ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 787

สรุปบท บทที่ 787 ห้ามลวนลามฉันอีก: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 787 ห้ามลวนลามฉันอีก – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 787 ห้ามลวนลามฉันอีก ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 787 ห้ามลวนลามฉันอีก

จิ้นเฟิงเฉินหรี่ตาลงมองแล้วหันหลังเดินจากไป

จิ้นเฟิงเหราแอบยิ้มอยู่ในใจ พี่ชายของเขาก็ไม่ใช่ว่าจะต่อกรยากสักเท่าไหร่

เหอะๆดูสิ เพียงแค่ยกพี่สะใภ้ออกมาพูดเขาก็ไม่มีวิธีจัดการแล้ว

เขานี่มันช่างฉลาดล้ำเลิศเสียจริง

ใครจะไปรู้กันแล้วว่าจิ้นเฟิงเหราดีใจได้ยังไม่ถึงสองนาที จิ้นเฟิงเฉินก็เข้ามาอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นโยนเอกสารไว้ข้างกายของเขามากมายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “นอนไม่หลับใช่ไหม? กระปรี้กระเปร่ามากใช่หรือเปล่า? ดี! คืนนี้จัดการเอกสารพวกนี้ให้เสร็จนะ”

จิ้นเฟิงเหราทำท่าทางงุนงงราวกับคนเสียสติ และเมื่อมองไปทางกองเอกสารเหล่านั้นเขาก็พูดอย่างประหลาดใจว่า “พี่ครับ ที่ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่ไหม......”

เอกสารมากมายเหล่านี้จะทำหมดในหนึ่งคืนได้ยังไงกัน!

เพียงแต่ว่าพี่ชายของเขาไม่สนใจคำพูดของเขาเลย ปรับก้มตัวลงไปอุ้มเจียงสื้อสื้อแล้วเดินจากไป

“พี่ครับพี่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!”

จิ้นเฟิงเหราพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่คำตอบที่เขาได้รับก็คือร่างอันเยือกเย็นของจิ้นเฟิงเฉินที่เดินจากไป

ในตอนนี้น้ำตาของเขาแทบจะไหลลงมาเต็มหน้า ทำไมถึงทำแบบนี้กันล่ะ เขาเป็นพี่ชายแท้ๆจริงหรือเปล่า!

เจียงสื้อสื้อที่ถูกอุ้มขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจเสียส่งเสียงออกมา มือทั้งสองข้างของเธอโอบกอดคอของจิ้นเฟิงเฉินไว้โดยสัญชาตญาณ

แววตาของจิ้นเฟิงเฉินนั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้น

“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ผมไม่ให้คุณตกลงไปแน่”

เจียงสื้อสื้อยังไม่ได้สติกลับคืนมา เธอทั้งอายและโมโหจึงพยายามที่จะดิ้นลงไป

“คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคะ!”

เธอตกตะลึงมองไปรอบๆ กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า

ที่ตระกูลจิ้นนี้มีคนอาศัยอยู่หลายคน ไม่เพียงแต่สมาชิกในตระกูลจิ้นยังมีคนรับใช้อีกมากมาย

ถ้าพวกเขาเห็นถ้าเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

แต่มือของจิ้นเฟิงเฉินกลับกอดเธอแน่นขึ้น นำร่างกายของเธอเอามาไว้ในอ้อมแขนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า

“อย่าขยับครับ ไม่อย่างนั้นบางทีมือผมอาจจะลื่นได้......”

แต่เจียงสื้อสื้อกลับไม่สนใจเขา เธอเขินอายหน้าร้อนผ่าวเเสียจนแทบไม่แล้ว แต่ก็ยังพยายามคงดิ้นรนที่จะหนีจากอ้อมอกเขา

เมื่อมือของจิ้นเฟิงเฉินปล่อยออกเล็กน้อย เจียงสื้อสื้อก็ร้องออกมาและมือเมื่อสักครู่กลับโอบคอเขาแน่นขึ้น

หลังจากที่รู้สึกได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินแกล้งเธอ ก็ทุบไปที่หลังของเขาอยู่หลายทีเพื่อเป็นการระบายอารมณ์

ทำไมคนคนนี้ถึงได้น่าหมั่นไส้อย่างนี้กัน ก่อนหน้านี้ดูเขาสงบนิ่งดี แต่นิสัยใจจริงช่างเหมือนเด็กเหลือเกิน

เรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอนั้นสำหรับจิ้นเฟิงเฉินแล้วไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย คล้ายกับกำลังลูบคลำเขา จึงไม่ได้นำมาใส่ใจ

ตรงกันข้าม กรงเล็บที่กำลังขีดข่วนอยู่นี้เหมือนกับแมวตัวน้อยน่ารักเสียเหลือเกิน

มันทำให้เขาอยากจะกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนและบดขยี้

เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่สองครั้ง เธอกำลังพยายามทำให้อารมณ์คงที่และชี้แจงเหตุผลกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคะ ฉันจะไปนอนกับเด็กๆ”

ฝีเท้าของจิ้นเฟิงเฉินหยุดลง “คุณจะไปนอนที่ไหน? เสี่ยวเป่าโตขนาดนี้แล้วไม่จำเป็นต้องไปนอนเป็นเพื่อน”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปนอนกับเถียนเถียน” เจียงสื้อสื้อพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ

“เถียนเถียนก็หลับแล้วเธอไม่ต้องการคุณหรอก”

จิ้นเฟิงเฉินพยายามปิดกั้นทุกวิถีทางของเธออย่างไร้ความปรานี

เมื่อเด็กๆทั้งสองคนนอนหลับสนิทไปแล้วเขาจะยอมปล่อยเธอไปได้อย่างไร

ขณะที่เขากำลังพูดจิ้นเฟิงเฉินก็ก้าวขาออกไปเปิดประตูห้องและเดินเข้าไปด้านใน เขาวางเจียงสื้อสื้อลงบนเตียงด้วยท่าทางการเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน

แต่เขายังไม่ได้ลุกขึ้นโดยทันที ยังคงเอนกายลงมาตามเดิมและวางเจียงสื้อสื้อไว้ด้านล่างตัวเขา

ระยะห่างระหว่างสองคนใกล้ชิดกันมากจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันอย่างชัดเจน

ดวงตาอันแหลมคมของจิ้นเฟิงเฉินมองไปยังใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ แววตาอันลึกล้ำและมืดมิดของเขาทั้งอันตรายและลึกลับ ทำให้เดาใจไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เจียงสื้อสื้อลุกลี้ลุกลน เธอวางมือของตัวเองลงบนหน้าอกจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดด้วยเสียงสั่นว่า “เอ่อ ฉัน ฉันจะกลับห้อง คุณลุกขึ้นเดี๋ยวนี้นะ......”

ฝ่ามืออันหนาแน่นของจิ้นเฟิงเฉินจับนิ้วมือของเจียงสื้อสื้อเอาไว้ แล้วมองเข้าไปในดวงตาเธอ

“คุณกลัวอะไรเหรอครับ? ผมไม่กินคุณลงไปสักหน่อย หืม?”

เมื่อเห็นท่าทางของเธอเช่นนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกขบขัน จึงได้จูบลงไปที่หูของเธอแล้ว กระซิบเบาๆว่า

“ดูคุณเหมือนจะผิดหวังมากนะ?”

“ไร้สาระ! ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย!”

เจียงสื้อสื้อจ้องไปที่ดวงตาอันชุ่มชื้นคู่นั้นของจิ้นเฟิงเฉิน ทำให้ในใจของจิ้นเฟิงเฉินรู้สึกคันยุกยิก และอยากจะจัดการเธอเสียจริง

แต่เมื่อคิดได้ว่าเจียงสื้อสื้อยังไม่ได้ยอมรับเขาอย่างเต็มหัวใจ จึงทำให้เขายอมวางมือไปก่อน

รออีกสักหน่อยก็ได้ ไม่อย่างนั้นกลัวว่าเธอจะตื่นตกใจหนีไปเสียก่อน

อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็อยู่ข้างกายเขา ไม่ต้องรีบร้อนก็ได้

แต่เจียงสื้อสื้อกลับรู้สึกไม่สบายใจ เธอถอยห่างออกมาจากจิ้นเฟิงเฉินจนกระทั่งช่องว่างของทั้งสองคนสามารถมีคนนอนแทรกกลางได้เลยทีเดียว

จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะออกมาด้วยความโมโห และดึงตัวเธอเข้ามากักขังไว้ในอ้อมกอด คางของเขาวางอยู่บนศีรษะของเจียงสื้อสื้อ

“นอนได้แล้วครับ”

เจียงสื้อสื้อรู้สึกรำคาญใจ “คุณทำอย่างนี้ฉันจะนอนได้ยังไง......”

เธอถูกจิ้นเฟิงเฉินที่แข็งทื่อราวกับต้นไม้นอนกอดเอาไว้ในอ้อมแขนไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย

ผ่านไปสักพักเมื่อพบว่าเขาไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เจียงสื้อสื้อจึงค่อยๆขยับตัวออกมาจากอ้อมอกเขา

แต่มือใหญ่อันอบอุ่นนั้นก็เอื้อมมาโอบเอวของเธอผ่านตรงช่องแขนและล็อกเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา

เจียงสื้อสื้อพยายามอยู่สักพักแต่ก็ไม่อาจผลักออกได้ จึงทำได้แต่กัดฟันอย่างขมขื่น

สมองของเธอดูวุ่นวายไปหมดในตอนนี้ ราวกับว่าเธอคิดมากแต่ก็ดูเหมือนไม่ได้คิดอะไรเลย

ท้ายที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงได้หลับตาและนอนลง

กลิ่นอายของคนข้างๆเธอนั้นน่าประหลาดใจจริงๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายได้และไม่รู้สึกรังเกียจเลย

หลังจากหลับลง เจียงสื้อสื้อก็ได้ดิ้นหาความอบอุ่นที่ออกมาจากอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉินโดยไม่รู้ตัว

คนที่นอนหลับตาอยู่ด้านหลังเผยอริมฝีปากขึ้น

ตอนนี้หัวใจของเขาช่างมีความสุขและกอดคนที่อยู่ในอ้อมแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!