ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 841

สรุปบท บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 841 มีวาสนาบารมีสูงส่ง

เช้าวันต่อมา

หลังจากที่เจ้าหนูทั้งสองคนตื่นขึ้น ก็ไม่ได้ลงไปส่งเสียงเอะอะที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง แต่กลับพากันมายังห้องนอนของเจียงสื้อสื้อ

“พี่!พี่คะมานี่เร็ว!”

เถียนเถียนวิ่งไปที่เตียงด้วยขาสั้นน้อยๆของเธอ หลังจากนั้นใช้เท้าเหยียบตรงปลายเตียงและปีนขึ้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว

จากนั้นกวักมือเรียกเสี่ยวเป่าที่ยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอทั้งสองข้างราวกับผลองุ่น

เสี่ยวเป่าลังเลอยู่สักครู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนเตียง

ร่างกายของเจียงสื้อสื้ออ่อนล้าไปทั่ว เธอจึงหลับลึกมาก แม้แต่เด็กทั้งสองคนปีนขึ้นมาบนเตียงเธอก็ไม่รู้สึกอะไร

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ตื่นได้แล้วค่ะ”

เถียนเถียนปีนขึ้นไปบนร่างกายของจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นนั่งอยู่ข้างศีรษะของเขา

เธอยื่นมือน้อยๆออกไปแตะบริเวณแก้มของจิ้นเฟิงเฉิน แล้วพูดอย่างดุดันว่า “แด๊ดดี้ ลุกขึ้นมาเล่นกับเถียนเถียนเลยนะคะ!”

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาค่อยๆลืมตาขึ้นและมองเห็นเจ้าหญิงตัวน้อยของเขากำลังยิ้มหวานให้ เผยฟันซี่เล็กขาวผ่องออกมาทำให้เขารู้สึกใจอ่อน

“เถียนเถียน ทำไมตื่นเช้าจังเลยครับ? เก่งจริงๆเลย”

เขาลุกขึ้นจากเตียง แล้วเอื้อมมือไปจับศีรษะของตนด้วยอาการเมาค้างและปวดหัวราวกับจะระเบิด

แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เขาก็เอื้อมมือไปโอบเถียนเถียนมาไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยชมอย่างนุ่มนวล

ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเขารักและทะนุถนอมเจ้าหญิงน้อยคนนี้ขนาดไหน

เสี่ยวเป่ามองไปทางจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นก้มศีรษะลงไปหอมแก้มของเจียงสื้อสื้อฟอดใหญ่ น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็ก”พูดดังฟังชัดว่า “หม่ามี๊ครับ แสงแดดส่องมาถึงก้นแล้ว”

ขนตาอันเรียวยาวและหนาแน่นของเจียงสื้อสื้อกะพริบ เธอค่อยๆลืมตาขึ้น

บอกได้เลยว่าการที่ตื่นมาและได้พบกับลูกน้อยทั้งสองอีกทั้งสามีอันเป็นที่รัก ทำให้อารมณ์ของเธอดีมาก

เธอจะไม่พอใจหลังจากถูกปลุกนี้ได้อย่างไร?

“อรุณสวัสดิ์ค่ะเสี่ยวเป่า เถียนเถียนก็ตื่นแล้วเหรอ? เก่งจริงๆเลย!”

เจียงสื้อสื้อนำมือลูบศีรษะของเสี่ยวเป่าเบาๆจากนั้นก็ลุกขึ้นและบิดขี้เกียจ

“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊เป็นหมูขี้เซา! เถียนเถียนตื่นตั้งนานแล้วล่ะค่ะ” เถียนเถียนหัวเราะคิกคัก

เสียงหัวเราะของเถียนเถียนทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธอจึงทำได้เพียงลุกขึ้นลงจากเตียงไปล้างหน้าล้างตา

จิ้นเฟิงเฉินเล่นกับเถียนเถียนและเสี่ยวเป่าอยู่สักพัก เมื่อเจียงสื้อสื้อเดินออกมาจากห้องน้ำเขาก็เข้าไปล้างหน้าเช่นกัน

หลังจากนั้นครอบครัวทั้งสี่คนก็พากันเดินลงไปข้างล่าง

ณ ห้องนั่งเล่น

“สื้อสื้อตื่นแล้วเหรอ? เถียนเถียนมาให้คุณย่ากอดหน่อยสิคะ”

แม่จิ้นลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มรับ เธอเข้ามาอุ้มเถียนเถียนไปจากเจียงสื้อสื้อ

มือหนึ่งกอดเถียนเถียนมือหนึ่งจูงเสี่ยวเป่าเดินไปยังโต๊ะอาหาร

ไม่นานต่อมา ทุกคนก็ตื่นนอนและลงมารับประทานอาหารเช้าซึ่งทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารสนุกสนานครึกครื้น

เมื่อนึกได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินเมาค้าง เจียงสื้อสื้อจึงได้ปรุงซุปสำหรับแก้เมาค้างให้เขา และจิ้นเฟิงเฉินก็ดื่มเสียจนหมดถ้วย

“เฟิงเฉิน แม่ว่าจะพาสื้อสื้อกับเด็กๆ ไปไหว้พระที่วัดหนานซานซื่อสักหน่อยนะ”

หลังจากป้อนอาหารเช้าเถียนเถียนเสร็จแล้ว แม่จิ้นก็ได้เอ่ยความคิดเห็นของเธอออกมา

จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเล

ในสังคมชั้นสูงของเมืองเมืองเป่ย คนรุ่นเก่ามักเชื่อในพุทธศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณตาของเขา

หลังจากที่แม่จิ้นแต่งงานเข้ามาในตระกูล ก็ได้ถูกคุณท่านชี้นำให้นับถือศาสนาพุทธเช่นกัน

เธอเชื่อมั่นว่าการที่เจียงสื้อสื้อปลอดภัยนี้ ก็เพราะพระโพธิสัตว์กำลังปกป้องเธออยู่

แม่จิ้นมักจะไปนมัสการพระพุทธรูปที่วัดหนานซานซื่อเป็นระยะๆ

และตอนนี้เป็นจังหวะดีที่เธอเองไม่มีอะไรต้องทำ อีกทั้งสื้อสื้อก็กลับประเทศมาแล้วเธอจะต้องพาไปไหว้พระแน่นอน

“คุณแม่เฟิงเฉิน ฉันไปกับพวกคุณด้วยนะคะ!”

ฟางเสว่มั่นอุ้มเสี่ยวเป่าอยู่ เธอแสดงความคิดเห็นของตนออกมา

“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นผมกับเฟิงเหราขออนุญาตไม่ไปด้วยนะครับ”

เนื่องจากจิ้นเฟิงเฉินยังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ เขาจึงทำได้แต่พูดออกมาอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย

ที่จริงแม่จิ้นและฟางเสว่มั่นก็ไม่ได้ติดใจอะไร ให้เขาและเฟิงเหราไปจัดการเรื่องธุรการงานอย่างสบายใจดีกว่า

“ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ดิฉันพาหลานสาวและหลานชายมาให้ท่านช่วยดูชะตา ไม่ทราบว่าท่านพอจะมีเวลาไหมเจ้าคะ?” แม่จิ้นพูดวัตถุประสงค์ของตนออกมา

“เรื่องเล็กน้อย เชิญโยมตามอาตมาเข้ามาข้างในก่อน”

เจ้าอาวาสตอบพวกเขาและเดินเข้าไปด้านใน

เจียงสื้อสื้อพยุงให้ส้งหวั่นชีงนั่งลง เธอเงยหน้าขึ้นและจ้องมองอย่างสงสัย

แม่จิ้นและฟางเสว่มั่นพาเด็กทั้งสองเข้าไป ต่อด้วยบอกชื่อและวันเดือนปีเกิดของพวกเขากับเจ้าอาวาสทีละคน

ซึ่งเจ้าอาวาสได้ทำการคำนวณอย่างตั้งใจ

จากนั้นพูดขึ้นว่า “โยมจิ้น หลานชายและหลานสาวของโยมเป็นคนที่มีวาสนาบารมีสูงส่ง อาจจะเจอกับเหตุการณ์ที่ผันผวนบ้าง แต่พวกเขาก็จะผ่านไปได้อย่างราบรื่นเช่นกัน”

“จริงหรือเจ้าคะ? ช่างดีเสียจริง! ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ ดิฉันจะรบกวนให้ท่านช่วยดูชะตาชีวิตของลูกในท้องลูกสะใภ้ของดิฉันได้ไหมเจ้าคะ?”

แม่จิ้นชี้ไปยังท้องของส้งหวั่นชีงด้วยท่าทางดีใจ

เจ้าอาวาสก็ให้ความร่วมมือเช่นเดียวกัน หลังจากทำการคำนวณแล้วก็ได้คำตอบว่าเหมือนกับเถียนเถียนและเสี่ยวเป่า ล้วนเป็นผู้มีวาสนาบารมีสูงส่ง

“หม่ามี๊ครับ มีวาสนาบารมีสูงส่งคืออะไรครับ?”

เสี่ยวเป่ากะพริบตาและเดินมาข้างๆเจียงสื้อสื้อ เขานำมือมาดึงชายเสื้อของเจียงสื้อสื้อแล้วถามด้วยความสงสัย

เจียงสื้อสื้อย่อตัวลงแล้วยิ้มขึ้น เธอวางฝ่ามือไว้บนศีรษะอันน้อยของเขา

“หมายความว่า ถ้าเสี่ยวเป่าเติบโตมาเป็นสุภาพบุรุษในอนาคตก็จะมีขนมและของเล่นมากมาย”

“จริงเหรอครับ?! เป็นสุภาพบุรุษแบบแด๊ดดี้ใช่ไหม?

ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อได้ยินคำว่าขนมและของเล่น แววตาของเสี่ยวเป่าก็เป็นประกายและรีบถามอย่างกระตือรือร้น

เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ”

“ท่านเจ้าอาวาสเจ้าคะ”

ฟางเสว่มั่นลังเลอยู่ชั่วครู่ๆก่อนจะเดินเข้าไปหาเจ้าอาวาส “ท่านช่วยดูดวงชะตาให้ลูกสาวฉันหน่อยได้ไหม?”

ลูกสาวของเธอต้องทนทุกข์ทรมานกับชะตากรรมมามากมาย ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง?

ในเมื่อท่านเจ้าอาวาสว่ามีความแม่นยำในการทำนาย จะขอให้ท่านช่วยทำนายสักหน่อยจะเป็นไรไป

เธอเชื่อว่า ชีวิตบนทางเดินของเจียงสื้อสื้อคงจะไม่ขรุขระเสมอไปแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!