ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 807

สรุปบท บทที่ 807 นกคีรีบูน: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่ 807 นกคีรีบูน – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 807 นกคีรีบูน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 807 นกคีรีบูน

หลังจากเสียงพูดของเจียงสื้อสื้อสิ้นสุดลง ภายในห้องก็เงียบสงบลงทันที

หลังจากฝู้จิงเหวินนิ่งเงียบไปเนิ่นนาน จึงขยับถาดออก แล้วอธิบายว่า “ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงทำแบบนั้น ต้องถูกผีเข้าสิงแน่ๆเลย สื้อสื้อ ตอนนี้ผมอยากจะทำให้เชื้อโรคหายไปจากร่างกายคุณจริงๆ ให้โอกาสผมสักครั้ง ได้ไหม ”

“ความจริงใจของคุณหรือ ช่างมันเถอะ”

น้ำเสียงแดกดันของเธอทำให้ฝู้จิงเหวินทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะประโยคต่อมายิ่งทำให้เขาเหมือนตกไปอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด

“ ฝู้จิงเหวิน ฉันจะไม่มีวันเชื่อคุณอีกแล้ว อย่าเสียเวลาเลย และฉันก็ไม่อยากเจอคุณอีก”

“คุณไม่คำนึงถึงมิตรภาพระหว่างเราแม้แต่นิดเลยหรือ”

ฝู้จิงเหวินมองเจียงสื้อสื้ออย่างไม่น่าเชื่อ ความเสียใจในสายตาเขา ทำให้รู้สึกราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นเหยื่อเคราะห์ร้าย

“มิตรภาพหรือ”

เจียงสื้อสื้อถามกลับด้วยเสียงต่ำ หลังจากนิ่งไปนานก็ยิ้มขมขื่น “คุณคิดว่าระหว่างเรายังมีมิตรภาพให้พูดถึงอีกหรือ”

หากมีมิตรภาพ แล้วทำไมถึงวางยาเธอได้

แล้วทำไมถึงไม่คำนึงถึงความยินยอมของเธอ โดยพาเธอจากฝรั่งเศสมาโดยเธอไม่ยินยอมมา

มองดูสีหน้าผิดหวังของเธอ ทำให้หัวใจฝู้จิงเหวินสะดุ้ง

“ฝู้จิงเหวินคนเมื่อก่อน ไม่เคยทำเรื่องที่ทำร้ายฉันเลย ”

เจียงสื้อสื้อมองดูเขา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ“ ฝู้จิงเหวินคนปัจจุบัน เต็มไปด้วยคำโกหกหลอกลวง ไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉัน ควบคุมฉันเหมือนกับฉันเป็นคนโง่เช่นนั้น ”

พูดไป เจียงสื้อสื้อก็แสยะยิ้มหยันเยาะ

ฝู้จิงเหวินคอตีบเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะถูกคำพูดเธอทำร้าย แต่เป็นเพราะว่าทุกคำพูดของเธอล้วนเป็นความจริง เขาไม่อาจเถียงได้

“สื้อสื้อ สิ่งที่คุณพูด ผมขอยอมรับผิดทั้งหมด ………แต่คุณก็ปฏิเสธไม่ได้ คุณรู้ผมไม่ใช่คนแบบนี้ ใช่ไหม ”

เขามองเจียงสื้อสื้ออย่างจริงจัง สายตาอ้อนวอนของเขา ทำให้เจียงสื้อสื้อกลัวว่าเธอจะอดไม่ได้ที่จะใจอ่อนกับเขา รู้ว่าที่สุดแล้วตัวเองยังติดหนี้บุญคุณเขาอยู่

เจียงสื้อสื้อหันหน้าหนี หลบสายตาของเขา พูดอย่างโหดร้ายว่า “ฝู้จิงเหวิน เราไม่เหมาะสมกันจริงๆ คุณปล่อยฉันไปเถอะ………”

พอพูดประโยคนี้ออกมา ฝู้จิงเหวินได้สติทันที เขาจ้องมองเจียงสื้อสื้อ อารมณ์ในดวงตาเขาทำให้เจียงสื้อสื้อไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไร

“ ผมเสียใจแล้ว ตอนนั้นผมไม่ควรปล่อยคุณไป”

พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็ลุกขึ้นทันที ชั้นวางนมถูกเขาดึงล้ม ทำให้นมที่ข้นเหนียวหกเต็มที่นอนทันที

เจียงสื้อสื้อมองดูชายตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ขณะที่เธอยังงุนงงอยู่ ทันใดนั้นร่างกายที่กำยำก็ล้มมาทับบนเธอ ลมหายใจที่ไม่คุ้นเคยทำให้เจียงสื้อสื้อขนลุก

“ ความใจดีของผมในตอนนั้น ทำให้คุณเดินจากผมไป นั่นมันโอกาสดีขนาดไหนที่จะทำให้คุณเป็นของผม”

ฝู้จิงเหวินหวนคิดถึงอดีต และจู่ๆก็เผลอยิ้มออกมา สายตาที่จ้องมองเจียงสื้อสื้อก็เต็มไปด้วยความรัก

“สื้อสื้อ หรือคุณไม่เคยคิดถึงสมัยก่อนที่อยู่ด้วยกันหรือ มีเพียงเราสองคน ไม่มีจิ้นเฟิงเฉินมากวนใจ…………… ตอนนั้น คุณกับผมแล้วก็ยังมีเถียนเถียน พวกเราครอบครัวสามคนเป็นที่น่าอิจฉา แต่ทำไมตอนนี้เปลี่ยนไปหมดเลย ”

พูดจบ อารมณ์ในดวงตาฝู้จิงเหวินเปลี่ยนไป เขามองดูรอบๆห้องนอน อย่างกับสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

เดินไปข้างหน้าต่างแล้วใช้แรงเตะไปที่โครงเหล็ก หยักหน้าอย่างพอใจ แล้วถอดสายโทรศัพท์สายเน็ตในห้องออกหมด

ท่าทางของเขาทำให้เจียงสื้อสื้ออยู่ไม่เป็นสุข แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเขาคิดจะทำอะไร

เจียงสื้อสื้อกำมือแน่น ถามด้วยเสียงเย็นชา “ฝู้จิงเหวิน คุณนี่ช่างอ่อนโยนกับฉันจริงๆ ตั้งใจจะกักขังฉันใช่ไหม ”

มือที่กำลังตรวจสอบโครงประตูชะงักไป แต่ก็ไม่ตอบ

ดวงตาว่างเปล่ามองไปที่นอกหน้าต่าง ลมพัดโชยเบาๆ กลีบดอกปลิวไสว และร่วงโรย

เธอเผยอยิ้มเศร้าที่มุมปาก เธอในตอนนี้ จะต่างอะไรจากนกคีรีบูนที่ถูกขังอยู่ในกรงหรือ

ไม่รู้ว่า จะมีใครสามารถช่วยเธอได้

ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง เงาจิ้นเฟิงเฉินก็โผล่ในหัวสมองของเธอตลอดเวลา

ทุกครั้งเวลาที่เธอต้องการเขาที่สุด เขาก็จะปรากฏตัวออกมาตรงเวลา

แต่ว่า ตอนนี้ตัวเองถูกขังอยู่ที่นี่ เกรงว่าจิ้นเฟิงเฉินก็ยากจะหาตำแหน่งเธอเจอ

ความหวังสุดท้ายดับลงแล้ว สายตาหมดหวังของเจียงสื้อสื้อมองไปที่โลกภายนอกนอกหน้าต่าง

คริสตัลที่ฝังอยู่ในช่องหน้าต่างสวยงามจนทำให้ไม่อยากสัมผัส ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวสมองของเธอ

เจียงสื้อสื้อเคลื่อนย้ายตู้ข้างเตียง ใช้แรงลากไปตรงหน้าต่าง

ร่างกายที่หิวโหยและเหนื่อยล้า ตอนนี้ได้อ่อนเพลียหมดแรงแล้ว เหงื่อเต็มหน้าผากและปลายจมูก

เธอฝืนร่างกาย หยิบกรอบรูปบนตู้ขึ้นมา ตอนที่เธอคิดจะรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดทุบไปที่กระจกคริสตัลนั้น กลับต้องหยุดชะงักลง

เธอเพิ่งจะเห็นภาพจริงๆของข้างนอก จนตกตะลึง เพราะว่าเตียงที่นอนมาตลอด เธอเห็นแต่สวนกุหลาบนอกหน้าต่าง ในตอนแรกคิดว่าตัวเองอยู่ชั้นหนึ่ง ตอนนี้ปีนขึ้นมาแล้วถึงรู้ว่า เธอคาดว่าน่าจะอยู่ในตึกที่ความสูงประมาณสิบกว่าชั้น ชั้นที่เธออยู่ มีสวนกุหลาบลอยฟ้า

ดูๆแล้ว ตอนนี้ถึงเธอจะทุบหน้าต่างออก ก็ไม่สามารถจะหนีออกไปได้

สายสัญญาณในห้องถูกฝู้จิงเหวินตัดขาดไปนานแล้ว คิดจะติดต่อกับโลกภายนอก เป็นเรื่องเพ้อฝันทั้งนั้น

เจียงสื้อสื้อวางกรอบรูปลงอย่างหมดหวัง ล้มลงบนพื้น ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะดิ้นรนขัดขืน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!