ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 456

สรุปบท บทที่ 456 ผลตรวจผิดพลาดไปแน่ๆ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 456 ผลตรวจผิดพลาดไปแน่ๆ – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 456 ผลตรวจผิดพลาดไปแน่ๆ ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 456 ผลตรวจผิดพลาดไปแน่ๆ

ผลการตรวจดีเอ็นเอวางอยู่ตรงหน้าจิ้งเฟิงเฉิน

เขาจ้องมองไปที่เปอร์เซ็นต์ความน่าจะเป็นของผลตรวจดีเอ็นเอ ดัชนีของความเป็นมารดาสูงกว่า99.99%

นั่นหมายความว่า เซิ่งจือเสี้ยและเสี่ยวเป่าเป็นแม่ลูกกันจริงๆ

“เป็นไปไม่ได้” จิ้นเฟิงเฉินเสียงแหบลงเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองไปหมออย่างกะทันหัน แล้วพูดออกมาทีละคำอย่างช้าๆ ว่า “ผลตรวจผิดพลาดไปแน่ๆ ”

คุณหมอใช้มือดันแว่นขึ้นพร้อมพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พวกเราระมัดระวังกับตัวอย่างที่เอามาตรวจสอบเป็นอย่างมาก และนั่นหมายความว่า ถ้าตัวอย่างที่นำมาตรวจสอบมิได้มีความผิดพลาดใดๆ ผลที่ออกมาก็ย่อมไม่มีความผิดพลาดครับ”

จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนเก็บตัวอย่างที่นำมาใช้ในการตรวจสอบด้วยตัวเอง เขาคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเล่นกลกับเขา นอกเสียจากว่าคนคนนั้นจะไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อแล้ว

จิ้งเฟิงเฉินรับไม่ได้กับผลที่ออกมา ออร่าของเขาก็แผ่ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ อุณหภูมิในห้องทำงานลดลงไปถึงจุดแข็งตัวอย่างกะทันหัน

น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินเยือกเย็นราวกับว่ามีน้ำค้างเย็นๆ ปกคลุมอยู่ “พวกคุณรับรองได้ใช่ไหมว่าการตรวจสอบดีเอ็นเอนี้ ไม่มีการผิดพลาด?”

แม้ว่าคุณหมอจะกลัวออร่าที่แผ่ออกมาของจิ้นเฟินเฉินอย่างมาก แต่เขายังคงปกป้องชื่อเสียงของโรงพยาบาลไว้อย่างกล้าหาญ “คุณจิ้นครับ ทางโรงพยาบาลของเราทำการตรวจสอบดีเอ็นเอมานับครั้งไม่ถ้วน และไม่เคยผิดพลาด เราไม่มีทางปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดในเรื่องนี้อย่างแน่นอน คุณไว้ใจทางเราได้ครับ”

แม่จิ้นเองก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เธอตรวจดูผลตรวจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อได้ยินคุณหมอบอกว่ามันไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน เธอเองก็เงียบลงเช่นกัน

คนเดียวในเหตุการณ์ที่มีความสุขที่สุดก็คือเซิ่งจือเสี้ย

เธอฉลาดมาก เธอรอคุณหมอให้การรับรองผลตรวจอย่างน่าเชื่อถือก่อน แล้วจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาและพูดเบาๆ ว่า “พวกเราต้องเชื่อคุณหมอนะคะ คุณหมอเชี่ยวชาญในด้านนี้มากกว่าเรา”

แม่จิ้นมองไปที่เธอด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนบอกไม่ถูก แต่เธอก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

ผลการตรวจนี้ไม่ได้อยู่ในการคาดเดาของเธอ เธอคงลำบากใจมากในการยอมรับผลตรวจครั้งนี้

เซิ่นจือเสี้ยเองไม่ได้ถือสาเธอ เธอรู้ดีว่าต่อให้ผลตรวจนี้วางอยู่ตรงหน้าของคนในตระกูลจิ้น พวกเขาก็ไม่ยอมรับเธออยู่ดี แต่เธอไม่รีบ ค่อยเป็นค่อยไป ขอแค่ผลตรวจเป็นตามจริง สักวันตระกูลจิ้นก็ต้องยอมรับเรื่องนี้อยู่ดี

เซิ่นจือเสี้ยก้มหน้าลง สีหน้าของเธอมีความสุขเล็กน้อย

ตั้งแต่ออกจากห้องคุณหมอมา จิ้นเฟิงเฉินเดินก้าวใหญ่ๆ อยู่ข้างหน้าเพียงลำพัง ใครๆ ก็ดูออกว่าเขากำลังโกรธ สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครกล้าเข้าหาเขาเลย

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณจิ้น เดี๋ยวก่อนค่ะ” เซิ่นจือเสี้ยวิ่งเข้าไปหาเขาและจับชายเสื้อของเขาไว้ก่อนที่เขาจะขึ้นรถได้อย่างเฉียดฉิว

“คุณจิ้นคะ ผลตรวจออกมาแล้ว ฉันไปเยี่ยมดูเสี่ยวเป่าหน่อยได้ไหมคะ?” เธอเงยหน้าขึ้นเผยใบหน้าที่ดูดีของเธอออกมา

ถ้ามองจากมุมของจิ้นเฟิงเฉิน เธอสวยที่สุดอย่างแน่นอน เซิ่นจือเสี้ยมั่นใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอฝึกอยู่หน้ากระจกมานาน

จิ้นเฟิงเฉินสะบัดแขนออกจนทำให้มือของเธอหลุดออกไปด้วย มีแววตาของความรังเกียจปรากฏผ่านสายตาของเขาอยู่แว๊บหนึ่ง สีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย “เงิน บ้าน หรือว่าของอย่างอื่น คุณจะขออะไรก็ได้ แต่ผมไม่ให้คุณเจอเสี่ยวเป่าอย่างแน่นอน”

เซิ่นจือเสี้ยอึ้งมาก เธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินอย่างตกตะลึงโดยไม่ทันได้รู้สึกเสียใจที่เจิ้นเฟิงเฉินสะบัดมือของเธอออก

ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอส่ายหัวรัวๆ และพูดพึมพำว่า “ไม่สิ ไม่ใช่อย่างงั้น....”

ความเสียใจทุกข์ใจปรากฏบนใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเป็นห่วงเธอมาก แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือจิ้นเฟิงเฉิน เพราะฉะนั้นนอกจากความเฉยชาแล้ว เธออย่างหวังว่าจะได้เห็นความรู้สึกอื่นปรากฏบนใบหน้าของเขาเลย

เซิ่นจือเสี้ยก้มหน้าลงอย่างกะทันหัน ไหล่เธอกระตุกไปหนึ่งทีแล้วเธอก็คุกเข่าลงพื้นร้องไห้เสียงดังออกมา “ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น คุณจิ้นคะฉันขอร้องแค่เรื่องเดียว ก็คือให้ฉันได้เจอเสี่ยวเป่าหน่อยนะคะ ฉันต้องการแค่เขา”

จิ้นเฟิงเฉินเมินเซิ่นจือเสี้ยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาไป

แม่จิ้นไม่ไว้ใจเขา ก็เลยออกคำสั่งอย่างเคร่งเครียด “จิ้นเฟิงเฉิน นายกลับบ้านไปดีๆซะ เข้าใจไหม?!”

“ครับ” จิ้นเฟิงเฉินวางสายลง

แม่จิ้นมองไปที่จอโทรศัพท์ที่ดับลง แล้วถอนหายใจยาวๆ

เธอไม่สามารถควบคุมลูกชายของเธอได้แล้ว

เธอหันไปเห็นเซิ่นจือเสี้ยยืนโง่ๆ อยู่ข้างๆ เธอ เธอยิ่งรำคาญขึ้นมากกว่าเดิม

ทางจิ้นเฟิงเฉินขับรถไปทางชนบท เขาขับด้วยความเร็วที่ไม่เคยขับมาก่อน แล้วเปิดกระจกรถลง ถ้าลูกค้าทางธุรกิจของเขามาเห็นเข้าต้องตกตะลึกอย่างแน่นอน

การซิ่งรถ เป็นเรื่องที่คนนิสัยอย่างคุณชายรองของตระกูลจิ้นถึงจะทำไม่ใช่เหรอ? คุณชายใหญ่ที่ไม่มีความรู้สึกเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เหมือนหุ่นยนต์และบ้างานเนี่ยนะ จะออกมาซิ่งรถเพื่อระบายอารมณ์?

จิ้นเฟิงเฉินขับออกมาด้วยความสะใจอยู่ระยะหนึ่ง แล้วเขาก็จอดรถไว้ที่ที่กันดารแห่งหนึ่ง เขาลงรถแล้วจุดบุหรี่ เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสูบบุหรี่ เขาจะสูบก็ต่อเมื่อเขารู้สึกเครียดมากๆ เท่านั้น

สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินดูเยือกเย็น เขาพิงประตูรถไว้แล้วจัดการกับความคิดที่สับสนวุ่นวายของตัวเอง

จำต้องยอมรับว่าเขาไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรดี

ส่วนเซิ่นจือเสี้ย เขาตรวจสอบเธอมาสักพักแล้ว เอกสารทั้งหมดก็วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา มันไม่มีปัญหาอะไรเลย

และนี่เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด

ผลการตรวจดีเอ็นเอในวันนี้ กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหมดหวัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!