ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 681

บทที่ 681 ไม่น่ารักเลยสักนิด

ฝู้จิงเหวินไม่พูดอะไร มองเจียงสื้อสื้อเงียบๆ ด้วยระยะที่ห่างกันไม่กี่ก้าว นัยน์ตานั้นได้มีความเหนื่อยล้าปนอยู่

เจียงสื้อสื้อถูกเขาจ้องมองจนเริ่มทำตัวไม่ถูก ก็ได้พูดออกไปอีกครั้ง

“ก่อนหน้าได้ตกลงที่จะแต่งงานแล้ว ตอนนี้กลับเปลี่ยนใจ เป็นความผิดของฉัน ฉัน......”

เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างลำบากใจ “ฉันติดบุญคุณกับตระกูลฝู้ของพวกนายมากเกินไป จิงเหวิน ขอโทษนะ ฉันไม่สามารถที่จะทำให้นายเหนื่อยอีกต่อไป ขอบคุณช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ที่นายได้ช่วยเหลือฉัน

ฉันเกรงว่าจะตอบแทนอะไรนายไม่ได้ ฉันจะหาเวลาไปบอกกับพ่อแม่เอง พวกเราจะโกหกพวกท่านต่อไปไม่ได้แล้ว......”

ฝู้จิงเหวินกระตุกมุมปาก อยากจะยิ้มให้เจียงสื้อสื้อ แต่ลองดูหลายครั้งก็ล้มเหลว

เขาหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ หายใจออก

ในดวงตานั้นอยู่ๆก็ได้มีความเสียใจที่ไม่สามารถทำลายได้โผล่ออกมา คิ้วตก อำพรางอารมณ์ที่ยากจะบังคับไว้

เขาได้เปิดปาก พูดออกมาเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องพูดขอโทษกับฉัน......”

ฝู้จิงเหวินที่หันหลังให้เจียงสื้อสื้อ นัยน์ตาก็ได้มีความเศร้าใจอย่างเห็นได้ชัด

“เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นความผิดของแม่ฉัน เธอไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ทำผิดคือแม่ของฉัน เธอไม่ต้องสน เรื่องเดี๋ยวฉันจัดการเอง ฉันไปพูดให้พวกท่านเข้าใจ”

เจียงสื้อสื้อก็ได้เถียงกลับไปด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “ไม่ ฉันเองที่ผิดฉันเป็นคนตกลงเรื่องงานแต่ง ความผิดของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณแม่”

ไม่รู้ทำไม แค่มองแผ่นหลังของฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อก็สามารถที่จะสัมผัสถึงความเศร้าใจของเขาได้

แต่ว่าเธอนั้นพูดอะไรปลอบใจไม่ออก

“ฉันไปพูดกับคุณพ่อคุณแม่เอง ฉันยังต้องไปขอโทษพวกท่าน”

ฝู้จิงเหวินส่ายหน้า ยากมากที่จะแข็งกร้าวต่อหน้าเจียงสื้อสื้อสักครั้ง “เธอไม่ต้องสน เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เพราะฉัน ให้ฉันไปจัดการ ที่เหลือเธอไม่ต้องยุ่งแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

เจียงสื้อสื้ออยากจะเถียงกลับไป แต่ตอนที่เธอเผชิญกับแผ่นหลังฝู้จิงเหวิน คำพูดที่อยู่ในปากก็ได้กลืนลงไป

เธอก็ได้ฝืนยิ้มออกมาอย่างยากลำบาก ก็ได้ตอบไปอย่างอ่อนโยนว่า “ได้ นายก็รีบกลับไปพักผ่อน”

ฝู้จิงเหวินไม่พูดอะไรต่อ

เจียงสื้อสื้อได้เดินออกไปจากห้อง แล้วปิดประตูให้เขา

ตอนที่เจียงสื้อสื้อออกไปนั้น ฝู้จิงเหวินก็รู้สึกว่าแรงทั้งหมดของร่างกายนั้นได้ถูกสูบออกไป

เขาล้มไปที่เตียง ใช้มือบังเสียงไฟที่แสบตา

แต่สุดท้ายก็ทนให้เธอโดนทำร้ายไม่ได้

แค่นี้เถอะ

เวลานี้ห้องอีกด้านของบ้านตระกูลฝู้ ก็ได้มีคนสองคนได้มีท่ากังวล

แม่ฝู้ได้ขมวดคิ้ว พูดกับพ่อฝู้ว่า “คุณรู้สึกไหมว่า สื้อสื้อมีท่าทางแปลกๆ? ไม่ใช่แค่สื้อสื้อ จิงเหวินก็ไม่ปกติด้วย”

เธอรู้สึกได้ว่าตอนที่จิ้นเฟิงเฉินอยู่นั้น เจียงสื้อสื้อได้มองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความตื่นตระหนกอยู่ตลอด เหมือนกลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะพูดอะไร

ถึงแม้พ่อฝู้จะไม่ได้อ่อนไหวเหมือนแม่ฝู้ แต่ว่าเรื่องที่เขาได้เคยเจอมาหลายปีนั้น สายตาที่ได้แหลมคมมาก

เขาได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่ค่อยที่จะอยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่

“คุณไม่ต้องยุ่งอะไรมาก เรื่องของพวกเขา พวกเราจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกของพวกลูกไม่ได้ นั่นเป็นอะไรที่เราบังคับได้เหรอ”

แม่ฝู้มองเขาสักพัก ไม่ค่อยเห็นด้วย

เห็นว่าพูดกล่อมแม่ฝู้ไม่ได้ พ่อฝู้ก็ไม่พูดอะไรมาก

เขาได้ขมวดคิ้ว แล้วก็พูดออกมา “สื้อสื้อเป็นเด็กดี อาจเพราะ......ไม่เหมาะกับจิงเหวิน”

แม่ฝู้ตกใจ จะเปิดปากถามว่า คุณพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง?

แต่พอคิดถึงเรื่องที่ตัวเองนั้นเป็นคนวางแผน ให้เจียงสื้อสื้อตกลงที่จะอยู่กับจิงเหวิน

คำพูดก็ได้ติดที่ลำคอเลยทันที แม่ฝู้พูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง

ความคิดการมองของพ่อฝู้ได้กว้างกว่าแม่ฝู้มาก การวิเคราะห์ในใจก็ได้มีมาก

เขาได้มองภรรยาของตนสักพัก เข้าใจว่าเธอนั้นหวังว่าลูกชายของตนจะมีความสุข

แต่ว่าการวางแผนบังคับให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันนั้นเป็นอะไรที่ทำไม่ได้

“ถ้าไม่โอเคจริงๆ ก็ช่างมันเถอะ......”

แม่ฝู้ไม่พูดอะไร ในใจอยู่ๆ ก็ได้คิดอะไรมากมาย สับสนมากๆ

วันต่อมา วันนี้เป็นวันเสาร์ เสี่ยวเป่าไม่ต้องไปโรงเรียนสักที

แต่ก็รักษาวินัยในการไม่นอนขี้เกียจ

ถึงเวลาก็ได้วิ่งลงจากชั้นบน

เห็นท่าทางที่เสี่ยวเป่าวิ่งลงมา แม่จิ้นก็ได้ไปอุ้มเสี่ยวเป่า พูดอย่างใจดีว่า “เป็นยังไงครับ เมื่อวานไปหาหม่ามี๊ดีใจไหม?”

พอเสี่ยวเป่าได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงสื้อสื้อ ใบหน้าน้อยๆ นั้นก็ได้ยิ้มออกมาเลยทันที

ตอบไปเสียงใสว่า “ดีใจครับ เสี่ยวเป่าได้เจอกับหม่ามี๊ก็ดีใจมากๆ”

เพื่อที่จะยืนยันว่าเขาดีใจ เสี่ยวเป่าก็ได้พูดอีกว่า “เมื่อวานตอนที่อยู่กับหม่ามี๊ผมก็ได้ทานข้าวได้หนึ่งถ้วยเต็มๆ”

ดวงตาของแม่จิ้นก็ได้เป็นประกาย รีบชมเสี่ยวเป่าว่าเก่งมาก

“งั้นเสี่ยวเป่าได้คิดถึงย่าไหมครับ?”

ดวงตาที่กลมโตของเสี่ยวเป่าได้จ้องมองแม่จิ้น ร่างกายของเขาก็ได้เอียงไปข้างหน้า ยื่นมือไปอุ้มแม่จิ้น

“ได้คิดถึงครับ!”

พ่อจิ้นก็ได้เข้ามาร่วมวงอย่างอดไม่ได้ ได้แย่งจุดสนใจของเสี่ยวเป่า “เสี่ยวเป่าได้คิดถึงคุณปู่ไหมครับ?”

เสี่ยวเป่าได้พยักหน้ายิ้มแล้วพูดว่า “คิดถึงครับ เสี่ยวเป่าก็ได้คิดถึงคุณปู่ครับ!”

จิ้นเฟิงเหราก็ได้ลงจากชั้นบนพอดี เรื่องแบบนี้จะขาดเขาไปได้ยังไง?

พอลงมาก็ได้เดินตรงไปหาเสี่ยวเป่า ได้แย่งเสี่ยวเป่ามาจากมือของแม่จิ้น ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “งั้นอาล่ะ? เสี่ยวเป่าคิดถึงอาเล็กไหมครับ”

เสี่ยวเป่าก็ได้ใช้ดวงตาดวงน้อยมองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก

“ไม่คิดถึง”

ได้ยินแบบนั้นจิ้นเฟิงเหราก็ได้เอามือบีบใบหน้าน้อยๆ ของเสี่ยวเป่า บ่นออกมาว่า “เสี่ยวเป่าลำเอียง”

แต่ว่าเสี่ยวเป่ากลับได้ตบมือของจิ้นเฟิงเหราอยากไม่เกรงใจ แล้วก็ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของเขา กระโดดลงมา

ก็ได้พูดสั่งสอนจิ้นเฟิงเหราอย่างจริงจัง “อาเล็กครับ อยู่กับอาเล็กนานๆไอคิวผมจะได้รับความกระทบกระเทือนเอา”

คำพูดของเสี่ยวเป่าทำให้จิ้นเฟิงเหราตกใจ เหมือนว่าได้เห็นภาพตอนสมัยเด็กจากตัวของเสี่ยวเป่า

ตอนเด็กๆ นั้นจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนเย็นชามากๆ ไม่ว่าจิ้นเฟิงเหราจะอ้อนยังไงก็ไม่สนใจ

ก็ทำแค่ใช้สายตาที่เย็นชาจ้องมองหน้าจอคอม นั่งเขียนโปรแกรม

เพราะแบบนั้นทำให้จิ้นเฟิงเหราดูปัญญาอ่อนมากๆ

ตอนเด็กถูกพี่ชายตัวเองรังเกียจแล้วก็ช่างแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ขนาดเสี่ยวเป่าก็รังเกียจเขา

แบบนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งในบ้านของเขาได้ต่ำลงความเดิมแน่

จิ้นเฟิงเหราก็ได้จับตัวเสี่ยวเป่า กัดฟันแล้วพูดว่า “เสี่ยวเป่า เด็กอย่างเราจะไปมีไอคิวได้ยังไง เรายังไม่ฉลาดเท่ากับอาในสมัยเด็กเลย”

เสี่ยวเป่าได้ยินแบบนั้นก็ได้รีบเถียงออกไป “อาโกหก!”

เขาไม่ยอมให้ใครมาดูถูกไอคิวเขาได้

“อาไม่ได้โกหก”

จิ้นเฟิงเหรายังอยากจะเถียงกับเสี่ยวเป่าต่อ สรุปก็ได้ถูกแม่จิ้นฉีกหน้า

“แกตอนเด็กเป็นยังไงฉันยังไม่รู้อีกเหรอ? ห้ามรังแกเสี่ยวเป่า!”

แต่ว่าพออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเป่า แม่จิ้นก็ได้มีท่าทางอีกแบบ

“เสี่ยวเป่าคนเก่ง เสี่ยวเป่าฉลาดที่สุดแล้ว ได้ฉลาดกว่าคุณอาของหนูในตอนเด็กซะอีก”

พ่อจิ้นก็ได้เข้าข้างเสี่ยวเป่า ลำเอียงไปทางเสี่ยวเป่าสุดๆ แล้วก็ต่อว่าจิ้นเฟิงเหรา

ถูกพวกเขาทั้งสามรังแกแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราก็ทำได้แค่วิ่งไประบายกับพี่ชาย

แต่เห็นได้ชัดว่าได้ชนเข้ากับตะปู จิ้นเฟิงเฉินได้มองเขาด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ไม่อยากสนใจ

ในใจของจิ้นเฟิงเหราเต็มไปด้วยบาดแผล อดไม่ได้ที่จะไม่คิดถึงช่วงเวลาที่มีเจียงสื้อสื้ออยู่

ดีที่ตอนนั้น เสี่ยวเป่ายังเป็นเด็กที่เชื่อฟัง

ก็ได้เปิดปากถามออกไปว่า “พี่ พี่จะไปขอพี่สะใภ้แต่งงานเมื่อไหร่? พี่สะใภ้ไม่อยู่ นิสัยเสี่ยวเป่าของพวกเขาเย็นชามาก ไม่น่ารักเลยสักนิด”

จิ้นเฟิงเฉินไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็ได้พูดความจริงออกไปอย่างเยือกเย็นว่า “เสี่ยวเป่าได้เย็นชากับนายมาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?”

ในใจของจิ้นเฟิงเหราก็ได้ตะโกนออกมาดังๆ บ้านนี้เป็นครอบครัวแบบไหนกันแน่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!