อ่านสรุป บทที่ 662 ไม่มีทาง! จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
บทที่ บทที่ 662 ไม่มีทาง! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 662 ไม่มีทาง!
แม่จิ้นได้ยินเช่นนั้น จึงมองค้อนจิ้นเฟิงเหราไปทีหนึ่ง
เขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
เห็นสีหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่สู้ดีนัก จิ้นเฟิงเฉินจึงเสนอความคิดเห็นขึ้นมา “แม่ อย่ายืนที่ด้านนอกสิ ผมเปิดห้องอยู่ข้างๆนี้ ร่างกายของสื้อสื้อเพิ่งจะฟื้นฟู ยังยืนนานมากไม่ได้”
“เฮ้อ โอเคๆ” แม่จิ้นรีบตอบรับ
หลังจากกลับมาถึงห้อง เถียนเถียนก็รีบวิ่งมาหาแม่จิ้น
พูดด้วยเสียงออดอ้อน “คุณย่า”
เมื่อเห็นหนูน้อยที่เธอคิดถึงอยู่หลายวัน บวกกันท่าทางขี้อ้อน น่ารัก ทำให้ใจของแม่จิ้นแทบละลาย
รีบอุ้มหนูน้อยขึ้นมา แล้วหอมฟอดใหญ่
ละทิ้งความเศร้าในแววตา แล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจ “เถียนเถียนของพวกเราโตแล้ว น่ารักขึ้นอีกต่างหาก คุณย่าคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว”
ได้ยินที่แม่จิ้นพูด หนูน้อยก็รู้สึกร่าเริงขึ้น
“เถียนเถียนก็คิดถึงคุณย่าค่ะ”
เถียนเถียนหน้าตาน่ารัก ตากลมโตคู่นั้นราวกับดวงดาว
เสียงหวาน ร่าเริง และขี้อ้อน เรียกได้ว่า ใครเห็นก็ต้องรัก
ใจของแม่จิ้นละลายหมดแล้ว รีบอุ้มเถียนเถียนขึ้นมาถามนู่นถามนี่ จิ้นเฟิงเหรามองแบบงงๆ
เขาคิดว่าจะกอดเถียนๆต่อจากแม่จิ้นเสียหน่อย ไม่คิดว่าแม่จิ้นจะอุ้มแล้วไม่ยอมวาง
รอเป็นครึ่งชั่วโมง แม่จิ้นยังไม่มีวี่แววจะปล่อยมือ
จิ้นเฟิงเหราเริ่มนั่งไม่อยู่กับที่แล้ว เห็นหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มของเถียนเถียนแล้วหมั่นเขี้ยว จึงพูดขึ้น “แม่ ให้ผมอุ้มเถียนเถียนบ้าง ผมก็คิดถึงเถียนเถียนเหมือนกันนะ”
ไม่รอให้แม่จิ้นได้ตอบ พ่อจิ้นก็มองด้วยสายตาดุดัน ไม่ยอมให้จิ้นเฟิงเหราได้อุ้มหนูน้อย
พูดด้วยความสะใจ “ไม่ให้แกอุ้มหรอก รอให้แม่แกอุ้มเสร็จก่อน”
“อ้าว…”
จิ้นเฟิงเหราหงอยลงทันที มองดูเถียนเถียนหัวเราะร่า เสียงหัวเราะของเธอช่างน่าฟัง
เขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จึงพูดแย่งต่อ “งั้นพ่ออุ้มเสร็จแล้วก็ต้องถึงตาผมแล้ว”
ไม่คิดว่าพ่อจิ้นจะหัวเราะแล้วหันมาชี้ส้งหวั่นชีงที่นั่งอยู่ด้านข้างจิ้นเฟิงเหรา
อีกฝ่ายยืดหลังตรง ยกมุมปากขึ้น แล้วพูดด้วยความรู้สึกเหนือกว่า “ยังมีหวั่นชีง รอหวั่นชีงอุ้มเสร็จค่อยถึงตาแก”
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกเหมือนถูกทั้งโลกละทิ้ง ตำแหน่งของเขาในบ้านช่างต่ำเตี้ย
เขาลองพูดกับส้งหวั่นชีง เผื่อจะมีความหวังอยู่บ้าง “หรือว่าพวกเราสองคน…”
ไม่ทันรอให้จิ้นเฟิงเหราพูดจบ ส้งหวั่นชีงรู้ว่าเขากำลังจะพูดอะไร
ยิ้มจนตาหยีทั้งสองข้าง แล้วพูดอย่างไร้เยื่อใย “ไม่มีทาง!”
“……”
ส้งหวั่นชีงบึนมาก จึงได้แต่ต่อคิวอย่างเงียบๆ
วันรุ่งขึ้น
แสงแดดที่อบอุ่นยามเช้า ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง แสงอาทิตย์สาดผ่ายชนผิวขาวๆของเจียงสื้อสื้อ ตาที่หลับอยู่นั้นเริ่มขยับไปมา
ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นมา เธอนอนฟุบอยู่ข้างเตียงทั้งคืน รู้สึกปวดเมื่อยเล็กน้อย
เธอไม่สนใจความเจ็บปวดบนร่างกาย ดวงตาทั้งคู่มองยังเด็กน้อยที่อยู่บนเตียง
ในแววตาเต็มไปด้วยความเศร้าและโทษตัวเอง จนถอนหายใจออกมา
จากนั้นเงยหน้ามองแม่ฝู้ ยิ้มแล้วตอบกลับ “แม่อย่าคิดมากไปเลย ช่วงนี้เธอร่างกายอ่อนแอ ต้องการพักผ่อน”
แม่ฝู้เห็นสีหน้าของเขาผิดปกติ ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิด จึงพูดขึ้น “ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ช่วงนี้สื้อสื้อยุ่งเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า?”
เมื่อเห็นท่าทียืนหยัดของแม่ฝู้ เขาก็ไม่อาจหลบเลี่ยง จึงได้แต่ตอบไปตามตรง “ช่วงนี้เสี่ยวเป่ายังไม่ฟื้นขึ้นมา สื้อสื้อเธอเป็นห่วง เลยเอาแต่เฝ้าเสี่ยวเป่า”
แม่ฝู้สีหน้าเปลี่ยนไปทันที คิดถึงตรงนี้ สื้อสื้อคงได้เจอหน้ากับพ่อจิ้นแม่จิ้มแล้ว”
เธอกุมมือฝู้จิงเหวินด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “จิงเหวิน แกต้องรู้นะว่าสื้อสื้อเป็นสะใภ้บ้านฝู้ ไม่ใช่บ้านจิ้น!ต่อให้เธอตกลงเป็นสะใภ้บ้านฝู้แล้ว แกจะวางใจมากไม่ได้!”
ฝู้จิงเหวินจะตอบกลับ แต่ไม่รู้จะตอบอะไรดี จึงได้แต่พยักหน้า แล้วตอบว่า “แม่วางใจเถอะ ผมจะคุยเรื่องนี้กับสื้อสื้อเอง”
เมื่อเห็นฝู้จิงเหวินพูดเช่นนี้ แม่ฝู้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เธอจึงนอนลงบนเตียงอย่างหมดกังวล
ฝู้จิงเหวินวางแอปเปิ้ลที่ปอกเสร็จลง เดินออกจากห้องผู้ป่วย มายังหน้าห้องพักผู้ป่วยของเสี่ยวเป่า
“สื้อสื้อ ออกมาสักครู่ได้ไหม? ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
ตอนนี้ที่ทางเดินหน้าห้องผู้ป่วยมีเพียงฝู้จิงเหวินและเจียงสื้อสื้อ ดูเงียบเหงามาก
เจียงสื้อสื้อเดินมาข้างๆฝู้จิงเหวิน แล้วถามขึ้น “มีอะไรเหรอ?”
“ช่วงนี้คุณเอาแต่ยุ่งเรื่องของเสี่ยวเป่า แม่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึกในเรื่องพวกนี้นะ ช่วงนี้แม่ก็สุขภาพไม่ค่อยดี หวังว่าคุณจะไปเยี่ยมท่านบ้าง”
ฝู้จิงเหวินพยายามพูดในดูอ่อนโยนลง เจียงสื้อสื้อก็เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ
คิดถึงชีวิตในช่วงนี้ของเธอ ก็มีแต่อยู่ที่ห้องผู้ป่วยกับโรงอาหารโรงพยาบาล ชีวิตอยู่แค่นี้
เอาเรื่องไว้ทีหลังทั้งหมด
เธอเม้มปาก พูดด้วยความรู้สึกผิด “ต้องขอโทษด้วย… เป็นฉันที่คิดมากไป ฉันเองก็ไม่อยากจะเป็นแบบนี้ แต่พอฉันไม่อยู่กับเสี่ยวเป่า ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขา ไม่มีกะจิตกะใจไปทำอะไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!