ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 393

สรุปบท บทที่ 393 คุณหลอกฉันไม่ได้: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

อ่านสรุป บทที่ 393 คุณหลอกฉันไม่ได้ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 393 คุณหลอกฉันไม่ได้ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 393 คุณหลอกฉันไม่ได้

รอจนกว่าเธอจะเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าจิ้นเฟิงเหราถูกหามขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว แม้ว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนเขา แต่เธอก็จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล

ตอนนี้เอง จิ้นเฉินเฟิงยืนอยู่หน้าประตูรถ พยักหน้าให้เธอ เหมือนแสดงความหมายว่าให้เธอไปได้

เห็นเธอโยนขวดน้ำทิ้ง แล้วรีบตามไปทันที

ในเมื่อภายในรถพยาบาล ไม่อาจบรรทุกผู้โดยสารได้มากมายขนาดนั้น ส้งหวั่นชีงก็เป็นพยาบาลอีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บ นั่งด้านในรถถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว จิ้นเฟิงเฉินจึงได้แต่ขับรถตามไป

ตำรวจเห็นเขาเตรียมจะขับรถ จึงรีบเอ่ยว่า “คุณจิ้นครับ รบกวนคุณอยู่ต่อสักครู่ มีบางสิ่งในสถานที่เกิดเหตุนี้ที่ต้องได้รับการยืนยัน”

เวลานี้เขาไม่สนใจรายละเอียดอะไรเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ในหัวเป็นห่วงกังวลอาการบาดเจ็บของจิ้นเฟิงเหรา แต่เขาก็ไม่อาจทิ้งตำรวจไว้ที่นี่ได้ ดังนั้นจึงพูดกับกู้เนี่ยนว่า “คุณอยู่ที่นี่จัดการเรื่องรายละเอียดให้เรียบร้อย ผมต้องรีบไปโรงพยาบาล”

พูดจบก็ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดต่อว่า “ให้ผู้ช่วยของผมอยู่ที่นี่ได้มั้ยครับ”

หากไม่ใช่เพราะเรื่องงาน พวกตำรวจก็คงไม่อยากรั้งตัวเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาก็ให้วิธีที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจร้องขอได้ จึงรีบพยักหน้าตอบว่า “ได้ครับ ขอแค่พวกเขาสามารถเป็นตัวแทนคุณได้”

แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะรู้ดีถึงความสามารถของกู้เนี่ยน แต่ว่าในเมื่อมีความเกี่ยวพันถึงจิ้นเฟิงเหรา ความสัมพันธ์ของพี่น้องที่เขาไม่อาจทำแทนได้ ดังนั้นจึงกำชับว่า:“มีเรื่องสำคัญก็โทรหาผม”

พูดจบประโยคนี้ ก็ขับรถตามออกไป

พวกตำรวจมองด้านหลังของจิ้นเฟิงเฉินที่จากไป ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในชั่วพริบตา โชคดีที่คุณชายรองของตระกูลจิ้นไม่เป็นอะไร ไม่เช่นนั้นพวกเขาเหล่านี้อาจจะไม่ได้อยู่อย่างสงบอีกต่อไป ถึงเวลาคงต้องมีแต่เรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน

ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่า จิ้นเฟิงเฉินนั้นมีอิทธิพลมากขนาดไหน สามารถแทรกแซงที่ไหนได้บ้าง

เพราะเมื่อครู่จิ้นเฟิงเฉินทิ้งระยะห่างไปบ้าง ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้แต่เร่งความเร็วสูงสุดภายใต้ความเร็วที่กำหนดไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะตามรถพยาบาลทัน

เมื่อถึงประตูโรงพยาบาล จิ้นเฟิงเหราก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ในเมื่อผิวหนังถูกเผาไหม้มากขนาดนั้น เวลานี้หากไม่รักษาให้ดี เกรงว่าถึงเวลาอาจจะต้องปลูกถ่ายผิวหนัง

ส้งหวั่นชีงลงจากรถพยาบาลแล้ว ก็ถูกพาไปที่ห้องฉุกเฉิน แต่ยังดีที่แผลของเธอนั้นไม่ร้ายแรงนัก แค่แผลถลอกเล็กน้อยเท่านั้น ควันที่สูดเข้าไปในปอดอาจจะกำจัดได้ไม่หมดในระยะนี้ ก็ได้แต่ค่อยเป็นค่อยไป

ยิ่งไปกว่านั้น จิตใจของเธอตอนนี้พะวงอยู่กับจิ้นเฟิงเหรา ยังจะมีอารมณ์ไปคิดถึงเรื่องอื่นใดได้อีก ดังนั้นหลังจากที่เธอพันแผลเสร็จ ก็รีบพรวดพราดออกไปทันที พุ่งตัวไปที่ห้องผ่าตัด

จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอยังชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “คุณไม่ไปพักผ่อนเสียหน่อยเหรอ ผมเห็นคุณก็บาดเจ็บไม่น้อย”

ส้งหวั่นชีงส่ายหน้าอย่างหนักแน่น ตัวเกร็งไปทั้งตัวจ้องเขม็งไปที่ที่ห้องผ่าตัด ถามว่า “เมื่อกี้คุณหมอได้ออกมาบ้างหรือยัง พูดว่าอย่างไรบ้างคะ”

ได้ยินประโยคนี้ของเธอ จิ้นเฟิงเฉินได้แต่ส่ายหน้า ความจริงแล้วเขาจะไม่กังวลได้อย่างไร น้องชายแท้ๆของเขาทั้งคน และถ้าเขามีความสามารถอยู่บ้าง จิ้นเฟิงเหราก็คงไม่ต้องตกอยู่สถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้

คนที่ควรจะนอนอยู่ในห้องผ่าตัดตอนนี้เห็นชัดว่าควรจะต้องเป็นตนเอง แต่ตอนนี้กลับเป็นจิ้นเฟิงเหรามาแทนที่

พักใหญ่ จิ้นเฟิงเฉินจึงเอ่ยว่า“คุณกลับไปพักผ่อนบ้างเถอะ สภาพของคุณตอนนี้ก็ไม่ไหว มีข่าวคราวอะไรผมจะบอกคุณ คุณไปเข้าพักรักษาตัวเสียหน่อยนะ”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ส้งหวั่นชีงได้แต่ส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น มีเพียงเธอคนเดียวที่รู้ ว่าจิ้นเฟิงเหราในตอนนี้ สำหรับเขาแล้วมีความหมายอะไร

ตอนที่ควันลอยหนาคลุ้ง เธอมองที่ใบหน้าของจิ้นเฟิงเหรา พลางคิดว่าหากคนคนนี้จากตัวเองไปจะเป็นอย่างไร เธอก็รู้ ว่าเธอไม่อาจตีจากคนคนนี้ไปไหนได้อีกแล้ว

เห็นเธอไม่อยู่กับร่องกับรอยรีบถามว่า “แล้วคุณล่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความร้อนใจ ราวกับว่าวินาทีต่อไปก็จะพุ่งตรงเข้ามาที่โรงพยาบาลก็ไม่ปาน

จิ้นเฟิงเฉินตอบเสียงแผ่วว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เป็นอะไร”

แต่ต่อให้เขาพูดแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีวันเชื่อ ในเมื่อเรื่องราวในช่วงนี้ส่วนใหญ่เธอก็รู้ดี ตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียว เธอคงไม่อาจเชื่อถือได้

ได้แต่พูดอย่างสงสัยว่า “ฉันไม่เชื่อ คุณอยู่โรงพยาบาลไหน ฉันจะไปตอนนี้”

พอได้ยินว่าเธอจะมา จิ้นเฟิงเฉินก็รีบเอ่ยขวางขึ้นมาว่า “คุณไม่ต้องมา จริงๆ ผมไม่ได้เป็นอะไร รอให้เฟิงเหราออกมา ผมก็จะกลับไปแล้ว”

แม้ว่าตอนนี้จิ้นเฟิงเหราจะยังทำการผ่าตัดอยู่ แต่จิ้นเฟิงเฉินก็คิดว่า คนดีผีต้องคุ้มครอง ครั้งนี้จะต้องไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาถูกพบอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นยังมีสัญญาณชีพดีอยู่ ตามที่หมอบอก ตอนที่พบเขานั้น ยังมีโอกาสรอด

ปลายสายอย่างเจียงสื้อสื้อนั้นร้อนใจจนแทบนั่งไม่ติด แต่ก็ยังถามว่า “คุณไม่ได้เป็นอะไรจริงใช่มั้ย โกหกฉันไม่ได้นะคะ” เธอพูดพลาง เหมือนจะร้องไห้ด้วยความร้อนใจพลาง

เห็นเธอเป็นแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็แทบใจสลาย รีบเอ่ยว่า “สื้อสื้อ ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ เห็นมั้ยว่าตอนนี้ผมกำลังคุยกับคุณอยู่นี่ไม่ใช่หรือ และก็ไม่ได้มีหมอพยาบาลอยู่รอบข้างคอยขัดขวางผม แสดงว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องเป็นห่วง ได้มั้ย”

เกลี้ยกล่อมเธออยู่นานสองนาน เจียงสื้อสื้อถึงได้ยอมวางสายอย่างกึ่งเชื่อกึ่งระแวง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!