บทที่ 292 หายใจไม่ทั่วท้อง
ถึงแม้คุณแม่จิ้นจะขอร้อง แต่เสี่ยวเป่าก็ยังคงไม่ทำตาม และก็ยังคงเรียกเจียงสื้อสื้อว่าหม่ามี๊ตามเดิม
ตอนแรกเริ่มพอคุณแม่จิ้นได้ยินเขาเรียก ก็เอ็ดเตือน แต่เสี่ยวเป่ากลับไม่ฟัง
พอนานไป คุณแม่จิ้นก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วปล่อยให้เสี่ยวเป่ายอมรับว่าเธอเป็นแม่บุญธรรมคนหนึ่งไป
คุณแม่จิ้นเองก็คิดแบบนั้น
แต่จิ้นเฟิงเหรากลับเข้าใจผิดคิดว่า แม่ของเขายอมรับเจียงสื้อสื้อแล้ว จึงไปพูดกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างดีอกดีใจ : “พี่ครับ พี่ทำได้ไม่เลวเลยนะครับเนี่ย”
“หือ?”
“ก็ที่พี่ให้พี่สะใภ้มาอยู่ที่บ้าน แม่เองก็เป็นคนที่ใจอ่อนง่าย พอได้อยู่กับพี่สะใภ้นานๆ ท่าทีของแม่ก็เลยเปลี่ยนไปล่ะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “นายคิดว่าพี่ตั้งใจทำเรื่องนี้งั้นหรือ?”
“หรือว่าไม่ใช่หรือครับ?”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ” จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับอย่างเรียบเฉย “เป้าหมายของพี่ก็ง่ายๆ เพียงแค่อยากให้มีคนดูแลสื้อสื้อก็เท่านั้น อีกอย่าง......” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง “แม่น่ะยังไม่ยอมรับสื้อสื้อหรอกนะ”
“จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะครับ? ก็ไม่ใช่ว่าเธอ......” ในมุมมองของจิ้นเฟิงเหรา การที่แม่ยอมรับให้เสี่ยวเป่าเรียกเธอแบบนั้น ก็ถือว่าเป็นการยอมรับแล้ว
“นายก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้นิสัยของเสี่ยวเป่านี่ เขากับพี่น่ะมีความคิดแบบเดียวกัน แล้วจะไปเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ ยังไงล่ะ? แม่เองก็คงจะรู้ในจุดนี้ดี ดังนั้นก็เลยปล่อยไป”
“เป็นยังงั้นเองหรือครับ?” จิ้นเฟิงเหราคิดอยู่ในใจว่าพี่ชายเขาจะคิดมากไปหรือเปล่านะ
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็หรี่ตามอง “ถ้าหากอยากให้แม่ยอมรับล่ะก็ คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นหรอก”
เรื่องที่ผ่านมาของสื้อสื้อนั้น เขาไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์อะไรเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลจิ้นคนอื่นๆ จะไม่รังเกียจตามไปด้วย
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน้าตาของตระกูล ทำให้เรื่องที่พวกเขาจะยอมรับสื้อสื้อได้นั้น ยากเสียยิ่งกว่ายากอีก!
จิ้นเฟิงเหราครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้น : “พี่ครับ แล้วพี่อยากจะตรวจสอบเรื่องนั้น ของพี่สะใภ้ให้ชัดเจนไหมล่ะครับ?”
“ไม่จำเป็นหรอก” ถึงแม้เขาจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่จิ้นเฟิงเฉินก็รู้ว่าเรื่องที่เขาหมายถึงคืออะไร “เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงมันอีก”
“อ้อ” จิ้นเฟิงเหราเบะปากทำหน้าเหยเก
“แล้วมีข่าวคราวอะไรจากทางตำรวจบ้างหรือเปล่าล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
ยังมีโจรลักพาตัวเสี่ยวเป่าคนหนึ่ง ที่ยังคงหลบหนีอยู่ แถมยังเป็นคนที่ยิงสื้อสื้อบาดเจ็บอีกด้วย จำเป็นต้องจับกลับมารับโทษให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะขจัดความเดือดดาลที่มีในใจของเขาทิ้งได้
“ยังไม่มีข่าวอะไรเลยครับ อีกฝ่ายแทบไม่เผยข้อมูลอะไรให้ตรวจสอบได้เลย หากคิดจะจับตัว เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักหน่อยล่ะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ถ้ามีข่าวอะไรก็บอกพี่แล้วกัน”
“ได้เลยครับ”
......
หลังจากที่คุณแม่ซูหุนหัน ออกจากบ้านตระกูลจิ้นไปก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยสักครั้ง
ซูชิงหยิงเองหลังจากที่รู้เรื่องจากคุณแม่จิ้น จากปากของแม่เธอเองนั้น เธอก็โกรธเสียจนแทบจะกินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว
หลังจากตอนที่เจียงสื้อสื้อได้รับบาดเจ็บบนภูเขาครั้งก่อนนั้น เธอก็รู้สึกได้เลยว่า ท่าทีที่คุณแม่จิ้นมีต่อเธอเปลี่ยนไป ซึ่งไม่ได้ดูสนิทสนมเหมือนแต่ก่อน กลับดูเยือกเย็นกว่าเดิมหน่อยๆ ด้วยซ้ำ
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไป แล้วทำไมถึงได้แนะนำให้จิ้นเฟิงเฉิน กับหลี่หยวนหยวนนั่นได้รู้จักกันล่ะ?
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เธอก็ยังพูดต่อหน้าตัวเธอเองว่า ตัวเธอเป็นลูกสะใภ้ที่เลือกมาอย่างพึงพอใจที่สุด
ซูชิงหยิงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกหลอกเข้าแล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกยากที่จะลืมเรื่องนี้ได้ลง
ดังนั้น เธอกับแม่ต้องไปที่บ้านตระกูลจิ้น เหตุผลแรกที่ไปก็เพราะอยากจะไปดู คนต่ำช้าอย่างเจียงสื้อสื้อคนนั้น ส่วนเหตุผลรองก็คือจะไปยืนยันท่าทีของคุณแม่จิ้น ด้วยตัวของเธอเองอีกครั้ง
และด้วยการมาถึงของพวกเธอ ทำให้คุณแม่จิ้นรู้สึก ทั้งไม่มีน้ำใจต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งไม่สงบเยือกเย็น จากที่ยังดีๆ อยู่เมื่อกี้นี้ แถมยังต้อนรับพวกเธอราวกับเป็นแขกธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ
สิ่งนี้ทำให้ใจของซูชิงหยิงรู้สึกไม่สบายใจเลย
ก่อนหน้าที่เธอมาที่บ้านตระกูลจิ้นนั้น คุณแม่จิ้นมักจะจูงมือเธอไปพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันอย่างสนิทสนม แถมยังคอยสั่งคนรับใช้ให้ไปเตรียมขนมที่เธอชอบอีก
แต่ตอนนี้ล่ะ?
ซูชิงหยิงจ้องไปยังแก้วชาสองใบ อีกทั้งขนมกุ้ยฮวาที่วางอยู่ข้างๆ บนโต๊ะด้วยสายตาที่มืดทึม
นั่นเป็นขนมที่เธอเกลียดที่สุด
แต่ดูเหมือนว่าคุณแม่จิ้นจะลืมไปแล้วสินะ
นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ได้แล้วว่า เธอไม่ได้เอาใจใส่ตัวเธอเองเลย
พอคิดถึงตรงนี้ ซูชิงหยิงก็กำหมัดขึ้นช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยแววตาที่ส่อประกายมืดทึมอยู่ภายใน แต่ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าถามออกไป : “คุณป้าคะ แล้วเจียงสื้อสื้อล่ะคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!