ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 471

บทที่471 เข้าข้างตัวเองน้อย ๆ หน่อย

เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ จิ้นเฟิงเหราก็โผเข้ากอดเธอด้วยความตื่นเต้นแล้วร้องตะโกน “ฉันก็มีแฟนแล้วโว้ย!”

สายตาของผู้คนรอบ ๆ ต่างพากันจับจ้องพวกเขาสองคน ส้งหวั่นชีงปรากฏรอยแดงระเรื่อแต่ก็รู้สึกดีในใจ

ผ่านไปครู่หนึ่งจิ้นเฟิงเหราก็ปล่อยเธอ

“หวั่นชีง เธอตอบตกลงฉันดีใจมากจริง ๆ เธอวางใจ ต่อไปที่ตรงนี้จะมีเพียงแต่เธอเท่านั้น”

จิ้นเฟิงหรานพูดพลางชี้ไปที่หน้าอก มือของส้งหวั่นชีงจับตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วแรง ส่งหวั่นชีงกระซิบถาม: “นี่คุณไม่ได้หลอกฉันจริง ๆ ใช่ไหม? ทั้งหมดนี่ดูไม่น่าจะเป็นจริงเลย”

จิ้นเฟิงหรานรู้ว่าเธอเป็นกังวลเรื่องอะไร เขาบีบไหล่เธอเบา ๆ ให้ ส้งหวั่นชีงมองไปที่เขา

“หวั่นชีง เธอคือผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ฉันใจเต้น และเป็นผู้หญิงที่ฉันอยากจะจริงจังด้วย ฉันเบื่อวันที่วุ่นวายเหล่านั้น ฉันเองก็อยากจะมีครอบครัว มีคนรัก แบบนี้อย่างน้อยเวลาฉันออกไปข้างนอกแล้วดื่มหนัก ๆ ก็ยังมีคนอยู่เคียงข้างฉัน ดังนั้นฉันหวังว่าเธอจะเชื่อฉันทั้งหมด”

ดวงตาของจิ้นเฟิงเหราเผยให้เห็นถึงความจริงใจ ดังนั้นส้งหวั่นชีงจึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้อีก

พูดแล้วส้งหวั่นชีงก็ยิ้มและจับมือเขาแน่นและพูดเหมือนล้อเล่น “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องเตรียมเป็นคนไข้ของฉันไปตลอดชีวิต”

“ด้วยความเต็มใจสุด ๆ” จิ้นเฟิงเหราเลิกคิ้ว

“ใช่แล้ว วันนี้ฉันเตรียมจัดงานปาร์ตี้ขอบคุณพนักงานที่บริษัท เพิ่งจะเริ่มพอดี เธอก็มาด้วยกันสิ”

ส้งหวั่นชีงรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาเมื่อได้ฟัง

ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะคบกันเอง ไปพบเจอคนที่บริษัทเขาแบบนี้ มันจะเร็วไปรึเปล่า...

“จิ้นเฟิงเหรา ฉัน...ฉันยังไม่ไปดีกว่านะ”

“ทำไมไม่ไปล่ะ? วางใจเถอะ พวกเขาในนั้นเป็นคนดี ไม่มีทางจะทำอะไรเธอหรอก พูดไปแล้ว ในฐานะแฟนของฉัน เธอควรจะต้องทำตัวให้ชินไว้นะ”

จิ้นเฟิงเหราพูดพลางแตะจมูกของส้งหวั่นชีง ส้งหวั่นชีงจ้องเขาตาเขม็งแต่ก็ยังเดินตามเขาเข้าไป

เมื่อเข้าไปภัตตาคาร ส้งหวั่นชีงจึงได้เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าความหรูหรา

บนโต๊ะมีอาหารทะเลชื่อดังอยู่เต็มโต๊ะ ดูแล้วมูลค่าไม่น้อยเลยทีเดียว

ส้งหวั่นชีงเดินตามจิ้นเฟิงเหราผ่านผู้คนกลุ่มนั้นไป สายตาต่างจับจ้องไปที่ส้งหวั่นชีง

ในงานมีคนเยอะมากและในงานก็มีผู้หญิงอยู่ก็ไม่น้อย

สายตาที่กวาดตามองของพวกผู้หญิงเหล่านี้เปรียบเสมือนมีดที่พุ่งเข้าใส่ตัวส้งหวั่นชีง

แทบอดใจไม่ไหวที่จะเปลือยตัวของส้งหวั่นชีงดูว่าเธอมีความสามารถอะไรถึงได้ออกงานกับคุณชายรองได้

เมื่อเห็นเช่นนั้นส้งหวั่นชีงกำมือแน่น

จิ้นเฟิงเหรารับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นของเธอและกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูเธอ “ไม่เป็นไร ผ่อนคลายเถอะ คนพวกนี้คือพนักงานในบริษัทของฉันไม่มีเจตนาร้ายหรอก”

“สายตาของผู้หญิงพวกนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเธอมองฉันเหมือนจะกินกันอย่างนั้นแหละ...” ส้งหวั่นชีงอดไม่ได้ที่พึมพำ

พฤติกรรมของทั้งคู่เหมือนจะยิ่งยั่วคนบางกลุ่มให้เกิดความอิจฉาริษยา

“สรุปว่าผู้หญิงที่อยู่กับคุณชายรองคือใครกันแน่ ทำไมเธอถึงได้จูงมือคุณชายรองล่ะ” พนักงานสาวสายคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างโมโห

พนักงานที่ข้าง ๆ หัวเราะและพูดขึ้นทันที: “แล้วทำไมเขาจะจูงมือคุณชายรองไม่ได้ล่ะ หรือว่าเธอรู้สึกว่าตัวเธอมีฐานะคู่ควรสมกับคุณชายรอง?”

เมื่อคำพูดของคนคนนั้นถูกพูดออกมาก็ยั่วโมโหของผู้หญิงคนนั้นจนทำให้เธอหันหลังแล้วเดินจากไป

ตรงนั้นยังมีผู้หญิงยืนอยู่อีกสองคนโดยหนึ่งในนั้นพูดขึ้น: “ถึงแม้จะรู้ว่าคุณชายรองไม่ใช่คนที่พวกเราจะเทียบได้ แต่พอเวลาที่เห็นว่ามีใครสักคนอยู่ข้าง ๆ คุณชายรอง ก็เกิดจุกขึ้นมาในใจเหมือนกัน”

“เอาล่ะ ตรงนี้มีของกินตั้งมากมายยังไม่พอให้เธอระบายอีกเหรอ งั้นไปเถอะ พวกเราไปทางนั้นกัน”

อีกด้านจิ้นเฟิงเหราพาส้งหวั่นชีงเดินเข้ามากลางกลุ่มคนและมีคนมากมายเข้ามาสอบถาม

“คุณชายรอง ผู้หญิงสาวสวยข้าง ๆ คุณท่านนี้คือใครกัน?”

จิ้นเฟิงเหรายิ้มและเคาะหัวผู้ซักถามแล้วโบกมือ: “อย่าพูดไป พวกคุณไปเล่นกันตรงนั้นโน่น โอกาสแบบนี้หายากนะ”

เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเหราพูดแบบน้ะพวกเขาก็ได้ยิ้มแหะ ๆ แล้วจากไป

ตอนนี้เจียงสื้อสื้อเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา

เมื่อเห็นส้งหวั่นชีงก็ทำสีหน้าดีใจแล้วถามเบา ๆ: “นี่พวกเธอ?”

เมื่อถูกเจียงสื้อสื้อจับได้ส้งหวั่นชีงจึงไม่สามารถปิดมันได้อีก จึงพยักหน้าอย่างเขินอาย

“งั้นก็ต้องแสดงความยินดีกับพวกเธอด้วย ถ้าต่อไปเฟิงเหรายังกล้ารังแกเธอ เธอมาบอกพี่ พี่สะใภ้คนนี้จะช่วยเธอเอง”

เจียงสื้อสื้อทำหน้าเด็ดเดี่ยว

จิ้นเฟิงเหราไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นและบ่นขึ้น: “พี่สะใภ้ครับ พี่จะลำเอียงไปแล้ว พี่มีน้องสะใภ้แล้วก็จะไม่สนใจไยดีน้องชายคนนี้หน่อยแล้ว”

เมื่อได้ยินคำเรียกว่าน้องสะใภ้แล้ว ส้งหวั่นชีงหน้าแดงก่ำ แล้วหยิกจิ้นเฟิงเหราเพื่อดุเขาและพูดเบา ๆ “ใครเป็นน้องสะใภ้กัน...”

จิ้นเฟิงเหราใช้มือปิดบริเวณที่ถูกหยิกทันทีและพูดขึ้นอย่างเกินจริง “โอ๊ย นี่เธอพยายามจะฆ่าสามีตัวเองเหรอ!”

เมื่อเห็นปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ปลีกตัวไปอย่างรู้งาน

ทั้งวันนั้นส้งหวั่นชีงอยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเหราไม่ห่าง

เมื่อเห็นเขาคุยกับคนอื่นอย่างฉะฉาน จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าดึงดูดมากทีเดียว

ดวงตาของเธอร้อนแรงจนยากที่จิ้นเฟิงเหราจะไม่รู้สึก

จิ้นเฟิงเหรายิ้มเมื่อมองไปที่สายตาเจ้าชู้ที่จับจ้องอยู่ของเธอ

“เจอความหล่อของแฟนเธอเข้าแล้วสิ? หือ?”

เมื่อโดนจับจุดอ่อนได้ส้งหวั่นชีงรีบหลบสายตาแล้วชี้แจง: “ใคร...ฉันเปล่านะ...คุณเข้าข้างตัวเองให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ...”

อย่างไรก็ตามคำพูดอ้ำอึ้งของเธอมันได้หักหลังเธอเสียเอง

จิ้นเฟิงเหรายิ้มและโอบเธอไว้ในอ้อมกอดและพูดจากรุ้มกริ่ม: “ไม่เป็นไร จะเจ้าชู้กับฉันยังไงฉันก็ไม่อิจฉาหรอก แต่กับผู้ชายคนอื่นไม่ได้นะ”

ส้งหวั่นชีงกรอกตาใส่เมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ก็ยังทำตัวไม่ถูก

ในตอนเย็นจิ้นเฟิงเฉินมารับส้งหวั่นชีงง

เมื่อเห็นส้งหวั่นชีงที่อยู่ข้างจิ้นเฟิงเหราก็สับสนเล็กน้อย

สายตาที่มองไปอย่างสงสัย ทำให้จิ้นเฟิงเหราส่งสายตาในเชิงยืนยันเพื่อแสดงความหมายว่าไม่ต้องพูดก็เห็นอยู่

กล่าวคำทักทายกับคนหลายคน เสี่ยวเป่าก็ลงจากรถและวิ่งตรงเข้าไปหาเจียงสื้อสื้อ

“หม่ามี๊!”

เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงก็วิ่งไปหาเสี่ยวเป่าและกอดเขาไว้และหยิกแก้มป่อง ๆ ของเขา

เสี่ยวเป่ากอดคอของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น และกล่าวทักทายจิ้นเฟิงเหราทั้งสองอย่างมีมารยาท

ผ่านไปครู่หนึ่ง จิ้นเฟิงเหราจะต้องไปส่งส้งหวั่นชีงที่บ้านจึงออกไปก่อน

เมื่อกลับขึ้นรถเสี่ยวเป่าก็กอดเจียงสื้อสื้อไว้ตลอดไม่ยอมปล่อยมือ

หลายวันมานี้เสี่ยวเป่ากำลังเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันคัดลายมือและไม่ได้เจอเจียงสื้อสื้อมาหลายวันแล้ว เมื่อได้เจอกันวันนี้จึงตามติดไม่ห่าง

“หม่ามี๊ ผมคิดถึงหม่ามี๊จะแย่อยู่แล้ว ช่วงนี้อยู่กับอาจารย์คัดลายมือทุกวัน เหนื่อยจริง ๆ เลย”

เสี่ยวเป่าพูดพร้อมกับทำหน้าเสียใจ

เจียงสื้อสื้อปวดใจจนต้องหอมแก้มเสี่ยวเป่าไม่หยุด

จิ้นเฟิงเฉินเห็นภาพแบบนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะอิจฉา สองคนนี้เวลาเห็นเขายังไม่กระตือรือร้นเท่านี้เลย มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!