บทที่ 842 เพราะเราคู่กัน
เจ้าอาวาสพยักหน้าตอบรับแล้วมองไปยังเจียงสื้อสื้อ ทุกคนที่อยู่ในสถานที่นี้ก็เป็นห่วงชีวิตในอนาคตของเจียงสื้อสื้อทั้งนั้น
เจ้าอาวาสมองมาทางเจียงสื้อสื้อและเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอ่ยถามชื่อและวันเดือนปีเกิดของเธอด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน และคำถามต่างๆอีกเล็กน้อยต่างๆ
เขาพิจารณาดูใบหน้าของเจียงสื้อสื้ออยู่พักใหญ่ สีหน้าของเขานับวันยิ่งเคร่งขรึมลงเรื่อยๆ
“โยม โยมผู้นี้......”
ท่านเจ้าอาวาสขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาพูดออกมาเพียงครึ่งหนึ่งและหยุดลง
“ท่านอาจารย์ สื้อสื้อเธอเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ?”
“ท่านอาจารย์ ขอเชิญพูดออกมาตามตรงเถอะเจ้าค่ะ!”
ฟางเสว่มั่นและแม่จิ้นล้วนเป็นกังวลจึงรีบเอ่ยถามขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางของทั้งสองคนที่ตื่นตระหนกเช่นนั้น ส้งหวั่นชีงก็อดไม่ได้ที่จะกำมือเจียงสื้อสื้อไว้แน่น
ท่านเจ้าอาวาสลังเลอยู่สักพัก คาดว่าน่าจะเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยในฐานะพระสงฆ์
แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเห็นแม่ทั้งสองคนนี้มีท่าทางกังวลใจ
จึงได้พูดออกมาอย่างตรงๆว่า “โยมผู้นี้ ในชีวิตต้องพบกับเรื่องลำบากมากมาย”
“คะ อะไรนะเจ้าคะ?!”
เมื่อฟางเสว่มั่นได้ยินดังนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไปเช่นกันโดยไม่รอให้ท่านเจ้าอาวาสพูดจนจบ
“คุณเสว่มั่น อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ” แม่จิ้นรีบเข้ามาจับมือและตบลงเบาๆเพื่อปลอบโยนฟางเสว่มั่น
“เพียงแต่ว่าหากโยมผู้นี้สามารถผ่านมันไปได้ ก็จะพบกับความมั่งคั่งมหาศาลและจะมีความสุขยิ่ง”
เจ้าอาวาสกลัวว่าทั้งสองคนจะคิดมากจึงได้รีบพูดประโยคท้ายออกมา
ประโยคนี้นับว่าเป็นคำปลอบใจที่ดีทีเดียว อย่างน้อยฟางเสว่มั่นก็ไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนเมื่อสักครู่
แม่จิ้นมองมาทางเจียงสื้อสื้อแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะถามขึ้นด้วยท่าทางรีบร้อนว่า “ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ไม่มีวิธีจะแก้ไขได้เลยหรือ?”
ฟางเสว่มั่นก็มองไปทางเจ้าอาวาสอย่างคาดหวังเช่นกัน
ลูกสาวของเธอต้องทนลำบากมามากพอแล้ว ยังต้องพบกับความลำบากอีกอย่างนั้นเหรอ?
“สื้อสื้อที่น่าสงสารของแม่......”
ฟางเสว่มั่นเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างเจียงสื้อสื้อแล้วจับมือเธอขึ้นมาข้างหนึ่ง ดวงตาของเธอแดงเรื่อเกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“แม่คะอย่ากังวลไปเลยค่ะ” เจียงสื้อสื้อกุมมือฟางเสว่มั่นเอาไว้ เธอกล่าวปลอบโยนเบาๆ
“โยมจิ้น ถ้าอยากจะปัดเป่าก็ใช่ว่าจะยาก”
คำพูดของเจ้าอาวาสประโยคนี้ทำให้แม่จิ้นและฟางเสว่มั่นมองเห็นความหวังขึ้นมา พวกเธอทั้งสองคนรบเร้าให้ท่านเจ้าอาวาสพูดต่อ
“หากว่าอาตมาจำไม่ผิดแล้วละก็ ชะตาชีวิตของคุณชายจิ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง เพียงแค่โยมผู้นี้อยู่ข้างกายเขา เขาก็จะช่วยปัดเป่าความทุกข์ในชีวิตไปได้”
ท่านอาวาสทำท่าทางคำนวณอยู่สักครู่ก่อนจะพูดออกมาอย่างช้าๆ
เขาจำได้ว่าครั้งที่แล้ว แม่จิ้นเคยพาจิ้นเฟิงเฉินมาดูชะตาชีวิต และเขาก็ได้คำนวณให้
คนที่มีโชคชะตาแข็งแกร่งโดยมากแล้วเขามักจะจำได้
เมื่อฟังจบฟางเสว่มั่นและแม่จิ้นก็วางใจลงไม่น้อย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูด แต่จิ้นเฟิงเฉินก็อยากจะอยู่ตัวติดกับเจียงสื้อสื้อตลอดเวลา 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อท่านเจ้าอาวาสบอกว่าดวงชะตาของเจียงสื้อสื้อนั้นมักจะพบกับเรื่องเลวร้าย ดังนั้นแม่จิ้นจึงตัดสินใจว่า กลับไปครั้งนี้เธอจะกำชับให้เจ้าลูกชายของเธอห้ามห่างจากเจียงสื้อสื้อแม้แต่ก้าวเดียว
เมื่อแม่จิ้นคิดได้ดังนั้น เธอก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมา
ระหว่างทางกลับบ้าน แม่จิ้นได้สนทนากับฟางเสว่มั่นเรื่องนี้ตลอดเวลา
แต่เจียงสื้อสื้อที่นั่งอยู่ด้านหลังกลับไม่ได้รู้สึกอะไร
เพียงแต่เมื่อเธอพบว่าผู้ใหญ่ทั้งสองท่านพากันกังวลใจเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
ตัวเธอเองนั้นไม่มีศาสนาและไม่เชื่อชะตากรรม
หากว่าความลำบากในชีวิตสามารถรับรู้ได้ล่วงหน้าจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเธอจะหลบหลีกก็คงจะง่ายไม่ใช่หรือ?
ถ้าเป็นอย่างนี้จะไปดูดวงทำไม
แม้เธอจะไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่เมื่อได้ยินแม่จิ้นและฟางเสว่มั่นคุยกันเรื่องที่ท่านเจ้าอาวาสพูดมาก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดว่า เธอและจิ้นเฟิงเฉินเป็นบุพเพสันนิวาสที่ต้องคู่กันไปตลอดชีวิตหรือเปล่า?
เมื่อเธอคิดเช่นนี้ก็รู้สึกหวานขึ้นมาในใจ
หลังจากกลับไปถึงบ้านก็พบกับจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ในห้องนั่งเล่น เขากลับมาจากธุระในบริษัทแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!