ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 320

สรุปบท บทที่ 320 แกคือผู้บงการ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปตอน บทที่ 320 แกคือผู้บงการ – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

ตอน บทที่ 320 แกคือผู้บงการ ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 320 แกคือผู้บงการ

เมื่อเข้ามายังห้องพักผู้ป่วย เจียงสื้อสื้อก็เชิญให้ลู่เจิงนั่งลงแล้วเธอก็รินน้ำให้เขาดื่ม

“ขอบคุณครับ” ลู่เจิงรับน้ำไปดื่ม จากนั้นก็ลังเลอยู่สักพักจึงเอ่ยว่า “สื้อสื้อ ที่จริงผมมาวันนี้เพราะมีเรื่องอื่นจะบอก”

ท่าทีลังเลของเขาเมื่อครู่ เจียงสื้อสื้อสัมผัสได้ตั้งแต่แรกแล้ว

ดังนั้นเธอจึงยิ้มและพูดขึ้นว่า “รุ่นพี่มีอะไรก็พูดตามตรงเถอะค่ะ”

“อืม......” ลู่เจิงกลืนน้ำลายแล้วบอกว่า “คือเรื่องเป็นอย่างนี้นะ วันนี้ที่จริงผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ พอรู้เรื่องเรา ก็ตรงมาที่นี่เลย ยังไม่ได้เข้าบริษัท”

“ขอบคุณรุ่นพี่มากนะคะที่เป็นห่วง”

“แต่ที่ผมพูดไม่ใช่เพราะต้องการคำขอบคุณจากเรานะ” ลู่เจิงถอนหายใจและพูดว่า “สิ่งที่ผมอยากบอกก็คือ บริษัทผมทำความร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่ง เขามีสินค้าใหม่จะนำเข้าตลาด ต้องการทำโฆษณา”

“ผลงานของฝ่ายโฆษณาที่บริษัทผม ลูกค้าไม่พอใจเท่าไหร่ พี่เลยเอาผลงานก่อนหน้านี้ของเราให้ดู ก็เลย......”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่เจิงก็หยุดลง

เจียงสื้อสื้อพอจะเดาออกว่าเขาหมายถึงอะไร

“หรือพวกเขาต้องการให้ฉันช่วยออกแบบให้?” เธอลองถามดู

เมื่อได้ยินดังนั้นลู่เจิงก็หัวเราะแล้วพูดว่า “สื้อสื้อ เธอนี่ฉลาดจริงๆ คือแบบนี้นะ พวกเขาอยากให้เธอออกแบบแผนโฆษณาให้น่ะ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ลู่เจิงก็เสริมขึ้นมาว่า “แต่ถ้าไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมหาวิธีเอง”

เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วครุ่นคิด “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำนะคะ แต่ดูฉันตอนนี้สิ อาจจะช่วยรุ่นพี่ไม่ได้ละค่ะ”

แม้ว่าจะพอเดาออกว่าคำตอบออกมาในรูปแบบใด แต่ลู่เจิงก็แอบผิดหวังเล็กน้อย

เขาสูดหายใจเข้าแล้วพูดออกมาว่า “ผมไม่ได้ขออนุญาตจากคุณก็เอาผลงานของคุณให้พวกเขาดูแล้ว”

เจียงสื้อสื้ออดที่จะขำออกมาไม่ได้

ลู่เจิงงุนงง “สื้อสื้อ มีอะไรน่าขำเหรอ?”

“รุ่นพี่คะ ที่จริงฉันล้อเล่นน่ะ” เจียงสื้อสื้อหัวเราะมองดูเขา

“ล้อเล่น?”

“ตั้งแต่ฉันกลับมาจากเมืองหนานก็ได้แต่อยู่บ้าน แต่ละวันกินๆนอนๆ แทบจะป่วยจริงๆแล้วค่ะเนี่ย อยากทำงานจะตายอยู่แล้วล่ะค่ะ”

ลู่เจิงขมวดคิ้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณ......”

เป็นแบบที่เขาคิดใช่ไหม?

เจียงสื้อสื้อตอบกลับมาว่า “ฉันจะทำให้ค่ะ”

เมื่อได้ยินคำนั้น ลู่เจิงก็ดีใจเบิกตากว้าง “จริงเหรอ?”

“ค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้า

“ขอบคุณเธอมากนะเจียงสื้อสื้อ” ลู่เจิงดีใจจนลุกขึ้นมาแล้วพูดต่อไปว่า “ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี!”

เมื่อเห็นท่าทางเขาดีใจเช่นนั้น ซึ่งแตกต่างไปจากปกติ เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “รุ่นพี่คะ ตอนนี้พี่ท่าทางเหมือนกับเด็กดีใจได้ของเล่นใหม่เลย”

“ตอนนี้อารมณ์ผมไม่ต่างจากเด็กที่ดีใจจริงๆ” ลู่เจิงถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “เดิมทีผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธความร่วมมือครั้งนี้ไปเสียแล้ว”

เจียงสื้อสื้อหัวเราะแล้วพูดว่า “พี่คุยกับเขาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเปลี่ยนแปลงกะทันหันจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัทได้นะคะ”

“ใช่แล้ว ดังนั้นผมจึงขอบคุณคุณมาก”

ลู่เจิงพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ

เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “เมื่อเทียบกับการที่พี่เคยช่วยฉัน แล้วมันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยค่ะ”

หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อถามเขาว่า “ต้องส่งเมื่อไหร่คะงานนี้?”

“ตอนนี้สินค้ายังไม่ได้กำหนดเวลาวางตลาด ดังนั้นทางบริษัทให้เวลาประมาณครึ่งเดือน”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้าแล้วถามว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนส่งชื่อบริษัทและรายละเอียดของสินค้าทุกอย่างมาที่อีเมลฉันด้วยนะคะ 2-3 วันนี้ฉันจะได้เริ่มออกแบบเลย”

“ร่างกายเราไหวเหรอ?” ลู่เจิงถามด้วยความเป็นห่วง

“วางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น!” เจียงสื้อสื้อยิ้มกลับ

ไม่นานต่อมาก็มีข้อความเข้าที่เครื่องเธอ

“ถ้าแกไม่รับโทรศัพท์ ฉันจะบอกเรื่องราวทุกอย่างกับทางตำรวจ”

ครั้งนี้เธอจำเป็นต้องรับสาย และถามว่า “มีเรื่องอะไร?”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเธอ เจียงนวลนวลก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ซูชิงหยิง แกนี่มันร้ายกาจจริงๆนะที่กล้าใช้ฉัน”

ในเมื่อซูชิงหยิงจะให้เธอเป็นแพะรับบาป เธอก็จะทำให้ซูชิงหยิงเห็นว่าใครกันแน่ที่โหดร้ายกว่ากัน

เมื่อได้ยินดังนั้น ซูชิงหยิงก็ขมวดคิ้วขึ้น “หรือว่าแกรู้อะไรมา?”

“ใช่ ฉันรู้หมดแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงของเจียงนวลนวลในสายโทรศัพท์ ซูชิงหยิงก็ตกใจมาก เธอจึงได้รู้ว่าเมื่อสักครู่เธอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สมควรออกไป

“แกรู้อะไร?” ซูชิงหยิงถาม

ซูชิงหยิงแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เจียงนวลนวลหัวเราะแล้วพูดว่า “ซูชิงหยิง ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องหรอก ตอนนี้ทางตำรวจหาตัวฉันเจอแล้ว แกคิดว่าฉันรู้อะไรล่ะ?”

“แกนี่มันหน้าด้านจริงๆนะ โกหกหลี่หมิงได้ว่าแกชื่อเจียงนวลนวล ดีนะที่มันเคยเจอหน้าแกมาก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงต้องเป็นแพะรับบาปไปแล้วสินะ”

ทางตำรวจตรวจสอบได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?

ไม่สิควรจะบอกว่า หลี่หมิงนั่นพูดทุกอย่างไปหมดแล้วสินะ?

ซูชิงหยิงตกใจมาก แต่เธอก็รีบคุมสติอารมณ์ให้เร็วที่สุดและพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แกจะพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ ยังไงซะเรื่องนี้แกก็มีส่วนร่วมด้วยไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ ฉันมีส่วนร่วมด้วย แต่ฉันก็เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด แกสิ!ถึงจะเป็นผู้บงการ ซูชิงหยิง”

ซูชิงหยิงหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “แกบอกตำรวจไปหมดทุกอย่างแล้วเหรอ?”

“เปล่า! ฉันไม่ได้โง่นะ จะบอกตำรวจได้ยังไง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซูชิงหยิงก็ได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!