บทที่ 620 ขี้สงสัย – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!
ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 620 ขี้สงสัย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 620 ขี้สงสัย
หลังจากฟังคำกล่าวหาของฝู้จิงเหวิน สีหน้าของเจียงสื้อสื้อก็เปลี่ยนไปจากปกติ
ทนไม่ไหวกับคำเหน็บแนมที่ไม่มีเหตุผลของฝู้จิงเหวิน ราวกับว่าการที่เธออยู่ที่โรงพยาบาลเป็นสิ่งที่น่าอับอายอย่างนั้น
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะเป็นลูกของจิ้นเฟิงเฉิน แต่เจียงสื้อสื้อไม่ได้เอาความรู้สึกที่มีต่อเขามาปนกัน
“ตกลงเป็นฉันที่เปลี่ยนไป หรือเป็นคุณที่ขี้สงสัยกันแน่?”
ทันใดนั้นเสียงของเธอเย็นลงไปหลายระดับ
“ผมขี้สงสัย?”
สีหน้าของฝู้จิงเหวินเข้มขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกโมโห
เจียงสื้อสื้อหน้านิ่วคิ้วขมวด “หรือว่าไม่ใช่? ฉันแค่มาดูเสี่ยวเป่าที่อยู่โรงพยาบาลคนเดียว รู้สึกสงสาร ดังนั้นจึงช่วย เถียนเถียนรู้ว่าฉันอยู่ที่โรงพยาบาล ก่อนเธอจะนอนฉันโทรคุยกับเธอแล้ว ไม่ได้ละเลยเธอเหมือนที่คุณพูด คุณจะต้องประหลาดใจขนาดนี้เลยหรอ? เถียนเถียนอยู่ที่บ้านมีพ่อและแม่ แต่เสี่ยวเป่าต้องอยู่เพียงลำพัง คุณใจดำ ถึงขนาดที่เด็กคนหนึ่งคุณยังรับไม่ได้เลยหรอ?
ฝู้จิงเหวินฟังน้ำเสียงเย็นชาของเจียงสื้อสื้อ หัวใจของเขาก็ปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บ
เจียงสื้อสื้อไม่เคยโกรธเขามากขนาดนี้มาก่อน
หลังจากพ่อลูกคู่นั้นเข้ามา ทุกย่างก็เปลี่ยนไป
กำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น ฝู้จิงเหวินกัดฟันพูด “ผมใจดำ? ผมไม่สามารถทนกับเขาได้? สื้อสื้อ คุณไม่คิดว่าคำพูดของคุณมันเกินไปหน่อยหรอ? เขาเป็นลูกของจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเฉินเป็นคนที่จะแย่งภรรยาของผมไป เป็นไปได้หรอที่ผมจะญาติดีกับเขา? ผมไม่ใช่พระ ผมก็มีความโกรธ มีความรู้สึก
ผมไม่ต้องการอะไรมาก ภรรยาและลูกสาวอยู่ข้างๆกับผมก็พอแล้ว แค่ความปรารถนาเล็กๆแค่นี้คุณไม่สามารถทำให้ผมได้หรอ? จะต้องทำแบบนี้กับผมด้วยหรอ?”
ฟังคำพูดของเขา เจียงสื้อสื้อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังสีซอให้ควายฟัง จากนั้นก็กดตัดสายไป
ยืนพิงกำแพงของโรงพยาบาล หายใจเข้าออกอย่างสงบ
สิ่งที่ฝู้จิงเหวินพูดในวันนี้ทำให้เขาเสียใจมากจริงๆ เขาไม่เคยเข้าใจเธอเลย เอาแต่สนใจจะทำให้ความต้องการของตัวเองสำเร็จ
ถึงแม้ว่าเด็กที่อยู่ที่โรงพยาบาลวันนี้ไม่ใช่ลูกของจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ไม่สามารถไม่สนใจได้ นี่เป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่
ลูกเปรียบเสมือนเทวดาตัวน้อย เป็นคนที่บริสุทธิ์อย่างไม่สามารถเอาอะไรมาเปรียบได้
เขาจะทำใจทิ้งเทวดาเหล่านี้ได้ยังไง?
หลังจากตั้งสติได้ เจียงสื้อสื้อก็เอาโทรศัพท์มาปิดเครื่อง
สองสามวันนี้ฝู้จิงเหวินผิดปกติไปมาก แทนที่จะทะเลาะกับเขา ไม่ต้องติดต่อกับเขาก่อนจะดีกว่า
หลังจากเจียงสื้อสื้อตัดสายไป ฝู้จิงเหวินก็ง้างหมัด และต่อยเข้าที่กำแพง
แม่ฝู้เห็นอย่างนั้น ก็ไม่กล้าเข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม
เดิมทีเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะดีขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะยิ่งแย่ลง
มองไปที่ฝู้จิงเหวินอย่างเป็นห่วง ทั้งสองคนยังไม่ทำให้เขาสบายใจได้เลยจริงๆ
ในตอนนั้นพ่อฝู้ก็เดินออกมาจากห้อง พูดเสียงเบาๆว่า “กลับห้องไปเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของลูกๆแล้ว”
แม่จิ้นถอนหายใจออกมา พูดอย่างทนไม่ได้ “เป็นเพราะสองพ่อลูกคู่นั้นเข้ามา ทำลายบรรยากาศความปรองดองของครอบครัวเรา เดิมทีก็เป็นคนที่หายไปแล้ว ทำไมถึงได้กลับมาอีกล่ะ?”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นก็ชะไปครู่หนึ่ง พูดอย่างอ้ำๆอึ้งๆว่า “ไม่ได้ทะเลาะค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
พูดพร้อมกับพาแม่ฝู้เข้ามาในห้องทำงาน
วางกล่องข้าวลง เจียงสื้อสื้อก็ถามขึ้น “แม่ดื่มอะไรดีคะ? เดี๋ยวหนูโทรไปสั่งให้”
พูดจบ แม่ฝู้ก็จับมือของเจียงสื้อสื้อ และพูดว่า “สื้อสื้อ ไม่ต้อง แม่พูดแค่ไม่กี่ประโยคก็ไปแล้ว เธอไม่ต้องปิดบังแม่ เมื่อคืนที่จิงเหวินโทรศัพท์คุยกับเธอ ฉันและพ่อของเธอไม่ได้ยินหมดแล้ว จิงเหวินโมโหใส่เธอนั้นเขาทำไม่ถูก ฉันพูดกับเขาไปแล้ว หลังจากวางสายไปเขาก็ใจลอยมองไปที่ประตูห้องของเธอตลอด ท่าทางเหล่านั้นทำให้ฉันปวดใจมากจริงๆ สื้อสื้อ ช่วงนี้จิตใจของเธอมีแต่เรื่องอื่น
จิงเหวินเป็นห่วงเธอมาก หลายปีมานี้จิงเหวินและพวกเราเป็นยังไงกับเธอ ฉันคิดว่าเธอก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ใจเขามีเธอ เพราะสนใจเธอเขาเลยโมโห ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นคนรักของตัวเองอยู่ใกล้กับผู้ชายคนอื่น ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น และยิ่งเธอเป็นคนที่จิงเหวินรักที่สุด สิ่งที่แม่พูดกับเธอเหล่านี้ไม่ใช่ว่าบีบบังคับให้เธอยอมรับจิงเหวิน ฉันรู้ว่าเธออยากค้นหาอดีต แต่จะมองไม่เห็นความดีของคนตรงหน้าไม่ได้”
คำพูดของแม่ฝู้เข้ามาในหัวใจของเจียงสื้อสื้อ ช่วงที่ผ่านมานี้ เธอสนใจแต่เสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉินจริงๆ และทิ้งฝู้จิงเหวินไว้
เพราะสนใจสองพ่อลูกมากเกินไป ฝู้จิ้งเหวินพูดว่าเสี่ยวเป่าไม่ดีแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน
สามปีที่ผ่านมานี้ถ้าไม่ใช่ครอบครัวฝู้เป็นคนดูแลเธอและเถียนเถียน เกรงว่าพวกเธอแม่ลูกสองคนคงจะไม่สามารถให้ชีวิตต่อไปได้
เธอคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก และพูดกันแม่ฝู้ว่า “แม่คะ ที่แม่พูดมาฉันรู้ทั้งหมด ที่จริงแล้วเมื่อวานก็มีส่วนผิด……”
เห็นเธอยอมแพ้ แม่ฝู้ก็ลูบมือของเจียงสื้อสื้อและพูดว่า “โธ่ คำพูดเหล่านี้เธอไปบอกจิ้งเหวินเถอะ เมื่อคืนเขาเสียใจมาก วันนี้กลับไปดูสักหน่อยเถอะ ฉันไม่รบกวนเวลาเธอแล้ว เดี๋ยวเธออย่าลืมกินข้าวด้วยล่ะ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็พยักหน้า และไปส่งแม่จิ้นออกจากบริษัท
ถึงเวลาเลิกงาน เจียงสื้อสื้อเก็บของไว้เรียบร้อย และกลับไปที่บ้านตระกูลจิ้น
เข้าประตูไปก็เห็นฝู้จิงเหวินนั่งอยู่ตรงนั้น เงยหน้าขึ้นมามองเธอ และรีบหลบสายตาไปทางอื่น
หลังจากวางของลง เจียงสื้อสื้อพูดกับฝู้จิงเหวินว่า “ฉันมีบางอย่างจะพูดกันคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!