บทที่ 149 ชนะโครงการ
จิ้นเฟิงเฉินเดินไปถึงประตู ก็เห็นคุณท่านอยู่ด้านหน้า จึงเรื่องอย่างสุภาพว่า “คุณตาครับ”
คุณยายพยักหน้าตอบ “หลานมาแล้ว แล้วเฟิงเหราล่ะ ทำไมไม่มา”
จิ้นเฟิงเฉินเผยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าและตอบกลับ “เขาทนนั่งไม่ได้ คุณตาก็รู้...............”
สองพี่น้องตระกูลจิ้นถ้าทีเวลาก็จะมาพูดเล่นหมากรุกดื่มชากับคุณท่าน แต่นั่งได้ไม่นาน จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ เพราะคุณชายรองตระกูลจิ้นไม่สนใจเรื่องการนั่งดื่มชาเล่นหมากรุกเลย เขายอมนั่งทำงานในห้องทำงานดีกว่า
คุณท่านยิ้มอย่างจนใจ “เด็กคนนี้...........”
จิ้นเฟิงเฉินพยุงคุณท่านเข้าไป และจากนั้นก็พูดว่า “ไปครับ คุณตา เราเข้าไปนั่งกัน วันนี้ผมจะเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนคุณปู่สักกระดานหนึ่ง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น คุณท่านก็ชอบใจมาก
เมื่อเข้าประตูไป จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่เห็นชุกชงชาอันนั้นแล้ว ต้องรู้ว่าคุณท่านชอบชุดชงชาชุดนี้มาก ซึ่งก็วางอยู่ที่นี่นานมากแล้ว เมื่อก่อนจิ้นเฟิงเหราบอกจะเอาไปให้ลูกค้า สุดท้ายเขาถูกคุณท่านเตะออกไปด้วยไม้เท้า วันนี้หายไปไหนแล้ว ถูกคุณตาเอาไปเก็บแล้วเหรอ
เมื่อสังเกตเห็นความสงสัยของจิ้นเฟิงเฉิน พนักงานขายจึงพูดอธิบาย “นายน้อยครับ เมื่อกี้มีเด็กสาวคนหนึ่งมาที่นี่ คุณท่านเห็นเธอชอบชุดชงชาชุดนั้นมาก จึงให้เธอไปแล้วครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็มีแววตาประหลาดใจ ชุดชงชาชุดนั้นให้คนอื่นไปแล้วเหรอ ต้องรู้ว่าคุณท่าน............ ทำให้คุณท่านชอบได้ เป็นเรื่องที่ยากมาก
“จริงเหรอ เมื่อก่อนคุณตาเคยบอกว่าจะส่งให้กับคนที่ห่วงใย หรือไม่กลัวจะมองคนผิดไปเหรอครับ”
คุณท่านพูดอย่างยิ้มๆว่า “แม้ฉันจะเกษียณแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้สายตาเลือนราง เด็กคนนั้น มีแววตาที่ใสซื่อมาก ไม่ได้มีแผนการอะไร มันดูชัดเจนมาก”
ครั้งแรกที่เห็นคุณท่านชมคนอื่นอย่านี้ จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก
“อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นแล้วคิดว่าเด็กคนนั้นกับหลานเหมาะสมกันมาก เป็นเรื่องยากมากที่จะเจอ เธอมีความสนใจในเรื่องการชงชามาก ฉันให้เธอมาที่นี่ทุกวัน หลานก็ลองมาเจอดู ไม่แน่อาจจะรู้สึกชอบก็ได้”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่คุณท่านก็ยังย้ำคำพูดเดิม
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นตระกูลจิ้น หรือตระกูลฉินของคุณตา ต่างก็เป็นกังวลเรื่องการแต่งงานของเขา
“คุณตา ผมมีคนที่ชอบแล้วครับ คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
ทั้งสองคนเดินขึ้นตึกไปด้วยกัน คุณท่านก็เอ๋ยปากพูด “ฉันได้ยินมู่หลันพูดแล้ว หลานมีคนที่ชอบแล้วก็ดี เพียงแต่ว่านิสัยของอีกฝ่ายดูเหมือนกังวล”
ฉินมู่หลัน คือแม่ของจิ้นเฟิงเฉิน
แม้ว่าฉินมู่หลันจะบอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมาบ่นกับคุณท่านฉิน เพราะอยากให้คุณท่านฉินมาคุยกับจิ้นเฟิงเฉิน
ตอนนี้เรื่องของจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อ คุณท่านฉินก็ได้รู้หมดแล้ว และลูกสาวตัวเองก็บอกว่าอีกฝ่ายค่อนข้างมีปัญหา คุณท่านฉินจึงค่อนข้างกังวลว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมองคนผิดไปรึเปล่า
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไร คุณท่านจึงพูดต่อ “เฟิงเฉิน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจิ้น หรือตระกูลฉินในอนาคตก็ต้องให้หลานกับเฟิงเหราเป็นผู้สืบทอด หลานเป็นลูกชายคนโตตระกูลจิ้น นายหญิงแห่งตระกูลจิ้น ถึงยังไม่พูดเรื่องความสามารถ แต่ลักษณะนิสัยก็ต้องผ่านด้วย”
จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างจนใจ “เธอนิสัยดีมาก คุณแม่เข้าใจเธอผิดไปครับ อีกอย่างคุณลุงก็มีลูก ยังไงเรื่องนี้ก็คงไม่ถึงผมแน่นอน”
“หลานก็เป็นหลานของตา เฟิงเหราก็ด้วย พวกเธอต่างก็มีส่วน ตระกูลฉินมีลูกหลานสือบทอดตระกูล เหมือนเป็นการอุทิศตนในกองทัพ หลานและเฟิงเหราเป็นนักธุรกิจแล้ว ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของหลาน ในอนาคตยังต้องการการสนับสนุนจากหลาน
“ผมทำได้ครับ คุณตา”
คุณท่านฉินพยักหน้า เขาวางกระดานหมากรุกไว้ และพูดถึงเรื่องเจียงสื้อสื้ออีก
“เฟิงเฉิน พ่อกับแม่ของหลานก็ไม่ได้ต้องการจะยุ่งเรื่องแต่งงานกับของหลาน พวกเขาเพียงหวังอยากให้หลานหาคนดี ตาก็หวัง เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต ต้องพิจารณาให้ดี”
พูดแล้ว คุณท่านฉินก็อดที่จะคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้ไม่ได้ ในใจยังคิดอยากจะให้เธอได้มาคู่กับจิ้นเฟิงเฉิน
“ถ้าพรุ่งนี้ หลานลองมาเจอแม่หนูคนนี้หน่อย บางทีหลานอาจชอบเธอจริงๆ”
สีหน้าจิ้นเฟิงเฉินค่อนข้างจนใจ เขาเม้มริมฝีปากและพูดว่า “คุณปู่ ไม่ต้องห่วงแล้วครับ เธอเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตผมไปแล้วครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!