ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 472

สรุปบท บทที่472 ยังคงขาดหลานสาว: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปตอน บทที่472 ยังคงขาดหลานสาว – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

ตอน บทที่472 ยังคงขาดหลานสาว ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่472 ยังคงขาดหลานสาว

รถขับไปถึงวิลล่าของตระกูลจิ้น และจอดอยู่ที่หน้าประตู

เสี่ยวเป่าใช้ลูกไม้เดิมและยังคงอยากให้เจียงสื้อสื้อกอดเขาไว้ ใครจะคิดว่าเมื่อเขายื่นมือออกไปกลับพบกับอ้อมกอดที่กว้างกว่า

เสี่ยเป่าบิดตัวและถูกจิ้นเฟิงเฉินอุ้มเข้าบ้านอย่างไม่เต็มใจ

หลังอาหารเย็นครอบครัวจิ้นมักจะนั่งคุยกันและวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น

“อาจำได้ว่าการแข่งขันของเสี่ยวเป่าใกล้เข้ามาแล้ว แข่งวันไหนกันนะ?” จิ้นเฟิงเหรายิ้มและถามขึ้น

แม่จิ้นมองค้อนเขา: “อีกสองวัน แกนี่เป็นอาประสาอะไร?”

“โธ่เอ๊ย ดูความจำอาสิ เสี่ยวเป่าสู้ ๆ นะ ถึงเวลาอาจะไปเป็นกำลังใจให้ หนูต้องคว้าแชมป์มาให้อาดูด้วยล่ะ” จิ้นเฟิงเหรามองไปที่เสี่ยวเป่า

“ได้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ายังไงหลานปู่ก็เป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว” พ่อจิ้นพาลพูดขึ้น

จิ้นเฟิงเหรายักไหล่เล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

เสี่ยวเป่าตอบกลับอย่างชัดเจน: “คุณปู่ เป้าหมายของผมคือการคว้าแชมป์ครับ”

ทุกคนนิ่งไปชั่วขณะและต่างพากันหัวเราะ

ในกลุ่มนั้นจิ้นเฟิงเหราหัวเราะอย่างมีความสุขที่สุด เจ้าเด็กนี่ทะเล้นจริง โตไปแด๊ดดี้คงจะรับมือยากแน่สมแล้วที่เป็นลูกชายของพี่

เจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าไว้ในอ้อมแขนของเขาและหอมเขาพร้อมกล่าวชม: “เก่งมากจ้ะลูก”

เสี่ยวเป่าได้รับคำชมจากผู้เป็นแม่แล้วเขินอายเล็กน้อย ลูบคอของเจียงสื้อสื้อแล้วส่งคำเชิญออกไป “หม่ามี๊มาดูผมแข่งด้วยได้ไหมครับ?”

“แน่นอนจ้ะ” เจียงสื้อสื้อพูดโดยไม่ลังเล: “มันไม่ง่ายเลยที่ลูกของแม่จะไปแข่งสักครั้ง หม่ามี๊จะไม่ไปได้ยังไง แด๊ดดี้ก็ต้องไปด้วย”

พูดแล้วก็มองไปที่จิ้นเฟิงเฉินพร้อมกับสายตาบังคับ: คุณจะบอกว่าไม่ไปไม่ได้ เรื่องใหญ่อะไรก็ต้องพักก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าเสี่ยวเปล่าผิดหวังขึ้นมาล่ะ น่าดู

จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกตลกเพราะทั้งลูกและภรรยาของเขายืนอยู่ข้างเดียวกันจนเขากลายเป็นคนนอกแต่เขาก็เต็มใจรับความลำบาก เมื่อมองแววตาที่คาดหวังของเสี่ยวเป่า จิ้นเฟิงเฉินกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยนอย่างหาไม่ได้ง่าย ๆ “แด๊ดดี้ก็จะไป”

เสี่ยวเป่าร้องว้าวและดีใจมากจนไม่รู้จะทำยังไง เขาหอมเจียงสื้อสื้อสองสามทีที่แก้มจากนั้นปีนขึ้นไปบนร่างของจิ้นเฟิงเฉินและประทับตราน้ำลายให้เขา

จิ้นเฟิงเฉินโอบแขนของเขาไว้รอบตัวเล็ก ๆ ของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาล้มลงดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

จิ้นเฟิงเหราอิจฉาตาร้อนและหันไปร้องตะโกนกับเสี่ยวเป่า: “อาก็จะหอมด้วย มาหอมทีสิ”

เสี่ยวเป่าก้าวขาสั้น ๆ เตะและวิ่งไปตามคำขอของเขาและจูบปู่ย่าของเขาที่แก้มอย่างชาญฉลาดจากนั้นกลับไปที่อ้อมแขนของเจียงสื้อสื้อเพื่อแอบอิง

แม่จิ้นหัวเราะแล้วพูด: “พวกเราไม่ขาดอะไรแล้ว จะขาดก็แต่หลานสาว สื้อสื้อ เฟิงฉิน เมื่อไหร่พวกลูกจะเติมเต็มความหวังของเราได้นะ?”

เจียงสื้อสื้อหน้าแดงดวงตาของเธอกระพริบและเขาก้มศีรษะลง

จิ้นเฟิงเฉินสงบมาก แต่มุมปากของเขางอเล็กน้อยและดวงตาที่ลึกล้ำของเขาจ้องมองไปที่เจียงสื้อสื้อ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความรัก

เพียงชั่วพริบตาสองวันก็ผ่านไป

วันนี้เป็นวันแข่งขันของเสี่ยวเป่า ทั้งครอบครัวนั่งรถไปกันสองคัน

หลังจากผู้เข้าแข่งขันเสร็จสิ้น การคัดเลือกในสถานที่จะเริ่มขึ้นกรรมการมองไปที่พวกเขาทีละคนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าอันที่จริงกลุ่มของเด็ก ๆ ยังเด็กเกินไปและการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นมีไว้เพื่อความแข็งแรงของข้อมือและโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาแล้วไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนักขอแค่คนที่ทำผลงานได้ดีก็พอ

แต่เมื่อพวกได้เห็นผลงานชิ้นหนึ่งก็เปลี่ยนท่าทีเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันที เพียงเพราะผลงานชิ้นนี้นั้นดีเกินคาด การลากพู่กันนั้นได้รับการฝึกมาอย่างดี ปลายพู่กันมีความแข็งแรงและทรงพลัง หากเปรียบเทียบกับกลุ่มเยาวชนก็ถือว่าไม่แพ้เลยทีเดียว

คณะกรรมการทั้งหมดรวมตัวกันชื่นชมผลงานนี้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเบา ๆ และในที่สุดก็มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผลงานนี้ได้แชมป์

หลังจากจัดอันดับแล้ว พิธีกรได้เริ่มประกาศและวางถ้วยรางวัล เมื่อประกาศถึงชื่อของเสี่ยวเป่าทุกคนต่างก็ยืดคออยากเห็นแชมป์

เสี่ยวเป่าก้าวเล็ก ๆ และเดินไปที่หน้าเวทีอย่างโอ่อ่า

อายุของเขาถือว่าน้อยมากในรุ่นเด็ก แต่เขาดูน่ารักและบอบบางแถมวันนี้ยังสวมชุดสูทตัวเล็ก ๆ เรียกได้ว่าน่ารักมาก ๆ เสียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่แม้แต่พิธีกรก็ยังอดสั่นสะท้านในความน่ารักไม่ได้

เดิมทีแค่ขึ้นมารับรางวัลก็พอแล้ว แต่พิธีกรก็อดไม่ได้ที่จะนั่งลงเพื่อสัมภาษณ์แชมป์ตัวน้อย

“เด็กน้อยจ๊ะ ขอถามหน่อยได้ไหม หนูอายุเท่าไหร่ทำไมถึงคัดลายมือได้สวยขนาดนี้?” พิธีกรยิ้มหวานราวกับมนุษย์ป้าแปลก ๆ

เสี่ยวเป่าตอบอย่างน่ารัก: “เพราะผมฝึกฝนกับท่านอาจารย์อยู่นานมาก ท่านอาจารย์เข้มงวดมาก”

“น่ารักจัง ขออุ้มหนูหน่อยได้ไหมจ๊ะ?” พิธีกรถือโอกาสใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว

เสี่ยวเป่าคิดอย่างเอาจริงเอาจังแล้วตอบอย่างไม่เต็มใจ: “ได้ครับ อุ้มได้”

พิธีกรผู้โชคดีอุ้มเขาขึ้นและไม่ยอมปล่อยอยู่นานอีกทั้งยังพูดจาแปลก ๆ กับผู้คนด้านล่าง “ช่างเป็นเด็กที่เก่งเหลือเกิน จนฉันอยากจะขโมยกลับบ้าน”

เสี่ยวเป่ารีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวและมองเธออย่างระแวดระวังจนทำให้ผู้ชมหัวเราะด้วยความหวังดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!