ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 433

สรุปบท บทที่ 433 รักเหมือนลูกในไส้: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปตอน บทที่ 433 รักเหมือนลูกในไส้ – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

ตอน บทที่ 433 รักเหมือนลูกในไส้ ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 433 รักเหมือนลูกในไส้

“รับทราบครับ”

เมื่อเห็นแม่จิ้นพูดมาอย่างนั้น จิ้นเฟิงเหราก็รีบชิ่งไปในทันที

กว่าจะส่งแขกทุกคนกลับจนหมดเวลาก็ล่วงเลยเที่ยงคืนไปแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน จิ้นเฟิงเหราก็ถอดชุดสูทออก นวดๆ หัวไหล่ที่แสนเมื่อยของตัวเอง จากนั้นก็อยากจะทิ้งตัวลงนอนในทันที

เขาคิดไม่ตกเลยจริงๆ ว่าจะเชิญคนมาร่วมงานให้มันมากมายขนาดนี้ทำไม

บางทีมันอาจจะเป็นความหวังดีที่เขาว่ากันก็ได้

“แล้วที่ฉันถามแกไปล่ะ ทำไมไม่ตอบ?” แม่จิ้นถามจิ้นเฟิงเหราด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด แต่เขากลับทำตัวเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“จิ้นเฟิงเหรา!” แม่จิ้นโมโห

ในที่สุดเสียงคำรามนี้ก็สามารถดึงสติของจิ้นเฟิงเหราให้กลับมาได้

“แม่ นี่แม่เป็นอะไรครับ?”

แม่จิ้นพยายามข่มความโกรธเอาไว้ จากนั้นก็ทวนคำถามที่เพิ่งถามไปเมื่อกี้ออกมาอีกรอบ

“ฉันถามแกว่า ถูกใจใครเข้าบ้างรึเปล่า?”

จิ้นเฟิงเหราส่ายหน้า “ไม่เลยครับ?”

พอแม่จิ้นได้ยินอย่างนั้น ไฟแห่งความโกรธก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มบ่นออกมาอย่างยาวเหยียด

“แกนี่นะ อย่าหวังสูงขนาดนี้ได้ไหม? แกอยากได้หลินไต้อวี้ในเทพนิยาย อยากได้นางฟ้าบนสวรรค์ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? ขอแค่ใครสักคนที่พอใช้ได้ แล้วมาลองคุยๆ กันดู ถ้ารักแรกพบไม่มีเราก็แค่ค่อยๆ ศึกษากันไปก็ได้หนิ”

เมื่อถูกแม่พูดมาแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกว่าเรื่องมันชักจะยุ่งยากเกินไปแล้ว “แม่ครับ แม่อย่าถามอย่างนี้ได้ไหมครับ……”

“ไม่ได้ แกนี่นะ แค่บอกให้แกหาแฟนสักคนทำอย่างกับว่าฉันไปหยิกเนื้อแกอย่างนั้นแหละ ถ้ายังหาไม่ได้อีกละก็เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเลือกให้แกแล้วนะ”

ถึงแม้แม่จิ้นพูดจะโกรธมาก แต่ทุกคำที่เธอพูดออกมานั้นเธอก็พูดอย่างจริงจัง

เมื่อจิ้นเฟิงเหราได้ยินอย่างนั้น เขาก็จำต้องตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “แม่อย่าห่วงไปเลยครับ ผมมีคนที่ผมชอบแล้ว”

พอได้ยินเขาพูดมาอย่างนั้น สายตาของแม่จิ้นก็เป็นประกายขึ้นมาทันที จึงรีบถามกลับไปว่า “ใครเหรอ? อายุเท่าไหร่? แม่รู้จักรึเปล่า?”

พอถูกแม่ยิงคำถามออกมาเป็นชุดขนาดนี้ จิ้นเฟิงเหราที่ได้ยินก็ถึงกับทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

“โอ๊ย แม่ครับ แม่อย่าเพิ่งถามมากขนาดนี้ได้ไหมครับ รอผมจีบเธอให้ติดก่อนเดี๋ยวผมก็พามาแนะนำให้แม่รู้จักเองแหละครับ”

เจียงสื้อสื้อเดินเข้ามาโดยถือถาดผลไม้ไว้ในมือ พอเห็นสองแม่ลูกที่กำลังเถียงกันอยู่ เธอก็พอจะจับใจความได้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอยื่นถาดออกไปแล้วพูดขึ้นว่า “กินผลไม้สักหน่อยไหมคะ? เพิ่งดื่มมาหยกๆ มันแก้เมาได้ดีเลยนะ”

แม่จิ้นรับถาดผลไม้มาด้วยใบหน้าที่ปลื้มปริ่ม แล้วกล่าวชมไปว่า “ยังไงก็สื้อสื้อนี่แหละดีที่สุดแล้ว ดูเขาสิ มีคนที่ชอบแล้วแท้ๆ แม่แค่ถามนิดหน่อยเองก็มาทำหน้ารำคาญใส่แม่ซะได้หนิ”

พอเจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้น เธอก็ทำตัวไม่ถูกจนต้องรีบบอกไปว่า “แม่คะ หนูว่าเรื่องนี้เราควรให้เฟิงเหราเขาจัดการเองนะคะ เรื่องแบบนี้น่ะต้องค่อยเป็นค่อยไป มันเป็นเรื่องที่ต้องเห็นชอบกันทั้งสองฝ่าย ถ้ารีบร้อนไปเดี๋ยวมันจะอึดอัดกันทั้งคู่นะคะ”

คำพูดเหล่านี้ฟังดูมีเหตุผล เมื่อแม่จิ้นได้ฟังก็รู้สึกเห็นด้วยเหมือนกัน

แต่ยังไงเขาก็เป็นลูกชายนะ เรื่องของคู่ครองนั่นมันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าจะบอกให้เธอไม่ยุ่งอะไรเลยมันก็ทำให้เธออยู่ไม่สุขเหมือนกัน

“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่พอได้รู้แล้วมันก็ทำให้แม่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยนะสิ”

“แต่ตอนนี้ตัวเขาเองยังไม่มั่นใจเลยนะคะ เป็นเพราะแม่ไปกดดันเขาแหละเขาถึงยอมบอก ดังนั้นนะคะ เรื่องนี้เราจะใจร้อนไม่ได้” เจียงสื้อสื้อพูดปลอบใจ

เมื่อเห็นว่าแม่จิ้นมุ่งเป้ามาที่เธอ เจียงสื้อสื้อเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เธอหันไปมองจิ้นเฟิงเหราที่กำลังยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเธอก็ถลึงตาใส่เขาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็ทำหน้าเชิงตำหนิใส่แม่จิ้น แต่ก็พูดไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “แม่คะ………”

แม่จิ้นรู้ว่าเธอรู้สึกเกรงใจ จึงรีบพูดไปว่า “ไม่เห็นเป็นไรเลย พวกลูกหน่ะ อายุยังน้อย จึงต้องรีบมีลูกตอนนี้ ที่สำคัญนะ ถ้าได้ลูกสาวจะดีมากเลย แม่นั้นได้มีหลานชายให้ชื่นใจแล้ว ตอนนี้เลยอยากได้หลานสาวที่น่ารักสักคนมากอดมาหอมหน่ะ”

จิ้นเฟ้งเหราที่ฟังอยู่ข้างๆ ก็ทนไม่ไหวที่จะพูดแทรกขึ้นมา “แม่ครับ การที่จะได้ลูกชายหรือลูกสาวนั้นพี่ๆ เขาก็กำหนดเองไม่ได้สักหน่อย แบบนี้แม่จะทำให้พี่ๆ เขาลำบากใจเอาเปล่าๆ นะครับ”

พูดยังไม่ทันขาดคำ เขาก็ถูกแม่จิ้นถลึงตาใส่เสียแล้ว

“ไปๆไป แกรีบไปจีบสาวคนนั้นของแกไป พี่แกจะมีลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายนั้นมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแกเลยสักนิด”

แล้วเขาก็โดนเข้าอีกดอก แต่ครั้งนี้จิ้นเฟิงเหราฉลาดแล้ว เขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร

หลังจากที่สั่งสอนจิ้นเฟิงเหราไป สายตาของแม่จิ้นก็พุ่งมาที่เจียงสื้อสื้ออีกครั้ง

แววตาที่แม่จิ้นมองมามันทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกทำตัวไม่ถูก จึงได้แต่พูดไปว่า “แม่คะ ปัญหานี้เรายังไม่ต้องรีบตัดสินใจนะคะ อีกอย่าง หนูอยากไปคุยกับเสี่ยวเป่าก่อน ถ้าเขาเห็นด้วย หนูก็จะมี แต่ถ้าไม่หนูเองก็จะไม่ฝืนค่ะ ความจริงมีเขาแค่คนเดียวมันก็เกินพอแล้วค่ะ”

เธอใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “อีกอย่างนะคะ ตอนนี้หลายๆ บ้านที่มีลูกสองคนนั้นในบ้านก็มักจะมีเรื่องให้ปวดหัวเพิ่มขึ้นมาด้วย ดังนั้นการไม่มีเพิ่มก็เป็นการตัดสินใจที่ดีนะคะ”

เรื่องทำนองนี้เจียงสื้อสื้อเองก็ได้ยินมาไม่น้อยเหมือนกัน เธอจึงเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้พอสมควร

ที่สำคัญอาการออทิสติกของเสี่ยวเป่าก็เพิ่งจะดีขึ้น เธอจึงไม่อยากมีลูกเพิ่มด้วย

ถึงแม้ว่าเธอก็อยากได้ลูกสาวอีกสักคนก็ตาม แต่เธอก็ต้องหลีกเลี่ยงปัญหาที่มันอาจเกิดขึ้นได้

พอแม่จิ้นฟังจบก็ต้องชะงักไป จากนั้นก็เริ่มรู้สึกซาบซึ้ง

ไม่นึกเลยว่าเจียงสื้อสื้อจะคิดถึงความรู้สึกของเสี่ยวเป่าได้ขนาดนี้ แสดงว่า เจียงสื้อสื้อได้ยอมรับเสี่ยวเป่าเหมือนลูกแท้ๆ ในไส้แล้ว

จะมีแม่เลี้ยงสักกี่คนที่สามารถทำได้อย่างนี้นะ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!