"ขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณเป็นห่วง"
จิ้นเฟิงเฉินกอดเจียงสื้อสื้อไว้ แล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอเบาๆ
ที่จริงแล้วเจียงสื้อสื้อแค่ร้อนใจ ไม่ได้โกรธจริงๆ
"ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า ถ้าคุณไม่บอกความจริงกับฉัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเจอกับอะไรบ้าง"
เสียงของเจียงสื้อสื้อสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
เธอรู้สึกปวดใจแทนเสี่ยวเป่า จริงๆ เขาอายุแค่นี้เอง แต่กลับต้องเข้ารับการรักษาสภาพจิต เธอจินตนาการไม่ออกเลยว่าตลอดหลายวันนี้เขาผ่านมันมาได้ยังไง
"ผมขอโทษ ผมไม่ควรปิดบังคุณ" จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอแน่น "นอกจากจะไม่อยากให้คุณเป็นห่วงแล้ว ที่สำคัญคือเสี่ยวเป่า ถ้าลูกรู้ว่าคุณเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ เขาจะต้องรู้สึกเสียใจมาก จะส่งผลต่อรักษาด้วย"
"แล้วฉันควรทำยังไงดีคะ" เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมอง
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าลงมาสบตา
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มจางๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน "ทำเหมือนว่าคุณไม่รู้อะไรเลย ทำตัวให้เป็นเหมือนเดิม"
"ได้ค่ะ" เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ ขอแค่ดีต่อเสี่ยวเป่า จะให้เธอทำอะไรก็ได้
แต่ว่า......
"ตอนนี้อาการของเสี่ยวเป่าเป็นยังไงบ้างคะ" เจียงสื้อสื้อเอ่ยถาม
ตั้งแต่พบว่าครูสอนไวโอลินทำโทษเสี่ยวเป่าจนถึงวันนี้ มันผ่านมาสองสามวันแล้ว การรักษาทางจิตน่าจะมีผลบ้างแล้วถึงจะถูก
"ดีขึ้นมากแล้วครับ" จิ้นเฟิงเฉินคลายอ้อมกอด แล้วจ้องมองดวงตาที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอ "คุณรู้จักความสามารถของมู่ป๋ายดี ดังนั้นคุณต้องเชื่อใจเขา เสี่ยวเป่าจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน"
"ค่ะ ฉันเชื่อในฝีมือของมู่ป๋าย" เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก "แต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงเสี่ยวเป่าอยู่ดีค่ะ"
"ผมรู้ครับ" จิ้นเฟิงเฉินลูบศีรษะของเธอ "เชื่อในตัวมู่ป๋าย และเชื่อในตัวของเสี่ยวเป่าด้วย เขาเป็นลูกชายของเรา จะต้องไม่ทำให้เราผิดหวังแน่นอน"
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างแรง และไม่พูดอะไร
......
ในตอนเย็นพอกลับมาถึงบ้าน เจียงสื้อสื้อก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที
"นี่มันเกิดอะไรขึ้น" แม่จิ้นเห็นเธอรีบร้อนแบบนี้ จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง นึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินตอบอย่างแผ่วเบา "ไม่มีอะไรครับ เธอแค่อยากขึ้นไปดูเสี่ยวเป่า"
เจียงสื้อสื้อเดินไปหยุดที่หน้าประตูห้องของเสี่ยวเป่า แล้วมองไปที่ประตูของห้องที่ปิดอยู่ ก่อนจะรู้สึกหวาดวิตกเล็กน้อย
พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวเป่าในช่วงนี้ นอกจากความทุกข์แล้ว เธอยังกำลังโทษตัวเองอยู่ด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะปกติเธอขาดความเอาใจใส่เสี่ยวเป่า เธอก็คงจะไม่ถึงตอนนี้ถึงได้รู้ว่าเสี่ยวเป่ามีปัญหาทางจิต
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องใส่ใจเสี่ยวเป่าให้มากกว่าเดิม
เธอเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
เสี่ยวเป่านั่งอ่านหนังสือด้วยท่าทางจริงจังหน้าโต๊ะ
"เสี่ยวเป่า"
พอเดินเข้าไปใกล้ เจียงสื้อสื้อก็เรียกออกมาเบาๆ
พอได้ยินเสียง เสี่ยวเป่าก็หันกลับมา รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา "หม่ามี๊"
พอเห็นแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็อดที่จะรู้สึกปวดใจไม่ได้ เธอลูบหัวของเขา แล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า "วันนี้เป็นยังไงบ้าง?เพื่อนๆ ที่โรงเรียนดีหรือเปล่าจ๊ะ"
"ดีมากเลยครับ"
เพราะตัวเองไม่ได้ที่ไปโรงเรียน เสี่ยวเป่าจึงหลบตาเล็กน้อย
พอเห็นเขาเป็นแบบนี้ เจียงสื้อสื้อยิ่งรู้สึกปวดใจและทุกข์ใจมากขึ้น
เธอรู้ว่าเขากลัวเธอเป็นห่วง ถึงได้ปิดบังความจริงความจริงไว้
ตั้งแต่เล็กจนโต เขาเป็นเด็กดีมาโดยตลอด
ดีจนทำให้เธอรู้สึกปวดใจ
พอคิดถึงเรื่องนี้ ขอบดวงตาของเจียงสื้อสื้อก็เปียกชื้นขึ้นมาทันที เธอรีบหันหลังกลับและเช็ดน้ำตาตรงขอบตาด้วยมือ ก่อนจะทำท่าทีผ่อนคลาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ไปเถอะ เราไปกินข้าวเย็นกัน หลังจากกินข้าวเสร็จ หม่ามี๊ต่อเลโก้เป็นเพื่อนลูก ดีไหม"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!