บทที่ 510 ต้องรอดเท่านั้น
เจียงสื้อสื้อเอียงคอไปถามจื่อเฟิงว่า “เธอรู้สึกรึเปล่าว่ามีคนแอบตามเรามาตลอด?”
จื่อเฟิงที่อยู่ข้างๆ ได้หยุดเดินไปนานแล้ว พอเจียงสื้อสื้อถามมาอย่างนั้นเธอก็ดูชะงักไป
ตอนที่หันมามองเจียงสื้อสื้อ แววตาของเธอก็ดูสับสนมาก
ความจริงเมื่อวานเธอก็สังเกตเห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังแอบตามพวกเธออยู่
เธอคือคนที่เคยผ่านการฝึกมาก่อน การที่เธอรู้ตัวแบบนี้มันก็ไม่แปลก แต่ไม่นึกเลยว่าเจียงสื้อสื้อจะประสาทไวจนรู้ตัวแบบแบบนี้
“ใช่ค่ะ มีคนตามเรามา แถมไม่น่าจะมีแค่คนเดียวด้วย” เธอตอบไปอย่างเรียบเฉย แล้วมองไปทางนั้น สัญชาตญาณการป้องกันตัวของเธอก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเธอ
ที่เธอไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้จิ้นเฟิงเฉินรู้ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องส่วนตัว
อีกอย่างก็คือ เธอรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาที่จะมาทำร้ายพวกเธอ เธอจึงเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ก่อน
“พวกเขาเป็นใคร?”
พอได้ยินจื่อเฟิงพูดมาอย่างนั้นเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกกลัวจนขนลุกไปหมด
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันส่งคุณกลับบ้านก่อนดีกว่า ไว้ค่อยไปสืบกันอีกที” จื่อเฟิงกระซิบเบาๆ แล้วจูงมือเจียงสื้อสื้อไปพร้อมกับหันดูรอบด้านอย่างระมัดระวัง
เธอไม่กล้าเอาความปลอดภัยของเจียงสื้อสื้อมาเสี่ยงหรอก
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเจียงสื้อสื้อละก็ จิ้นเฟิงเฉินคงไม่ปล่อยเธอไว้แน่
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า แล้วเดินตามจื่อเฟิงไปอย่างรวดเร็ว
จังหวะเดินของทั้งสองดูเร่งรีบขึ้นมา
พวกคนที่หลบอยู่ในเงามืดหันมาหารือกันแปบหนึ่งก่อนจะรีบตามไป
เสียงฝีเท้าด้านหลังดังขึ้นเรื่อยๆ จนเข้ามารวมอยู่ด้วยกันอย่างรวดเร็ว บรรยากาศก็น่ากลัวมากขึ้นทุกที
“แย่แน่” สีหน้าของจื่อเฟิงดูแย่ลงทันที
เธอไม่คาดคิดว่าคนพวกนั้นจะกล้าตามมาอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้
ฝ่ามือของเจียงสื้อสื้อก็เริ่มมีเหงื่อไหลออกมา ความหวาดกลัวในใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอกัดฟันบอกกับตัวเองว่าอย่าร้อนรน ตั้งสติเข้าไว้
“เราไปตรงที่ที่มีคนเยอะกว่านี้ดีกว่า พวกเขาคงยังไม่บ้าขนาดนั้นหรอกมั้ง” เธอหันไปบอกกับจื่อเฟิง
ใบหน้าที่ขาวผ่องซีดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่แววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ค่ะ เดี๋ยวข้างหน้าเราจะเป็นทางแยก ทางที่เรากลับบ้านทุกวันอยู่ทางซ้าย หลังจากผ่านโค้งไปฉันจะนับสาม คุณรีบวิ่งไปทางขวาเพราะทางนั้นคนเยอะ ส่วนฉันจะวิ่งไปทางซ้ายเพื่อล่อพวกมันให้ห่างจากคุณให้ค่ะ” จื่อเฟิงเหลียวไปมองด้านหลัง และได้พบว่าตอนนี้คนพวกนั้นกำลังอยู่ในจุดอับสายตา เธอจึงรีบกระซิบบอกเจียงสื้อสื้อว่า “ถอดเสื้อคลุมของคุณมาเปลี่ยนกับฉัน”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า แล้วส่งเสื้อคลุมให้จื่อเฟิง พร้อมกับพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “เธอไปคนเดียวก็ระวังตัวด้วยนะ”
เท้าของจื่อเฟิงชะงักไปแปบหนึ่ง เธอเหลียวมองเจียงสื้อสื้อด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
คนพวกนั้นมุ่งเป้ามาที่ตัวเองแท้ๆ ยังมีเวลามาเป็นห่วงคนอื่นอีก ใจกว้างเกินไปแล้ว
เธอเม้มปาก แล้วพูดกลับไปอย่างเรียบเฉยว่า “คุณเองก็ด้วย”
เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินเข้าใกล้ทางแยกขึ้นทุกทีแล้ว
จื่อเฟิงสีหน้าเคร่งเครียด เธอขยับปากแล้วนับเบาๆ “หนึ่ง สอง สาม! วิ่ง!”
เธอออกแรงผลักเจียงสื้อสื้อไปทางขวาเบาๆ
แล้วทั้งสองก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว
เจียงสื้อสื้อเอามือกุมท้อง ก้าวเท้าออกวิ่งไปตามทาง
คนพวกนั้นไม่คาดคิดว่าทั้งสองคนจะแยกกันแบบนี้
พวกเขาจึงยืนสับสนอยู่ตรงทางแยกพักหนึ่ง คนที่เป็นหัวหน้ามองไปทางที่เจียงสื้อสื้อหนีไปค่อนข้างนาน
มองจากรูปร่างแล้ว คนที่พวกเขาต้องจับน่าจะเป็นคนทางขวา
แต่จื่อเฟิงก็ใส่เสื้อของเจียงสื้อสื้อเอาไว้ จึงเกิดความสับสนในหัวชั่วขณะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!