ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 527

บทที่ 527 สืบเรื่องแม่ของสื้อสื้อ

เจียงสื้อสื้อชะงักไป แล้วเอ่ยปากว่า “ใช่ค่ะ อย่าว่าแต่คุณเลย ฉันโตมาจนป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้ยินแม่เอ่ยถึง เมื่อก่อนฉันพอจะได้ฟังมานิดหน่อย เหมือนว่าแม่ฉันเพื่อ......แต่งงาน เลยตัดขาดกับทางบ้าน”

ภายในห้องอันเงียบสงบ น้ำเสียงของเจียงสื้อสื้อเจือแววเศร้า

“เวลานั้นแม่ฉันอาจไม่เคยคิดว่า การหนีตามคนคนหนึ่งจะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล สุดท้ายเขาก็ทอดทิ้งท่านไป”

จิ้นเฟิงเฉินลูบหลังเจียงสื้อสื้อไปมา ปลอบโยนเธอโดยไร้เสียง

เจียงสื้อสื้อเผยอปาก กล่าวช้าๆ ว่า “หลายปีมานี้ ท่านไม่เคยเอ่ยถึงคุณตาคุณยายกับฉันเลย แล้วก็ไม่เคยคิดจะกลับบ้าน คงจะรู้สึกว่าไม่มีหน้าไปพบพวกเขา”

ฟางเสว่มั่นภายนอกดูอ่อนแอ แต่ภายในกลับเข้มแข็งอย่างยิ่ง

ถ้าไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางเลี้ยงดูเจียงสื้อสื้อมาจนโตเพียงลำพังมานานหลายปีขนาดนี้ โดยไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร

ถ้าไม่ใช่เพราะสุขภาพไม่ดี เจียงสื้อสื้อเชื่อว่า แม่เธอจะต้องทำธุรกิจอย่างหนึ่งออกมาได้แน่

แม้เธอไม่เคยพูด แต่อันที่จริงเธอเคารพแม่มาก

“ไม่รู้ว่าฉันเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า ฉันมักรู้สึกว่า แม่ฉันน่าจะมาจากครอบครัวที่ดีมาก ท่านสมควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่รันทดแบบนี้

เจียงสื้อสื้อหวนนึกถึงเรื่องในอดีต น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ

หากไม่ใช่เพราะเจียงเจิ้น แม่เธอคงไม่ต้องมีชีวิตอย่างเช่นทุกวันนี้

จิ้นเฟิงเฉินเห็นด้วยอย่างมากกับเรื่องนี้ เขากอดเธอแน่นพลางกล่าวว่า “เห็นคุณก็รู้แล้ว แม่ยายเป็นคนดีมาก”

เจียงสื้อสื้อถูกยออย่างไม่ทันตั้งตัว จึงแย้งอย่างเขินอายนิดหน่อยว่า “แม่ฉันดีกว่าฉันมาก ฉันเทียบท่านได้ที่ไหนกัน”

จิ้นเฟิงเฉินตัดสินใจ ไม่เถียงเธอ

เพราะอย่างไรในใจของเขา ก็ไม่มีใครเทียบเจียงสื้อสื้อได้

แต่เขาชื่นชมแม่ยายมาก ที่เลี้ยงเจียงสื้อสื้อได้ดีขนาดนี้

เจียงสื้อสื้อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาออกจากเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ฉันเห็นแม่ฉันน่าสงสารขนาดนี้ เมื่อก่อนฉันจึงไม่กล้าเพ้อฝันมากเกินไป”

ตอนนี้ยังคงหวังว่า อาจมีสักปีหนึ่ง ได้ช่วยพาท่านกลับไปหาครอบครัว อย่างน้อย ตอนที่ท่านกำลังป่วย จะมีญาติมาเยี่ยมหาบ้าง

ขอเพียงเธอคิดถึงมารดาที่นอนอยู่โรงพยาบาลเพียงลำพังมานานขนาดนั้น ในใจก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือแสน

ในความมืดมิด จิ้นเฟิงเฉินดวงตาสว่างวาบ แต่ไม่ได้พูดอะไร

สังเกตเห็นเสียงเจียงสื้อสื้อค่อยๆ เบาลง ก็ก้มหน้าจูบหน้าผากเธอ กล่าวว่า “นอนเถอะ”

วันต่อมา ทานอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัวตระกูลฉินเสร็จ พวกเจียงสื้อสื้อก็ต้องกลับไปแล้ว

คุณท่านฉินตัดใจไม่ลง กอดเสี่ยวเป่ากล่าวว่า “ที่บ้านไม่มีธุระอะไร รีบร้อนกลับไปขนาดนี้ทำไม อยู่จนถึงเย็นค่อยกลับเถอะ”

จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างใจเย็นว่า “คุณตาครับ คราวหน้าพวกเราค่อยมาหาใหม่”

คุณท่านฉินถลึงตามองเขากล่าวว่า “คราวหน้าๆ ทุกทีนั่นแหละ แต่ก็ผ่านไปนานถึงจะมา ฉันจำได้ อย่ามาทำลวกๆ กับฉัน”

จิ้นเฟิงเฉินรีบร้อนกล่าวว่า “ผมกล้าที่ไหนกัน”

แบบนี้คุณท่านฉินถึงค่อยพอใจ จากนั้นก็กล่าวกับเจียงสื้อสื้ออย่างอ่อนโยนว่า “สื้อสื้อเอ๋ย เจ้าเด็กโสโครกอย่างเฟิงเฉินรู้จักทำแต่งาน

เช้าจรดเย็นไม่มีเวลามาเยี่ยมคนแก่อย่างฉัน เขาไม่มาก็ช่างเถอะ หนูพาเสี่ยวเป่ามาที่นี่ ตาจะให้น้าหญิงทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเธอกิน”

จิ้นเฟิงเฉินผู้ถูกเมิน “......”

เจียงสื้อสื้อขบขันอยู่บ้าง ขณะเดียวกันในใจก็อบอุ่นเช่นกัน

เธอกล่าวอย่างจริงจังว่า “ได้ค่ะ ฉันต้องพาเสี่ยวเป่ามาเยี่ยมท่านบ่อยๆ แน่”

เสี่ยวเป่าเองก็ขยับเข้าหาคุณท่านอย่างรู้งานเช่นกัน กล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “คุณทวดครับ เสี่ยวเป่าคงจะคิดถึงคุณทวดม้ากมาก”

“ไอหยา ช่างเป็นเสี่ยวเป่าที่น่ารักของทวดจริงๆ” คุณท่านฉินยิ้มจนเกิดรอยเหี่ยวย่น

ทั้งครอบครัวนั่งรถออกจากบ้านตระกูลฉิน ขับออกมาไกลหน่อย ยังมองเห็นคุณท่านกำลังโบกมืออยู่ด้านหลัง

เจียงสื้อสื้อในใจตื้นตัน ต่อไปจะต้องพาเสี่ยวเป่ามาที่นี้บ่อยๆ แล้ว

หลังจิ้นเฟิงเฉินส่งพวกเจียงสื้อสื้อกลับบ้าน ก็เลี้ยวรถไปบริษัทต่อ เขายังมีงานอีกมากต้องจัดการ

พอถึงห้องทำงาน เขาก็เรียกกู้เนี่ยนมาสั่งงาน

“ไปสืบประวัติของแม่สื้อสื้อมาที”

กู้เนี่ยนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง ทำไมคุณชายถึงอยากจะสืบเรื่องของแม่ยายขึ้นมา หรือทั้งคู่จะแยกทางกัน?

เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อนอยู่นาน จิ้นเฟิงเฉินก็เงยหน้าเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอ?”

กู้เนี่ยนถามเพื่อยืนยันอย่างระมัดระวังว่า “ประธานครับ ใช่สืบเรื่องแม่ของภรรยาประธานใช่ไหม?”

จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างใจเย็น “มีปัญหา?”

กู้เนี่ยนสะดุ้งโหยง รีบกล่าวว่า “ทราบแล้วครับ ผมจะไปสืบเดี๋ยวนี้”

หลังได้รับคำสั่ง กู้เนี่ยนก็รีบร้อนออกไป

จิ้นเฟิงเฉินนวดขมับ คิดถึงคำพูดเมื่อคืนของเจียงสื้อสื้อ ในดวงตาก็ผุดความคิดสายหนึ่งวาบขึ้นมา

ตระกูลจิ้น

เมื่อวานเจียงสื้อสื้อนอนดึก ประกอบกับเที่ยวทั้งวัน ใช้พลังกายไปมาก พอถึงบ้านก็เริ่มจะง่วงขึ้นมาแล้ว

เธอทักทายแม่จิ้น จากนั้นก็กลับห้องไปนอน

นอนจนถึงตอนเที่ยง เจียงสื้อสื้อก็ชันตัวลุกขึ้นนั่ง

จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกแง้มเปิดออก มีหัวเล็กๆ หัวหนึ่งยื่นเข้ามา

“หม่ามี๊ คุณย่าเรียกกินข้าวครับ” เสี่ยวเป่าเรียกด้วยน้ำเสียงเล็กๆ

เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบว่า “ได้ หม่ามี๊จะลุกเดี๋ยวนี้แหละ”

เสี่ยวเป่าวิ่งเข้ามาอย่างว่าง่าย ทำแก้มป่องกล่าวว่า “หม่ามี๊ ผมช่วยพยุงครับ”

เขายังเล็กขนาดนั้น เดิมทีก็ช่วยอะไรไม่ได้

และเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้อ่อนแรงถึงขนาดนั้น แต่เธอไม่ต้องการปฏิเสธน้ำใจของเสี่ยวเป่า จึงยื่นมือให้เสี่ยวเป่าอย่างให้ความร่วมมือดีเยี่ยม

เสี่ยวเป่าพยุงเธอลุกขึ้นอย่างมีความสุข วางรองเท้าให้อย่างกระตือรือร้น เจียงสื้อสื้อถูกการกระทำของเสี่ยวเป่าทำให้อบอุ่นหัวใจ

เจียงสื้อสื้อลูบศีรษะเล็กของเขา พลางชมเชยว่า “พอเสี่ยวเป่าของเราโตขึ้นจะต้องเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่นมากแน่”

เสี่ยวเป่าถามอย่างสงสัยว่า “ชายหนุ่มอบอุ่นคืออะไรครับ”

“ก็คือผู้ชายที่ดีกับผู้หญิงมาก ทนทำให้พวกเธอเสียใจไม่ลง”

เจียงสื้อสื้อทางหนึ่งจูงมือเขาเดินลงไปชั้นล่าง อีกทางหนึ่งก็กล่าวอธิบาย

เสี่ยวเป่าขมวดคิ้วเล็ก คิดอยู่พักหนึ่ง กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ผมอยากเป็นชายหนุ่มอบอุ่น ที่ไม่ดีกับผู้หญิงคนอื่น แต่ดีกับหม่ามี๊คนเดียว”

“โอ้ เสี่ยวเป่าของเราอบอุ่นขนาดนี้เชียว”

เจียงสื้อสื้อตื้นตันจนน้ำตาเอ่อ

เสี่ยวเป่าเม้มปาก กล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “ผมจะดีกับหม่ามี๊ไปตลอดชีวิต จะไม่ยอมให้ใครมารังแกหม่ามี๊ และโตขึ้นก็จะเก่งมากด้วย”

แม่จิ้นได้ยินคำสนทนาของแม่ลูกคู่นี้ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม พลางร้องเรียกว่า “ชายหนุ่มอบอุ่นตัวน้อย รีบมากินข้าวได้แล้ว”

“ครับ คุณย่า”

เสี่ยวเป่าปากตอบ แต่กลับจูงมือของเจียงสื้อสื้อไว้แน่น เหมือนกลัวว่าเธอจะหกล้ม

พอถึงข้างโต๊ะอาหาร มือสองข้างก็ดึงเก้าอี้ออก เด็กตัวเล็กอย่างเขา พอทำแบบนั้นก็กินแรงอย่างมาก

เจียงสื้อสื้อยื่นมือไปดึงออกมา อุ้มเสี่ยวเป่านั่งบนเก้าอี้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “รอหม่ามี๊แก่ตัวลงแล้ว หนูค่อยดูแลหม่ามี๊ ตอนนี้ให้หม่ามี๊ดูแลหนูก่อนนะครับ”

เสี่ยวเป่ายิ้มพยักหน้า

ตอนกินข้าว จิ้นเฟิงเฉินก็โทรวิดีโอคอลมาหา

หลังเจียงสื้อสื้อรับสาย ก็ฉายกล้องไปที่อาหารบนโต๊ะ ทำเสร็จยังกล่าวกับเขาในเชิงอวดอีกว่า “คุณดูสิคะ นี่เป็นของกินพวกเรา คุณอยากกลับมากินไหม?”

จิ้นเฟิงเฉินอยากกลับไป แต่เขางานยุ่งมาก ไปไม่ได้

“ไปไม่ได้ คุณกินเยอะๆ หน่อยล่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ รู้สึกอยู่เสมอว่าเธอผอมเกินไป ทำไมกินเข้าไปก็ไม่อ้วนขึ้นเลย ทำให้คนกังวลเหลือเกิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!