เพื่อให้ได้รับคำตอบโดยเร็วที่สุด ฟางเฉิงไม่ลังเลที่จะเอ่ยฐานะตัวตนนี้ออกมาอีกครั้งเพื่อกดขี่ผู้อื่น
มุมปากของสาวน้อยแผนกต้อนรับอดไม่ได้ที่จะกระตุกเกร็ง
แม้ว่าประธานจิ้นจะเคยกำชับกับพวกเธอว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่อนุญาตให้เข้าบริษัทโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่......นี่คือลุงของภรรยาท่านประธานจิ้นเชียว
เรื่องที่ท่านประธานรักภรรยาของเขาอย่างสุดซึ้งนั้นไม่ใช่ความลับ
พนักงานสาวแผนกต้อนรับรู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงยิ้มและขอโทษ
“คุณผู้ชายคะ ดิฉันจะโทรไปสอบถามให้ได้ไหมคะ?”
ครั้งนี้ฟางเฉิงรีบพยักหน้า “อืมได้”
ไม่ใช่เรื่องตลกเลย เขายังจำสิ่งที่จิ้นเฟิงเหราพูดในครั้งล่าสุดได้
ถ้าเขาต้องการจะร่วมมือจริงๆ จะวางตัวสูงเกินไปไม่ได้
พนักงานสาวแผนกต้อนรับถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกดโทรศัพท์ยังห้องทำงานของจิ้นเฟิงเหรา
พนักงานระดับล่างเช่นพวกเธอจะไปมีอำนาจในการติดต่อจิ้นเฟิงเฉินได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงโทรหากู้เนี่ยนเท่านั้น
เมื่อกู้เนี่ยนวางสายลง ก็เดินไปที่ห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉินเพื่อถามความคิดเห็นของเขา
ในความเป็นจริง ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้นัดหมายไว้ กู้เนี่ยนจะปฏิเสธไปโดยตรง
แต่ฟางเฉิงแตกต่างออกไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นลุงของคุณหญิง ตัวเขาไม่กล้าตัดสินใจเอง
เป็นจังหวะเดียวกันที่จิ้นเฟิงเหราก็อยู่ในห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉินด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า “พี่ครับ ถ้าพี่ตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับฟางเฉิง ผมก็จะปฏิเสธเขาเอง”
แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะอธิบายกับเขาเพียงสองสามคำเมื่อวานนี้ แต่เขาก็ทำธุรกิจมาเป็นเวลานาน สามารถและวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียได้อย่างรวดเร็ว
โครงการของฟางเฉิงเสี่ยงเกินไป นอกจากนี้เขาคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินคงลังเลที่จะปฏิเสธ เพราะความสัมพันธ์ของ เจียงสื้อสื้อ
ใครจะคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะส่ายหัว “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม คุณไปจัดการเรื่องอื่นๆในบริษัทเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
ณ ห้องรับแขก
ฟางเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกวิตกกังวลและคาดหวัง เขาไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินหรือว่าจิ้นเฟิงเหราจะมาพบเขาหรือไม่
แต่อย่างไรเสียเขาก็รอมาตั้งสองวันแล้ว เขาไม่สนใจกับการรอคอยเพียงชั่วครู่นี้
ฟางเฉิงตกตะลึงอยู่สองสามวินาที เมื่อเขาเห็นร่างของจิ้นเฟิงเฉินผลักประตูเข้ามา เดิมทีเขาคิดว่าอาจเป็นจิ้นเฟิงเหราที่มาเจรจากับเขา
“เฟิง......ประธานจิ้น สวัสดีครับ”
ตอนแรกฟางเฉิงจะเผลอเรียกชื่อจิ้นเฟิงเฉินออกอย่างเป็นกันเอง แต่หลังจากครุ่นคิดชั่ววินาที เขาก็คิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเปลี่ยนคำเรียก
“คุณฟาง สวัสดีครับ” จิ้นเฟิงเฉินวางมาดนักธุรกิจแล้วพยักหน้าให้ฟางเฉิงเป็นการทักทายเและเดินไปนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเฉิงสนทนาส่วนตัวกับจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อไม่มีเจียงสื้อสื้ออยู่ด้วยข้างๆ ฟางเฉิงก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากร่างของจิ้นเฟิงเฉิน
เขานั่งกุมมือด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมและพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ สวัสดี......”
“ขออภัยด้วย สองวันมานี้มีเรื่องที่ต้องทำมากเลยครับ”
น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนจะอธิบายว่าทำไมถึงปล่อยให้ฟางเฉิงรอมาถึง แต่ก็ยังไม่
ได้รับการตอบรับจากเขา
สิ่งนี้ทำให้ฟางเฉิงรู้สึกสับสน
จิ้นเฟิงเฉินคงเห็นแกเจียงสื้อสื้อจึงได้ทำท่าทีสุภาพเช่นนั้น นั่นหมายความว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จงั้นเหรอ?
“อ้อไม่เป็นไรครับ ไม่มีปัญหาเลย!”
ฟางเฉิงยิ้มและส่ายหัวเพื่อแสดงว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนี้ จากนั้นจึงลองเอ่ยถามว่า “เอ่อคือ ประธานจิ้น คุณอ่านโครงการนั้นหรือยังครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้รีบร้อนตอบ แต่กลับวางหนังสือสัญญาในมือลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!