บทที่ 27ผมจะเป็นเด็กดีครับ
จิ้นเฟิงเฉินก้มลงมาอุ้มเขาขึ้นไป แล้วปลอบไปว่า “ไม่ใช่หรอก น้าสื้อสื้อชอบหนูที่สุดแล้ว”
“แล้วทำไมเธอต้องวิ่งหนีไปด้วยล่ะครับ?” เสี่ยวเป่าร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ
จิ้นเฟิงเฉินพูดพร้อมกับตบหลังให้เขาไปด้วย “น้าเขาถูกคนไม่ดีรังแก เป็นเพราะพ่อไม่ได้ปกป้องน้าเขาดีๆ เดี๋ยวพ่อจะให้อามารับนะ พ่อสัญญาว่าพ่อจะต้องพาตัวน้าสื้อสื้อกลับมาให้ได้ ดีไหม?”
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมามองเขา “ผมจะไปกับพ่อครับ ผมอยากเจอน้าสื้อสื้อครับ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้นะ เป็นเด็กดีนะ ถ้าหนูยังอยากเจอหน้าน้าสื้อสื้ออีกก็กลับบ้านไปนะ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้หนูอาจจะไม่ได้เจอหน้าน้าสื้อสื้ออีกเลยก็ได้นะ”
เสี่ยวเป่าเบะปากแล้วอยากร้องไห้อีก
จิ้นเฟิงเฉินมองเขา “ว่าไง?”
เสี่ยวเป่าเช็ดน้ำมูกออก “ผมจะเป็นเด็กดีครับ”
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกพอใจมาก จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาจิ้นเฟิงเหรา สั่งให้เขามารับคนให้เร็วที่สุด
จิ้นเฟิงเหราที่กำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆ อยู่ในคลับเฮาส์ กำลังดื่มด่ำกับเหล้าดีและหญิงงาม แล้วก็ถูกพี่ชายบังคับให้มาหามาถึงก็อยากบ่นอะไรสองคำ แต่พอเห็นหน้าเสี่ยวเป่าที่ร้องไห้จนตาบวม หัวใจของเขาก็แทบจะแตกสลายแล้ว
“โอ๋ๆ เสี่ยวเป่าหลานรักของอา เป็นอะไรฮื้อ? ร้องไห้ทำไมครับ มาเร็วให้อาอุ้มหน่อย อารักหนูนะ”
“คุณอาครับ”
เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาหาเขา เสียงสะอึกสะอื้น เหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม
หัวใจของจิ้นเฟิงเหรานั้นแตกสลายไปแล้ว ทั้งอุ้มทั้งปลอบ แล้วใช้สายตาที่เชิงตำหนิมองมาที่พี่ชาย “นี่พี่ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ เสี่ยวเป่ายังเด็ก เรื่องบางเรื่องค่อยๆ พูดไม่ได้เหรอครับ? ทำไมต้องตำหนิหลานด้วยท่าทางที่น่ากลัวแบบนั้นทุกครั้งเลยด้วย………”
จิ้นเฟิงเฉินขัดจังหวะตอนที่น้องชายบ่น แล้วพูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “เรื่องที่แกจะเล่นงานบริษัทหลานซื่อกรุ๊ปไปถึงไหนแล้ว?”
ถึงกับสะดุ้ง แล้วตอบด้วยความกุกตะกักว่า “ยะ………ยังไม่ได้เริ่มเลยครับ ผมกำลังรอให้บริษัทหลานซื่อกรุ๊ปกับบริษัทX.C.ร่วมมือกันอยู่ครับ แต่คิดว่าคงเป็นวันสองวันนี้แหละครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาด้วยความอันตราย “ตอนที่ลงมือก็เอาให้หนักไปเลยไม่ต้องออมมือ”
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่ามันมีอะไรแอบแฝงอยู่ จึงถามไป “มีอะไรหรือเปล่าครับ? คนแซ่หลานมันสร้างปัญหาอะไรให้พี่อีก? หรือว่ามันไปทำอะไรให้พี่สะใภ้ในอนาคตกันครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่คิดจะอธิบายอะไรกับเขา หยิบเสื้อสูทที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาสวมใส่ แล้วพูดว่า “คืนนี้เสี่ยวเป่าแกเอาไปดูแลนะ”
“หา?” จิ้นเฟิงเหราอึ้งไปเลย จึงรีบถามไปว่า “ได้น่ะมันได้ แต่พี่จะบอกผมก่อนไม่ได้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่……”
แต่พี่ชายของเขากลับไม่ตอบอะไร หน้ายังไม่หันกลับมาแล้วก็เดินจากไปเลย
………
จิ้นเฟิงเฉินพอออกมาจากภัตตาคารก็รีบขับรถไปยังฝูหรงย่วนในทันที
เดิมเป็นระยะทางที่ต้องใช้สามสิบนาทีในการเดินทาง ก็ถูกย่อจนเหลือแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นเอง
พอมาถึงที่หมาย เขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองไปยังที่พักของเจียงสื้อสื้อ แล้วเห็นว่าไฟในห้องติดอยู่ ในเวลาอันสั้น หัวใจที่เป็นกังวลของเขาก็ได้สงบลง
ยังดีที่เธอไม่มีนิสัยที่ชอบหนีไปหลบซ่อน!
รอจนตัวเองพอใจแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงได้ก้าวลงมาจากรถ
ในเวลาเดียวกัน
เจียงสื้อสื้อกำลังนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ เอาหัวแช่ลงไปในน้ำ
เธอยังคงสับสนวุ่นวาย ไม่สามารถทำให้ตัวเองสงบลงได้ รู้สึกอับอายกับการที่ตัวเองหนีออกมาทั้งอย่างนั้น แล้วยังจะมีภาพที่ทิ้งเสี่ยวเป่าตรงนั้นอีก มันยิ่งทำให้เธอยิ่งรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
ไม่รู้ว่าเด็กน้อยที่น่ารักคนนั้นตอนนี้จะรู้สึกแย่ขนาดไหนแล้ว?
เขาคงกำลังร้องฟูมฟายอยู่แน่ๆ แค่คิดก็เจียงสื้อสื้อปวดใจแล้ว
แต่ว่า เธอก็จำต้องเตือนสติตัวเองว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
โลกของเธอกับเสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉิน มันเป็นโลกคนละใบกัน ต่อให้วันนี้ไม่แยกจากกัน อนาคตไม่ว่ายังไงก็ต้องจบกันอยู่ดี
พอถึงตอนนั้นคงทำใจไม่ได้แน่ สู้เจ็บปวดไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
“ที่สำคัญเราก็เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่วันเอง ไม่แน่เด็กคนนั้นอาจจะลืมฉันไปในไม่ช้าก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!