ในเวลานี้ ค่ำคืนของเมืองมิลานในประเทศอิตาลีเปรียบเสมือนภาพวาดที่สวยงาม
เห็นว่าข้างนอกมืดแล้ว ฝู้จิงเหวินก็ทำงานในมือเสร็จพอดี
เขาเดินออกจากสถาบันกำลังจะกลับบ้าน
เขาจอดรถไว้ข้างในสุดของลานจอดรถ แต่กลับมีผู้หญิงรูปร่างสูงพิงอยู่ข้างๆ
ข่ายสื้อลินเห็นเงาของฝู้จิงเหวินมาจากระยะไกล
เธอยกมือขึ้นโบกให้เขา ในสายตาเต็มไปด้วยความดีใจที่ปิดไม่อยู่
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วและคลายออกอย่างรวดเร็ว
เขาหยิบกุญแจรถออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ เปิดประตูรถและเข้าไปนั่งที่เบาะคนขับทันที
ข่ายสื้อลินเปิดประตูฝั่งข้างคนขับและเข้าไปนั่งด้วยตัวเอง
เธอนั่งไขว่ห้างและหันหน้าไปมองฝู้จิงเหวินด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อกลับไปฝรั่งเศสแล้ว”
คำพูดที่ดูเหมือนเป็นการทดสอบ ทำให้มือที่จับพวงมาลัยอยู่ของฝู้จิงเหวินกำแน่นขึ้นมา ในสายตามีแต่ความมืดมัว
เขาตอบกลับไปคำหนึ่งแล้วทำท่าทางไม่สนใจ
แต่ข่ายสื้อลินรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำของฝู้จิงเหวิน
“จิงหวิน คุณไม่สงสัยเหรอว่าเธอกลับไปทำอะไรที่ฝรั่งเศส?”
ข่ายสื้อลินใช้นิ้วม้วนเล่นปอยผมของตัวเอง
ฝู้จิงเหวินใจสั่นเล็กน้อย เหยียบคันเร่งและถามอย่างช้าๆว่า “เธออยู่ที่ฝรั่งเศส มีอะไรให้สงสัย?”
จู่ๆข่ายสื้อลินก็หัวเราะออกมา “อยู่ที่ฝรั่งเศส? แล้วถ้าฉันบอกว่า......ครั้งนี้พวกเขาจะกลับไปอยู่ที่นั้นถาวรล่ะ ไปหาพ่อแม่ของคุณเพื่อบอกลาล่ะ”
ข่ายสื้อลินจงใจเน้นย้ำคำว่า 'บอกลา' สองคำนี้ บอกว่ามันมีความหมายอื่นแฝงอยู่
ทันใดนั้น ล้อรถที่วิ่งอยู่บนพื้น เขาเหยียบเบรกอย่างแรงจนทำให้เกิดเสียงแหลมเอี๊ยดดังออกมา
ม่านตาของฝู้จิงเหวินหดตัวเข้ามา มันคือความตกตะลึงและความตกใจ แต่ผ่านไปไม่นานมันก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
เขาหันหน้ามา ใบหน้าที่หล่อเหลามีสีหน้าที่ซับซ้อน
“รู้แล้ว”
ฝู้จิงเหวินตอบกลับไปเบาๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะสงบเสงี่ยมและไม่สนใจ แต่สีหน้ากลับเหม่อลอย คำพูดเหล่านั้นกำลังก่อตัวเป็นคลื่นลูกใหญ่ในใจของเขา
เจียงสื้อสื้อ
เขาเรียกชื่อนี้ในใจนับครั้งไม่ถ้วน
ระยะห่างระหว่างพวกเขาไกลขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากับในที่สุดใช่ไหม?
นึกแบบนี้ ในใจของฝู้จิงเหวินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์
ดวงตาเต็มไปด้วยความขมขื่น แม้แต่ลำคอก็ยังรู้สึกขมขื่น
ทันใดนั้นแสงที่พร่างพรายก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา เสียงของข่ายสื้อลินดังขึ้นมาข้างๆฝู้จิงเหวิน
“ระวัง!”
ข่ายสื้อลินดึงพวงมาลัยเอาไว้
รถของพวกเขาถึงหลบรถที่เกือบจะชนเข้าหน้ารถได้
ฝู้จิงเหวินกลับมามีสติอีกครั้ง ยังคงมีสีหน้าที่สงบนิ่ง ไม่กังวลอะไรทั้งนั้น
ข่ายสื้อลินตบหน้าอกของตัวเองเบาๆ ถอนหายใจด้วยความกลัว จากนั้นก็หันหน้าไปตะโกนว่า “คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ขับรถอยู่แต่กลับใจลอย! ตั้งใจขับหน่อยได้ไหม!”
ฝู้จิงเหวินยิ้มมุมปาก จากนั้นก็เหยียบคันเร่งต่อ
รถพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากเชือกธนู
ข่ายสื้อลินเอนตัวพิงเบาะรถเพราะแรงเฉื่อย สายตาที่มองฝู้จิงเหวินก็เต็มไปด้วยความโมโห
เธอกำลังอ้าปาก แต่ก็เลือกที่จะกลืนคำพูดนั้นลงไป
กลับไปถึงบ้าน ฝู้จิงเหวินจอดรถและลงจากรถโดยไม่สนใจข่ายสื้อลินเลยแม้แต่น้อย
หยิบกุญแจออกมาเปิดประตูแล้วก็โยนกุญแจลงบนโต๊ะกาแฟ
ข่ายสื้อลินเดินตามเขาเข้าไป เธอปิดประตูให้สนิท
ฝู้จิงเหวินเดินไปที่ตู้เก็บไวน์ ในนั้นมีไวน์ราคาแพงหลากหลายชนิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!