สรุปเนื้อหา บทที่ 261 ถือเอาว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
บท บทที่ 261 ถือเอาว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 261 ถือเอาว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกัน
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น อาจจะเชื่อคำพูดของเธอ
แต่ลู่เจิงรู้จักเธอมาหลายปี ทำไมจะดูไม่ออกถึงความเจ็บปวดที่แฝงไว้อยู่ในรอยยิ้มของเธอ
แต่ว่าเธอไม่ยอมพูด เขาก็ไม่ได้ถามอีก
“ตั้งใจเชื้อเชิญไม่สู้เจอกันโดยบังเอิญ! ในเมื่อบังเอิญเช่นนี้ ผมก็ดื่มเป็นเพื่อนคุณ” ลู่เจิงหยิบเหล้าขึ้น ยิ้มอ่อนโยนจ้องมองเธอ
แท้ที่จริงแล้วเขากังวลว่าเธออยู่บาร์คนเดียวจะมีอันตราย
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่ได้พูดอะไร
……
พัวพันไปครึ่งวัน สุดท้ายจิ้นเฟิงเหราก็ตัดสินใจนำเรื่องบอกกับพี่เขา
ถึงยังไงก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสุขชั่วชีวิตของพี่เขา มีสิทธิที่จะรู้ความจริง
ถ้าหากเพราะเรื่องนี้ สองคนแยกจากกันแล้ว ก็ถือว่าหยุดการถูกทำร้ายทันมั้ง
หลังจากตัดสินใจแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็ไปหาจิ้นเฟิงเฉิน
“พี่ ผมมีเรื่องจะบอกกับคุณ”
“ถ้าหากว่าเป็นเรื่องขอลา ผ่านไปสักหลายวันค่อยพูดอีกนะ” จิ้นเฟิงเฉินพูดโดยไม่เงยหน้าแม้แต่นิด
มุมปากจิ้นเฟิงเหรากระตุกแล้วกระตุกอีก “ไม่ใช่ขอลา เป็นเรื่องที่สำคัญมาก”
“แกจะมีเรื่องสำคัญอะไร” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้นเหมือนเดิมด้วย ใส่ใจอยู่กับเอกสารในมืออย่างเดียว
จิ้นเฟิงเหรารีบร้อน “เป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่สะใภ้”
แค่ได้ยินว่ามีการเกี่ยวข้องกับเจียงสื้อสื้อ มือจิ้นเฟิงเฉินหยุดชะงักการเปิดเอกสาร เงยหน้า คิ้วกระบี่ขมวดเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวข้องกับสื้อสื้อ?”
“ก็คือ........”
ถึงตอนที่จะเอ่ยปากพูดจริงๆ จิ้นเฟิงเหรากลับลังเลแล้ว
จะพูดจริงๆหรือ?
บังเอิญพี่ถือสาจริงๆละก็ ถ้างั้นเขาก็จะกลายเป็นตัวการก่อกรรมทำชั่วที่ทำร้ายความรักของพวกเขาไม่ใช่หรือ?
เห็นคำพูดติดที่ปากเขาขนาดนี้ จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วอย่างแน่น “มีอะไรก็รีบพูด”
จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างระมัดระวังว่า “พี่ เรื่องนี้มีคนโพสต์อยู่บนฟอรัมภายในบริษัทจิ่นซื่อ จะเป็นจริงไหมยังไม่แน่นอน........”
“รีบพูด!” จิ้นเฟิงเฉินสูญสิ้นความอดทน
“ในโพสต์พูดว่าพี่สะใภ้เคยมีลูกมาก่อน”
หลังจากพูดออกมาแล้ว จิ้นเฟิงเหรารู้สึกโล่งใจ ในที่สุดก็พูดออกมาแล้ว
แต่จิ้นเฟิงเฉินอึ้งไปเลย
สื้อสื้อเคยมีลูกมาก่อนแล้วหรือ?
เห็นสภาพนั้น จิ้นเฟิงเหราพูดว่า “พี่ แต่ก่อนตอนที่ผมสืบข่าวพี่สะใภ้ ในนั้นมีปีหนึ่งอะไรก็สืบมาไม่ได้ เป็นความลับมาก ดังนั้นผมสงสัย.......”
คำพูดของเขายังพูดไม่จบ แต่จิ้นเฟิงเฉินเข้าใจความหมายของเขา
จิ้นเฟิงเฉินคืนสติกลับมาอย่างรวดเร็ว พูดไปประโยคหนึ่งแล้วอย่างสงบ “ผมรู้แล้ว”
ก็แค่นี้หรือ?!
จิ้นเฟิงเหราจ้องมองผู้ชายที่สงบอยู่ต่อหน้าอย่างแปลกใจเต็มใบหน้า
“พี่ คุณมีปฏิกิริยาเช่นนี้ไม่ถูกนะ!”
“โอ่ว?” จิ้นเฟิงเฉินยักคิ้ว “งั้นผมควรมีปฏิกิริยาอย่างไรจึงจะถูกละ?”
“ตื่นตะลึงไง!ได้ยินเรื่องแบบนี้ คุณควรตื่นตะลึงมากจึงจะถูกละ”
แม้แต่เขาก็ได้ยินเรื่องนี้ ล้วนตื่นตะลึงจนคางเกือบจะล่วงลงมาแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินไตร่ตรองสักพัก จึงพูดอย่างราบเรียบว่า “แท้จริงก่อนหน้านั้นก็คาดเดาได้คร่าวๆแล้ว”
“อ่า?” จิ้นเฟิงเหราจ้องมองเขาอย่างเหลือเชื่อ
แม้แต่เรื่องอย่างนี้ก็ยังคาดเดาได้ด้วยหรือ?!
จิ้นเฟิงเฉินคาดเดาได้คร่าวๆแล้วจริงๆ
เขาฉลาดหลักแหลมมาโดยตลอด สามารถรู้สึกถึงว่าสื้อสื้อมีเรื่องปกปิดเขา
ก่อนหน้านั้นเจียงนวลนวลมีหลายครั้งที่อยากจะพูดอะไร ล้วนถูกเธอห้ามไว้แล้ว อีกทั้งอารมณ์ยังขึ้นลงอย่างมาก
สิ่งที่เจียงนวลนวลอยากจะพูดก็คือสิ่งที่เธออยากจะปกปิด
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นให้สัญญาณเขาเงียบ เขาจะโทรหาเจียงสื้อสื้อ
ในฟอรัมของบริษัทโพสต์ข้อความเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าเธอรู้หรือยัง
จากนิสัยของเธอ ถ้าหากว่ารู้แล้ว ย่อมคิดจะหนีออกจากข้างตัวเขาอีกครั้งแน่นอน
โทรหาต่อๆกันตั้งหลายสาย ล้วนติดต่อไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว ในใจเกิดลางสังหรที่ไม่ดีขึ้น
เขามองไปยังจิ้นเฟิงเหรา ถามว่า “เรื่องที่โพสต์ข้อความ จัดการหรือยัง?”
“ให้คนไปจัดการแล้ว”
เรื่องนี้มีผลสะท้อนแรงขนาดนี้ เขาย่อมให้คนไปจัดการตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน
เห็นสีหน้าจิ้นเฟิงเฉินไม่ดี จิ้นเฟิงเหราลองถามดูว่า “พี่สะใภ้ไม่รับสายหรือ?”
“ผมกลับไปบ้านสักครั้ง เรื่องของบริษัทแกดูไว้นะ”
จิ้นเฟิงเฉินหยิบแจ็คเก็ตสวมใส่เข้าไป เดินออกไปอย่างก้าวใหญ่
ตอนที่เดินถึงประตู เขาหันกลับไป น้ำเสียงตักเตือนอย่างเข้มงวดว่า “เรื่องนี้แกแกล้งทำไม่รู้ดีที่สุด”
จิ้นเฟิงเหราเข้าใจจุดประสงค์ของเขา พยักหน้าพูดว่า “คุณโปรดวางใจ ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”
……
รถขับอยู่บนถนนอย่างรวดเร็ว สายตาเคร่งขึมของจิ้นเฟิงเฉินจ้องมองทางข้างหน้า
มือถือของสื้อสื้อติดต่อไม่ได้โดยตลอด
ตอนนี้เขากลัวที่สุดก็คือเธอรู้เรื่องข้อความแล้ว เรื่องที่เธอปกปิดมาโดยตลอดถูกคนเปิดโปงอยู่ต่อหน้าคนทั้งหลายเช่นนี้ ย่อมรับไม่ได้อย่างแน่นอน
กลัวมากจริงๆว่าเธอจะเลือกหนีไปไกลๆอีกครั้ง
จึงไม่ง่ายที่เธอจะยินยอมรับเขา ความรักของทั้งสองก็ยิ่งมายิ่งลึกด้วย เขาไม่ยอมให้เรื่องนี้ทำร้ายความรักระหว่างพวกเขา
เขาอยากบอกเธอไว้ บอกกับเธอ เขาไม่ถือสา
สิ่งที่เขาอยากจะได้ก็มีเพียงเธอ กับอดีตของเธอไม่เกี่ยวข้องกันเลย
นึกถึงตรงนี้ เขาใช้เท้าเหยียบคันเร่งลง รถขับไปทางบ้านอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!