ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 457

บทที่ 457 ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นแล้ว

จิ้นเฟิงเฉินออกมาตากลมไปสักพัก เขาสงบลงแล้วและขับรถกลับไปที่บริษัท

เพิ่งจะนั่งลง จิ่นเฟิงเหราก็โทรมา เขาโวยวายอยู่ในโทรศัพท์ว่า “พี่ครับ ผมได้ข่าวว่าผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วเหรอครับ เสี่ยวเป่าเป็นลูกของผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เหรอ?”

เสียงของจิ้นเฟิงเฉินเยือกเย็นราวกับมีน้ำแข็งปกคลุม “อย่าเชื่ออะไรที่ฟังจนเกินจริง”

จิ้นเฟิงเหรากล่าด้วยความเสียใจ “ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อครับ แต่คุณแม่บอกผมมาแบบนี้ พี่ครับนี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?”

จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกว่าทำไมน้องชายคนนี้น่ารำคาญจัง เขาวางโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ปรากฏว่าไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จิ้นเฟิงเหราก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของเขา

“พี่ครับ ผมจำเป็นต้องคุยเรื่องนี้กับพี่อย่างจริงจังครับ” จิ้นเฟิงเหรากล่าวอย่างเคร่งขรึม ดูมีความจริงจังอยู่เล็กน้อย

จิ้นเฟิงเฉินวางปากกาลง แล้วพิงไปที่เก้าอี้แล้วพูดพร้อมสีหน้าไม่อยากจะสนใจ “ว่ามา”

อันที่จริงเขาเองสับสนมาก เขาเองก็ต้องการพูดคุยกับใครสักคน แต่ว่าเขาบอกเช่นนี้กับจิ้นเฟินเหราไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะเหลิงเอา

จิ้นเฟิงเหราเดินมาตรงหน้าเขา สองพี่น้องนั่งหันหน้าเข้าหากัน จิ้นเฟิงเหราตรวจดูสีหน้าของพี่ชายตัวเอง ปกติดีมาก หน้าไม่รับแขกเช่นเคย

เขารู้สึกเป็นกังวลใจ เขาดูไม่ออกว่าพี่ชายกำลังคิดอะไรอยู่

คิดไปคิดมา จิ้นเฟิงเหราก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ พี่ครับตอนนั้นพี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ได้อย่างไร?”

คำถามนี้เจาะจงมาก ถามออกมาพร้อมสีหน้าที่จริงจังและเคร่งเครียดของจิ้นเฟิงเหรา มันทำให้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกสอบสวน

เขาเหม่อไปอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดพร้อมย้อนกลับไปคิด “ฉันจะรู้ได้ยังไง ตอนนั้นฉันเมามาก”

ตอนนั้นจิ้นเฟิงเฉินเพิ่งรับกิจการของบริษัทมาได้ไม่นาน เขาต้องออกไปคุยงานอยู่บ่อยๆ เพราะฉะนั้นดื่มเหล้าจนเมาก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าเกิดว่าจิ้นเฟิงเฉินรู้ว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นสัญญากี่พันล้านก็ตาม เขาก็จะไม่ยอมไปตามนัดเด็ดขาด

ปกติแล้วจิ้นเฟิงเฉินมีระเบียบในตัวมาก เขาแทบไม่ยุ่งเรื่องผู้หญิงเลย หลายปีที่ผ่านมาเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แต่ไม่คาดคิดว่า เมาแค่ครั้งเดียวเขากลับไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นอย่างมึนงง แถมยังได้ลูกชายมาอีกหนึ่งคน

ลูกชายก็ลูกชายเถอะ อย่างน้อยก็น่ารักน่าเอ็นดู แม่ของลูกหายไปหลายปี ทุกคนต่างก็ชินแล้วและใช้ชีวิตกันต่ออย่างปกติ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงโผล่ออกมาบอกว่าเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า!

“พี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?” จิ้นเฟิงเหราถามด้วยความเหลือเชื่อ เขาคิดมาตลอดว่าปีศาจอย่างพี่ชายจะไม่มีทางทำผิดอย่างแน่นอน เขามองในแง่ดีเกินไป

สีหน้าของจิ้นเฟินเฉินไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ “จำไม่ได้แล้ว”

เขาคิดย้อนกลับไปอย่างละเอียด แต่จำอะไรไม่ได้เลย แล้วพอดีว่าวันนั้นกล้องวงจรปิดของทางร้านพังพอดี เขาหาผู้หญิงนั้นไม่เจอ มันก็เลยกลายเป็นเรื่องปริศนาไป หลายปีมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร

แม้ว่าเรื่องของวันนั้นจะติดอยู่ในใจจิ้นเฟิงเฉินมาตลอด แต่เพราะว่าเขาหาผู้หญิงนั้นไม่เจอ นานๆ ไปก็ลืมไปแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าหนึ่งปีผ่านไปจะมีเด็กทารกมาวางอยู่หน้าบ้าน

จิ้นเฟิงเหราดูสีหน้าของพี่ชายตัวเองแล้วถามอีกว่า “พี่ลองคิดดูดีๆ คนที่พี่นอนด้วยคือผู้หญิงที่ชื่อเซิ่นจือเสี้ยจริงๆ หรือเปล่า”

จิ้นเฟิงเฉินมองแรงใส่เขาไปหนึ่งที เขาพูดชัดเจนมากแล้ว ทำไมไอ้น้องชายคนนี้ยังจ้องจะจี้จุดเจ็บของเขาอีกเหรอ?

เขาตอบกลับไปอย่างเด็ดขาด “ไม่ใช่”

“พี่บอกว่าพี่จำไม่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?” จิ้นเฟิงเหราถามด้วยความสงสัย

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบ จิ้นเฟิงเหราก็เลยพูดขึ้นมาว่า “ก็ได้ พี่จำไม่ได้แล้ว ผมเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าพี่จะพูดข้อมูลอะไรออกมาอีก”

สองพี่น้องนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน “นายยังจำตอนที่เสี่ยวเป่ามาบ้านเราได้อยู่ไหม?”

“จำได้สิ” จิ้นเฟิงเหราตอบ “ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเอาเด็กมาวางไว้ เด็กที่น่ารักขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็คงทิ้งไม่ลงหรอก ไม่คาดคิดว่าเขาจะเอาเด็กมาวางไว้หน้าประตูเลย”

ตอนนั้นผลดีเอ็นเอบอกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของจิ้นเฟิงเฉิน ข่าวนี้ทำให้คนในครอบครัวตกใจกันอย่างมาก แต่หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยความเซอร์ไพรส์ พวกเขาคิดว่าดูจากนิสัยของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ชาตินี้เขาก็คงไม่เจอคนที่ตัวเองชอบ และคงจะไม่มีลูกของตัวเอง แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะไปทำลูกออกมาอย่างเงียบๆ

พูดได้เลยว่าตอนนั้นนอกจากจิ้นเฟิงเฉินแล้ว คนในครอบครัวรู้สึกตกใจมากกว่าดีใจเสียอีก

หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันใกล้ชิดกัน เขาถึงรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถอยู่ห่างจากเด็กน้อยนี้ได้แล้ว

ตระกูลจิ้นดีใจมากๆ อยู่ช่วงหนึ่ง แม่จิ้นและพ่อจิ้นจมอยู่ในความสุขที่มีหลานชายหล่นลงมาจากฟ้า แต่จิ้นเฟิงเฉินก็คิดคำถามขึ้นมาได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนเอาเด็กมาวางไว้หน้าบ้าน แล้วคนคนนั้นรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกแท้ๆ ของเขา?

สายตาของจิ้นเฟิงเฉินดูหนักหน่วง “จนตอนนี้คนที่เอาเด็กมาวางในตอนนั้นยังไม่ปรากฏตัวเลย”

จิ้นเฟิงเหราส่ายหน้า “ใช่ครับ ถ้าคนคนนั้นปรากฏตัวมา เรื่องนี้ก็จะจัดการได้อย่างง่ายดาย เอ้อ พี่ครับ พี่ว่ามันแปลกไหม ตระกูลเราไม่เคยหยุดที่จะตามหาเลยเบาะแสเรื่องนี้เลย แต่ว่าเวลาผ่านไปหลายปีแล้ว เราก็ยังคงไม่เจอหลักฐานอะไรเลย พี่ว่าคนคนนั้นเขาไปแอบอยู่ที่ไหน? ไปต่างประเทศเหรอหรือว่าเกิดอุบัติเหตุบางอย่างขึ้น?”

“ถ้าไปต่างประเทศ ก็ต้องมีข้อมูลบันทึกไว้ ตระกูลจิ้นไม่มีทางหาเบาะแสไม่เจอ” จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างช้าๆ

จิ้นเฟิงเหราหวนคิด ก็จริงนะ จากฐานะของตระกูลจิ้นแล้วเนี่ย ไม่มีเรื่องไหนที่เราทำไม่ได้ แต่คนคนนี้ดันหายสาบสูญไป หายังไงก็หาไม่เจอ

“ผมคิดคำถามขึ้นมาได้ ถ้าเกิดว่าเซิ่นจือเสี้ยเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า แล้วทำไมเราตามหาเธอนานขนาดนี้แต่ก็ไม่เคยเจอเลย เหมือนว่าตัวตนของเธอก็ไม่มีพิเศษอะไรมากใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเหราสับสนมากและหาคำตอบไม่ได้

จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลง ความสับสนในใจของเขาไม่ต่างจากจิ้นเฟิงเหราเลย

ข้อมูลส่วนตัวของผู้หญิงคนนี้หาง่ายมาก และไม่ได้พิเศษอะไร นั่นก็หมายความว่าคนที่เอาเด็กมาวางหน้าประตูตอนนั้นไม่ใช่เซิ่นจือเสี้ย

จิ้นเฟิงเหราคิดจนปวดหัวไปหมด เขาผายมือแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะช่างมัน ผมไม่อยากจะคิดแล้ว ผมขอถามหน่อยครับว่าพี่จะเอายังไงกับผู้หญิงคนนี้?”

จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับไปอย่างไม่ลังเล “จะทำอะไรได้อีก ก็ทำให้เธอหายไปเองก็พอ”

จิ้นเฟิงเหรารู้สึกโล่งในแทนเจียงสื้อสื้อ มีคำพูดนี้จากพี่ชายของเขา เธอก็คงไม่ต้องลำบากใจมาก เขาคิดเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา หาวิธีให้เธอหายไปเอง ไม่อย่างงั้นเห็นเธออยู่อย่างนี้มันน่ารำคาญ

“แต่ว่าเธอเป็นแม่ของเสี่ยวเป่า.......”

“ยังไม่แน่ใจ” จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อใบผลตรวจนั่นหรอก

จิ้นเฟิงเหราอ๋าอย่างงุนงง “ที่แท้แล้วพี่ไม่เชื่อเหรอ แต่เธอคงไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ ถ้าพูดออกมาอย่างไม่น่าฟังก็คือมีผู้หญิงอยากจะเอื้อมจับตระกูลจิ้นอยู่นับไม่ถ้วน เธอมีโอกาสที่ดีขนาดนี้ เธอไม่ปล่อยมันไปง่ายๆ อย่างแน่นอน”

มีอีกประโยคหนึ่งที่จิ้นเฟินเหราไม่ได้พูดออกมา แค่มองก็รู้ว่าเซิ่นจือเสี้ยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา

ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินเย็นชาเล็กน้อย “ไม่ว่ายังไง ก็ต้องทำให้เธอออกไปให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้เธอมาทำลายทุกอย่างที่มีในตอนนี้อย่างแน่นอน”

หยุดไปสักพัก เขาพูดขึ้นมาว่า “ฉันรักสื้อสื้อ และมันไม่มีที่ว่างสำหรับคนอื่นแล้ว”

อยู่ดีๆ จิ้นเฟิงเหราก็โดนหว่านความรักใส่ เขาไอแห้งๆ ไปหนึ่งรอบ “คือว่า อันนี้พี่บอกต่อหน้าพี่สะใภ้ดีกว่าครับ”

จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เขาอย่างตาลอย แล้วเขาก็ตรวจดูเอกสารต่อ แต่ความคิดในใจนั้นยังไม่กลับมาอยู่กับงาน

เขารู้ดีว่าเซิ่นจือเสี้ยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!