บทที่ 607 ต้องทำอะไรสักอย่าง
เจียงสื้อสื้อมองไปยังใบหน้าของชายหนุ่มอันหล่อเหลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทำให้เธอหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ในใจของเธอรู้สึกวู่วาม
“คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวหม่ามี๊ไปตากผ้าก่อน”
เธอหาข้ออ้างแล้วรีบเดินจากไป
จิ้นเฟิงเฉินมองเห็นเธอเดินจากไปแบบนั้นก็รู้สึกชะงักลงเล็กน้อย
เขาเม้มฝีปากเป็นเส้นตรงแล้วมองตามเธอไปด้วยท่าทางครุ่นคิด
“แดดดี๊คะ”
แม่หนูน้อยตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ทำให้เขาได้สติกลับคืนมา
จิ้นเฟิงเฉินมองไปยังใบหน้าของเถียนเถียนที่มีสีอมชมพู เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น
จึงได้เดินมามองกล้องแล้วพูดขึ้นว่า “แม่สาวน้อย คิดถึงแดดดี๊ไหม?”
“คิดถึงค่ะ” แม่หนูน้อยชี้ไปตรงตำแหน่งของหัวใจ
เมื่อดูท่าทางของเธอที่ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งชื่นชอบเธอมากขึ้น
ทั้งสามคนคุยกันอยู่สักพัก เถียนเถียนก็หันหลังกลับมามอง เมื่อแน่ใจว่าเจียงสื้อสื้อไม่อยู่เธอก็กระโจนเข้าไปตรงหน้ากล้อง
แล้วพูดกับสองพ่อลูกด้วยความระมัดระวังว่า “ช่วงนี้หม่ามี๊อารมณ์ไม่ดีเลย ทำยังไงดีคะ?”
ใบหน้าทรงกลมเล็กๆของเธอเหี่ยวย่นแสดงถึงความขมขื่น ตอนนี้เธอกำลังปรับทุกข์กับสองพ่อลูกที่อยู่ในหน้าจอมือถือ
เมื่อเห็นเถียนเถียนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เสี่ยวเป่าเองก็อารมณ์เคร่งขรึมไปตามเธอ และเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “มีอะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“เถียนเถียนไม่รู้ แดดดี๊อารมณ์ไม่ดี คุณปู่คุณย่าไม่พูดอะไรเลย เถียนเถียนก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน ทุกคนไม่มีความสุขเลย......”
เธอยกนิ้วขึ้นทำสัญลักษณ์ท่ามกลางอากาศ เพื่อแสดงความหมายถึงบรรยากาศในบ้านตอนนี้
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เขารู้สึกงุนงงมาก ตระกูลฝู้เกิดอะไรขึ้นกัน ถึงทำให้เจ้าหนูน้อยลังเลเช่นนี้?
เสี่ยวเป่าก็ปลอบใจเธอและพยายามทำให้เธอยิ้มขึ้น
ส่วนจิ้นเฟิงเฉินเองก็พยายามปลอบใจเธอบอกว่า “ไม่เป็นไร”
หลังจากวางสายลง จิ้นเฟิงเฉินก็รีบให้เสี่ยวเป่าติดต่อไปที่เจียงสื้อสื้อ
และอีกหลายวันต่อมา เสี่ยวเป่าก็พยายามส่งข้อความไปให้เจียงสื้อสื้อตลอด
หลังจากที่เขาเซ้าซี้อยู่หลายวัน ในที่สุดก็พบว่าเจียงสื้อสื้อนั้นอารมณ์ไม่ดีสักเท่าไหร่จริงๆ
ดังนั้นเสี่ยวเป่าก็เริ่มคิดว่าตนจะทำอย่างไรให้เจียงสื้อสื้อมีความสุขได้
เจียงสื้อสื้อไม่ได้รำคาญ เธอตอบกลับข้อความของเสี่ยวเป่าทุกข้อความ
ในวันนี้ เจียงสื้อสื้อกำลังอ่านรายงานอยู่ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็สั่นขึ้น
เจียงสื้อสื้อชายตาไปมองแล้วพบว่าเป็นเรื่องตลกที่เสี่ยวเป่าส่งมาให้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มุมปากของเธอเคยเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เธอสัมผัสได้ว่าหนูน้อยคนนี้พยายามทำให้เธอมีความสุข จึงสงสัยว่าเขาอาจจะไปได้ยินอะไรมาบางอย่าง
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หวังดีกับเธอ ในใจเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น
เจียงสื้อสื้อขยับปลายนิ้วของเธอแล้วแตะลงที่ข้อความที่เสี่ยวเป่าส่งมา
เธอรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจว่าตนผูกพันกับเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่มองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วพบว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากประโยคของเสี่ยวเป่าที่พูดมาก่อนหน้านี้ทำให้ในสมองของเธอจินตนาการว่าเสี่ยวเป่าเป็นเด็กที่ถูกทิ้งไว้ตัวคนเดียว ภาพจินตนาการที่เขานั่งกินข้าวอยู่คนเดียวนั้นทำให้เธอเป็นกังวลมาก
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความกลับไปถามว่า “กินข้าวเย็นหรือยังคะ?”
ไม่นานต่อมาเสี่ยวเป่าก็ตอบกลับมาว่า
“กินแล้วครับ หม่ามี๊ล่ะ?”
“เดี๋ยวหม่ามี๊ค่อยกิน อยู่บ้านคนเดียวเหรอ?แดดดี๊ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อถามขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ใช่ครับ คุณย่าก็อยู่ แต่ว่าแดดดี๊กำลังทำงาน เมื่อตอนเย็นพวกเรากินซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานกันด้วย......”
หลังจากนั้นเขาก็พูดเมนูอาหารอันโอชะออกมา
อาหารเหล่านั้นล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศของประเทศ X เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาเบาๆ ชื่ออาหารเหล่านั้นดึงดูดเธอได้ไม่น้อย
เมื่อได้ยินว่าแม่จิ้นดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ที่คฤหาสน์ เธอเองก็วางใจลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!