประตูรถอย่างง่ายดาย แล้วจ้องที่เธออย่างลึกซึ้ง
เจียงสื้อสื้อยิ้ม "วันนี้พวกเราออกไปเดินเล่นกันมา เลยซื้อเสื้อผ้าให้เด็กๆ เยอะแยะเลย"
"เหนื่อยไหม?"
"นิดหน่อย" เจียงสื้อสื้อไม่ได้สังเกตถึงความออดอ้อนที่แฝงไว้ในน้ำเสียงของตัวเองเลย
จิ้นเฟิงเฉินจึงหัวใจเต้นระรัว และอดไม่ได้ที่จะเอนตัวไปข้างหน้าแล้วจูบเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ
จากนั้น เขาก็ลืมตาขึ้นมา แล้วมองเข้าไปในดวงตาที่แปลกใจเล็กน้อยของเธอ จากนั้นมุมปากของเขาก็ค่อยๆ โค้งขึ้น "ยังเหนื่อยอยู่หรือเปล่า?"
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ และแหบแห้งนั้น ราวกับไวน์แดงที่กลั่นมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อมสามารถล่อใจคนได้
แก้มของเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมาทันที และทำท่าทีโกรธเขาไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า "ไม่เหนื่อยแล้วค่ะ!"
"แต่ผมเหนื่อยนะ!"
"งั้นก็รีบกลับบ้านไปพักผ่อนซะสิ" หลังจากพูดจบ เธอก็รีบเดินที่บ้านทันที และอยู่ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกคนดึง จากนั้นก็ได้ยินผู้ชายคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนข้างหูเธอว่า "ถ้าคุณจูบผม ผมก็จะหายเหนื่อย"
เมื่อได้ยินดังนั้น มือของเจียงสื้อสื้อก็หยุดชะงักลง แล้วลืมตาขึ้นมา
จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็สบตากัน
สายตาของเขาดูจริงจัง ซึ่งมันไม่เหมือนกับว่ากำลังล้อเล่นอยู่เลย
"ฉัน..." เจียงสื้อสื้อหันหน้ากลับไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็เห็นแค่ว่าทั้งพ่อจิ้นกับแม่จิ้น และภรรยาของจิ้นเฟิงเหราต่างก็อยู่ตรงนั้น ซึ่งพวกเขาทุกคนต่างก็พากันมองมาที่เธอและจิ้นเฟิงเฉินอย่างให้ความสนใจ
"พี่สะใภ้ เพื่อให้วันนี้พี่ชายของผมได้กลับบ้านเช้าหน่อย พี่เขาไม่ได้พักผ่อนเลยสักนาทีเดียว เขาทั้งทำงานหนักและเหนื่อยมากเลยนะ"
จิ้นเฟิงเหราจงใจลากหางเสียงอย่างยาวๆ จนทำให้ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะ
"จิ้นเฟิงเหรานี่ก็!" เจียงสื้อสื้อจ้องเขาไปแวบหนึ่ง แล้วพูดกระซิบกับจิ้นเฟิงเฉินไปว่า "เอาไว้ขึ้นไปชั้นบนก่อนก็ได้... ตอนนี้คนเยอะ ฉัน..."
เธออยากจะพูดว่าเธออาย และไม่กล้าจูบเขาต่อหน้าทุกคน
แต่เธอยังไม่ทันได้พูดจูบ ก็ถูกเขาโอบเข้าไปมาในอ้อมแขนแล้ว
เธอกะพริบตา อย่างอึ้ง
"แค่ได้กอดคุณ ผมก็หายเหนื่อยแล้วล่ะ"
เสียงของเขาดังก้องอยู่ข้างหูเธอ จากนั้นเจียงสื้อสื้อจึงค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น แล้วกางมือกอดเอวของเขาไว้
เมื่อเห็นดังนั้น พ่อจิ้นกับแม่จิ้นก็มองหน้ากัน แล้วทุกคนก็อดยิ้มไม่ได้
"ไม่เหนื่อยแล้วนะ" เจียงสื้อสื้อออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วเงยหน้ามองเขา ด้วยความกังวลในดวงตาของเธอ
จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นปัดผมของเธอไปไว้หลังหู แล้วพูดกระซิบเบาๆ ว่า "อย่าฟังเฟิงเหราพูดไร้สาระเลย ผมไม่ได้ทำงานหนัก สำหรับผมงานเหล่านั้นมันง่ายมาก และสามารถจัดการได้อย่างคล่องมือด้วย"
"งั้นก็ดีแล้ว" เจียงสื้อสื้อถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"แม่ครับ จะทานข้าวหรือยังครับ? ผมเริ่มหิวแล้วครับ" อยู่ๆ จิ้นเฟิงเหราก็พูดตะโกนออกมา
และทุกคนต่างก็หัวเราะกับคำพูดของเขา
"เจ้าเด็กนี้นี่ ไม่ได้แกล้งสื้อสื้อสักวัน จะอยู่ไม่ได้เลยหรือไง?" แม่จิ้นดุด้วยรอยยิ้ม
จิ้นเฟิงเหราทำหน้าทำตาไร้เดียงสา "ผมหิวจริงๆ นะ และผมก็ไม่ได้หมายถึงอย่างอื่นด้วย"
"ยิ่งปกปิดเท่าไหร่มันก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นเท่านั้นแหละ" ส้งหวั่นชีงมองบนใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์
"ที่รัก ทำไมแม้แต่คุณก็ดุผมด้วยเหรอ?" จิ้นเฟิงเหรามองเธอด้วยความน้อยใจ
ส้งหวั่นชีงรู้สึกขำกับท่าทีน้อยใจของเขา "ทำไมคุณถึงทำตัวงี่เง่าขนาดนี้กันเนี่ย?"
"แค่คุณก็พอแล้ว"
อยู่ๆ จิ้นเฟิงเหราก็กอดเธอแล้วจูบเธอไปทีหนึ่ง
ส้งหวั่นชีงจึงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับทำหน้าทำตาจนปัญญา
เมื่อเห็นว่าลูกชายทั้งสองพร้อมด้วยลูกสะใภ้ทั้งสองความสัมพันธ์ดีขนาดนี้ แม่จิ้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ถ้าครอบครัวเราสามารถอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดมันคงจะดีมาก"
พ่อจิ้นโอบไหล่ของแม่จิ้นไว้ "จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน"
แม่จิ้นยิ้ม "จ้ะ จะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน"
......
หลังจากเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนเริ่มเข้าเรียนกันแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงค่อยมีเวลาว่างขึ้นมาหน่อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!