ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 470

บทที่ 470 ฉันตกลง

กลิ่นน้ำหอมคุ้นเคยก็ได้มาแตะที่จมูก ส้งหวั่นชีงได้มึน ก็ได้รู้ว่าคนที่มาเป็นใคร

เธอหันกลับไปดู ก็ได้บากหน้าถามออกไปว่า “นายทำไม่อยู่ที่นี่?”

จิ้นเฟิงเหราไม่สนใจเธอ สายตาที่ได้มีรอยยิ้มอยู่ตลอดนั้น ตอนนี้กลับได้มีความเยือกเย็น ก็ได้มองชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา

ผู้ชายคนนั้นได้งง มองจิ้นเฟิงเหรา แล้วก็มองส้งหวั่นชีง สายตาก็ได้มีความไม่พอใจเล็กน้อย ก็ได้ถามออกไปว่า “พวกคุณเป็นอะไรกัน?”

“นี่เป็นแฟนของฉัน นายคิดว่าเป็นอะไรกัน?”

จิ้นเฟิงเหราได้ยื่นมือออกไป แล้วก็กอดส้งหวั่นชีงไว้ในอ้อมกอด แล้วก็เชิดหน้า

บนตัวนั้นก็ได้มีบรรยากาศของความสูงส่งแผ่ออกมา

ส้งหวั่นชีงได้เบิกตาโต พวกเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน เขาทำไมพูดแบบนี้

คนในร้านอาหารนั้นได้ถูกเรื่องทางนี้ดึงดูด ก็ได้มองมาดูทั้งหมด

ชายหนุ่มนั้นไม่กล้าที่จะเชื่อ ก็ได้มองส้งหวั่นชีงด้วยความโมโห ปากได้สั่น เหมือนว่าได้ถูกเหยียบหยามขนาดหนัก

ส้งหวั่นชีงทำตัวไม่ถูกมากๆ ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นเหมือนเป็นคนที่ไร้มาตรฐาน แต่พวกเขาได้นัดบอดอย่างเท่าเทียบ มองไม่เข้าตาก็อีกเรื่อง สถานการณ์ของเธอตอนนี้ก็เป็นอีกเรื่อง

“คือว่า พวกเรา......”

“ไปล่ะ” จิ้นเฟิงเหราไม่ให้โอกาสเธอพูดคุยกับผู้ชายพันนั้น ก็ได้โอบไหล่เธอ แล้วก็บังคับเธอเดินออกมา

ส้งหวั่นชีงดิ้นรนสักพัก แต่ก็ไม่หลุด

เธอเงยหน้ามองหน้าของจิ้นเฟิงเหรา เย็นชามาก ไม่มีสีหน้าอะไร

จิ้นเฟิงเหรากำลังโมโห

ในหัวของเธอก็ได้มีความคิดความคิดหนึ่ง ในใจก็ได้วายวุ่นไปหมด

เมื่อก่อนจิ้นเฟิงเหราที่เคยเจอ เป็นคนที่ร่าเริง ไม่เคยที่จะจริงจังขนาดนี้มาก่อน

ทำไงดี เขาคงไม่ตีฉันหรอกใช่ไหม

ส้งหวั่นชีงได้ถูกความคิดของตัวเองทำให้ตกใจ ก็ได้เห็นว่าจิ้นเฟิงเหราได้พาเธอไปที่ที่ไม่ค่อยที่คนเดินพา ในใจก็ได้เริ่มรน ก็ได้ออกแรงดิ้นรน

“อยากจะกลับไปถึงขนาดนี้เลย”

จิ้นเฟิงเหราได้กระตุกมุมปาก ยิ้มแต่ไม่ได้มาจากใจจริง

“เธอถูกใจผู้ชายคนนั้น? สายตาก็ไม่เท่าไหร่นี่นา หัวล้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยแผนการ มองแล้วสี่สิบแล้วมั้ง”

ส้งหวั่นชีงอ้างปากค้างไม่พูดอะไรแล้วมองจิ้นเฟิงเหรา

คนเขาแค่ยี่สิบเก้า สี่สิบตรงไหน?

ส้งหวั่นชีงมองเขาด้วยความสับสน “เขาแค่ยี่สิบเก้า”

จิ้นเฟิงเหราไม่สนว่าเขาอายุเท่าไหร่ แค่เห็นว่าส้งหวั่นชีงพูดกับเขาแบบนี้ ก็ได้โมโหกว่าเดิม

“ง้้นหน้าตาของเขาดูหายนะจริงๆ”

ส้งหวั่นชีงอดไม่ไหว ก็ได้หลุดขำออกมา ไม่นานก็ได้รีบหยุด

เพราะเธอมองออกว่า จิ้นเฟิงเหราโมโหมากๆ ก็ได้มองไปทางผู้ชายตรงหน้าสักพัก สีหน้าเขาไม่ดีเลย

ส้งหวั่นชีงไม่รู้จะทำยังไงดี เธอไม่เคยที่จะจัดการกับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าควรทำยังไง

จิ้นเฟิงเหราโมโหในใจ เขาได้ทานข้าวกับพนักงานไปแป๊บเดียว ข้างในวุ่นวายมากๆ เขาก็ได้ออกมาสูดอาการ

ใครจะไปคิดว่าได้เจอกับส้งหวั่นชีงพอดี ข้างหน้าเธอก็ยังมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ ผู้ชายคนนั้นยังขี้เหร่ขนาดนั้น

ความโมโหในใจของคุณชายรองจิ้นนั้น ก็ได้สงสัยกับเสน่ห์ของตัวเองเป็นครั้งแรก

ระหว่างเขากับชายหัวล้านคนนั้น คิดไม่ถึงว่าส้งหวั่นชีงยอมที่จะมานัดบอดกับชายหัวล้านคนนั้น แต่ก็ไม่ยอมที่จะเป็นแฟนเขา!

ตอนนั้นในใจของเขานั้นเสียใจสุดๆ ไม่รู้ว่าจะคิดยังไงดีจริงๆ

ได้ยินที่ทั้งสองนั้นพูดคุย ผู้ชายคนนั้นโบราณมากๆ

คำที่พูดออกมานั้นไม่ได้ให้เกียรติส้งหวั่นชีงเลยแม้แต่น้อย แล้วเธอก็ได้โมโหขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ยังอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ

จิ้นเฟิงเหราทนดูต่อไปไม่ไหว ก็ได้พุ่งเข้าไป พาตัวคนออกมา ผู้หญิงบ้านี่ เธอยังไม่ยอมออกมาอีก!

“ถ้าวันนี้ฉันไม่โผล่ไป เธอก็จะอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม?!” จิ้นเฟิงเหราถ้าด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ส้งหวั่นชีงก็ได้รีบส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ ที่จริงฉันมองเขาไม่ติด”

ได้ยินที่ส้งหวั่นชีงพูดปฏิเสธ อารมณ์ของจิ้นเฟิงเหราก็ได้ดีขึ้นมาหน่อย

เขาว่าแล้ว ผู้ชายแบบนั้น จะเหมาะกับหวั่นชีงของเขาได้ยังไง

แต่ว่าพอคิดได้ว่าหวั่นชีงก็ได้ปฏิเสธเขา จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกเย็นวูบ

“เธอถึงขั้นต้องมานัดบอดแล้ว แต่ก็ไม่ยอมที่จะคบกับฉัน ฉันมันทำให้เธอเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ?” จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยความน้อยใจ

ในน้ำเสียงนั้นก็ได้มีน้ำเสียงของเด็กปนมาเล็กน้อย

ส้งหวั่นชีงเงียบ เธอจะพูดกับจิ้นเฟิงเหรายังไงดี เรื่องนัดบอดไม่ได้เป็นความคิดของเธอ แต่เป็นความคิดของแม่เธอ

ช่วงก่อนนี้ แม่ส้งป่วยอย่างหนัก ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลอยู่นาน เกือบที่จะรอดมาไม่ได้

ก็เพราะแบบนั้น แม่ส้งถึงได้รู้สึกรีบร้อน ก็ได้ไปป่าวประกาศหาคู่นัดบอดให้ส้งหวั่นชีง

เธอสุขภาพไม่ดี จะจากไปต้องไหนก็ไม่รู้ ถ้าเหลือลูกสาวอยู่คนเดียวแบบนี้ ต่อให้เธอจากไปก็ไม่ได้จากไปอย่างสบายใจ

แบบนั้น เธอถึงได้หอบร่างกายที่ยังป่วยอยู่ ไม่สนที่ส้งหวั่นชีงห้าม ไปหาคนมาดูแลเขา

ส้งหวั่นชีงไม่อยากให้แม่เป็นห่วง ก็ได้ทำตามที่เธออยากได้

แต่ว่าในใจของเธอก็ได้รู้สึกว่ามันแปลกๆ อยู่ตลอด แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าความรู้สึกนี้มาจากไหน

จิ้นเฟิงเหรามองส้งหวั่นชีง เธอก้มหน้า ไม่พูดอะไร แล้วก็ไม่มองเขา

อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหมดแรง ในห้องอาหารที่อยู่ไม่ไกล ก็มีผู้หญิงหลายคนที่ชอบเขา

ขอแค่เขาพูด เขาไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะไม่มีแฟน

แต่ว่า เขาไม่ยอม เพราะว่าพวกนั้นไม่ได้เป็นคนที่เขาต้องการ

ที่เขาต้องการ ก็มีคนตรงหน้าคนนี้ แต่ว่าไม่ให้โอกาสเขาเลยแม้แต่นิด

“ฉันจะกลับไปแล้ว” ส้งหวั่นชีงได้หลบไม่ตอบ หลีกเลี่ยงเขาอยากจะออกไป

มีกำแพงเนื้อได้ขวางทางเธอไว้ ส้งหวั่นชีงเริ่มร้อนรน ก็ได้กำมือแน่นตามสัญชาตญาณ

“เธอจะหนีอีกแล้ว?” นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเหราได้มีความหงุดหงิดเล็กน้อย

ส้งหวั่นชีงหลบตา “ฉันไม่......”

“งั้นฉันถามเธอหน่อย เธอยอมที่จะมาเป็นแฟนฉันไหม ตอบมาตรงๆ ถ้าเกิดไม่ตกลง เธอก็ตอบออกมาเสียงดังๆ”

จิ้นเฟิงเหราไม่ให้โอกาสให้เธอได้ถอยเลยแม้แต่น้อย

ใจของส้งหวั่นชีงได้เต้นอย่างแรก เห็นสีหน้าที่จริงจังของจิ้นเฟิงเหรา ก็ได้สับสน

เธอกับจิ้นเฟิงเหรา ห่างกันเกินไป เขาเป็นคุณชายรองของจิ้นกรุ๊ป เป็นคุณชายของตระกูลเศรษฐี

เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไงแล้ว

จิ้นเฟิงเหรา ไม่ได้ล้อเธอเล่นใช่ไหม?

“พูด!” จิ้นเฟิงเหราเร่ง

ส้งหวั่นชีงก็ได้สะดุ้ง ก็ได้รีบพูดว่า “คำถามของฉัน นายก็ไม่ได้ตอบฉัน”

จิ้นเฟิงเหรานิ่งไป คิดไปสักพัก ก็ได้ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ส้งหวั่นชีง ฉันชอบเธอ มาคบกับฉันได้ไหม”

“ฉันจะดีกับเธอ รักแค่เธอคนเดียว จิ้นเฟิงเหราให้คำสัญญา พูดได้ก็ต้องทำได้”

หัวใจของส้งหวั่นชีงได้หยุดเต้นไปจังหวะหนึ่ง คำสัญญาแบบนี้ โยนมาซะเธอมึนงงไปหมด

คิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเหราพูดคำว่าชอบ! เขาพูดว่าเขาชอบเธอ?!

ส้งหวั่นชีงเงยหน้ามองด้วยความสับสน ได้พูดด้วยเสียงที่สั่น “นายไม่ได้หลอกฉัน!”

จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว พูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “ขนาดกับแม่ฉันฉันยังไม่เคยที่จะจริงจังขนาดนี้ เธอกลับบอกว่าฉันหลอกเธอ?”

ส้งหวั่นชีงมองเขาอย่างอึ้งๆ อยู่ๆ นัยน์ตานั้นก็ได้ทั้งกลมแล้วก็ทั้งสว่าง ก็ได้อะไรเปล่งประกายอยู่

“หวั่นชีง เธอยังไม่ตอบคำถามฉัน”

ความคิดได้ตีกันไปสักพัก ส้งหวั่นชีงก็ได้มองความรู้สึกของตัวเองออก

เธอได้มองจิ้นเฟิงเหราอย่างจริงจัง ก็ได้พยักหน้าอย่างแรงแล้วพูดว่า “ฉันตกลง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!