เมื่อได้ยินคำถามเหมือนกับสงสัยจากคำพูดของฟางอี้หมิง ฟางเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “จริงสิ ผู้ช่วยส่วนตัวของจิ้นเฟิงเฉินบอกพ่อเป็นการส่วนตัว แต่จิ้นเฟิงเฉินมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง นั่นคือ เขาต้องการพบกับผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ป อี้หมิงลูกดูสิว่า......”
เมื่อพูดจบ ฟางอี้หมิงที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์ก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตัดสินใจพูดว่า “พอดีที่ผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ปจะมาถึงจีนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าประธานจิ้นสามารถเดินทางมาพบเขาที่เมืองหลวงได้ก็ดี อาจใช้ฐานะองค์กรผู้ร่วมมือในการเข้าพบได้”
“ตกลงตามนี้ พ่อจะโทรบอกจิ้นเฟิงเฉินเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสาย ฟางเฉิงไม่ได้โทรหากู้เนี่ยน แต่โทรไปที่หมายเลขของจิ้นเฟิงเฉินโดยตรง
“เฟิงเฉิน ผู้ดูแลSAกรุ๊ปจะมาถึงเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า คุณพอจะมีเวลาไปพบเขาไหม?”
ฟางเฉิงไม่ได้เรียกเขาว่าประธานจิ้น มองดูแล้วเขาต้องการใช้ความสัมพันธ์ของเจียงสื้อสื้อในการเจรจา
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เมื่อผมจัดการธุระที่นี่เรียบร้อย ผมจะเดินทางไปเมืองหลวง รบกวนคุณฟางช่วยนัดหมายผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ปไว้ให้ผมด้วยครับ”
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจียงสื้อสื้อ แน่นอนว่าเขาจะไม่รอช้า
“เฟิงเฉิน ไม่ต้องทำตัวห่างเหินกับผมก็ได้ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน พรุ่งนี้ผมเองก็ว่าง ถ้าอย่างนั้นเราไปพร้อมกันเลยดีไหม” ฟางเฉิงยังคงห้อมล้อมต่อไป
แต่จิ้นเฟิงเฉินไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา “คุณฟางล้อเล่นหรือเปล่าครับ สมาชิกในครอบครัวที่สื้อสื้อยอมรับ ถึงจะเป็นครอบครัวของผม เรื่องตั๋วเครื่องบินผมจะให้ผู้ช่วยจองให้ ถ้าคุณฟางต้องการไปด้วยกันก็ย่อมได้”
แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรมากเกินไป แต่ตอนนี้หน้าของฟางเฉิงก็ร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย เขาทำได้เพียงยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนให้ผู้ช่วยของประธานจิ้นส่งข้อมูลเที่ยวบินมาให้ผมด้วยนะครับ"
“ครับ พอดีผมยังมีเรื่องต้องทำ ไว้พบกันครับ”
ก่อนที่ฟางเฉิงจะพูดอะไรออกไป จิ้นเฟิงเฉินก็วางสายไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อมองไปยังหน้าจอที่ดับลง ฟางเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น
จิ้นเฟิงเฉินวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน เขานั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มอ่านเอกสารกองโตที่กู้เนี่ยนเพิ่ง ส่งมาให้
ในตอนเย็น ระหว่างที่จิ้นเฟิงเฉินขับรถกลับบ้าน เขาได้แวะไปที่ร้านของหวานที่อยู่ใกล้ๆ เลือกขนมที่เถียนเถียนชอบ จากนั้นจึงขับรถกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลจิ้น
เมื่อเถียนเถียนเห็นจิ้นเฟิงเฉิน ขาน้อยๆของเธอก็รีบวิ่งเข้าไปกอดขาจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้ และตะโกนเบาๆว่า “แด๊ดดี้!”
“นี่ครับ พ่อซื้อเค้กมาให้เถียนเถียนด้วย”
จิ้นเฟิงเฉินพูด นั่งลงแล้วยื่นถุงในมือให้เถียนเถียน
เมื่อเจ้าหนูน้อยรับเค้กมาแล้ว เธอก็ทิ้งจูบที่เต็มไปด้วยน้ำลายไว้บนแก้มของจิ้นเฟิงเฉิน และพาจิ้นเฟิงเฉินไปที่ห้องอาหาร
เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี
สมาชิกในครอบครัวนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารจิ้นเฟิงเหรายิ้มและวางมือพาดไหล่ของจิ้นเฟิงเฉินพูดว่า “เร็วเข้าพี่ พวกเรารอพี่คนเดียวเลยนะ”
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินนั่งลง แม่จิ้นก็นำซุปที่ตุ๋นเรียบร้อยมาวางตรงหน้าจิ้นเฟิงเฉิน “นี่เป็นซุปยาชูกำลังชั้นดี มันดีกับลูกและสื้อสื้อนะ”
ความหมายของประโยคนั้น ทุกคนที่นั่งอยู่เข้าใจได้ทันที
แก้มของเจียงสื้อสื้อก็แดงราวกับลูกเชอรี่
เมื่อเห็นว่าหน้าของหญิงสาวที่นั่งข้างๆตนแดงขึ้น จิ้นเฟิงเฉินจึงตอบว่า “แม่ครับ พวกเราไม่ต้องการสิ่งนี้หรอก”
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการปฏิเสธง่ายๆ แต่คนอื่นๆอีกหลายคนกลับตีความหมายต่างกัน
ไม่ต้อง......
ดูเหมือนว่าสองสามีภรรยาคู่นี้จะไปด้วยกันค่อนข้างดีเรื่องนั้น
ในตอนแรกทุกคนพยายามกลั้นหัวเราะออกมา แต่ในที่สุดจิ้นเฟิงเหราก็อดไม่ได้ เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อไม่ทันได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา แก้มของเธอก็แดงขึ้นทันทีอีกครั้ง
มีเพียงสองคนเท่านั้นคือเสี่ยวเป่าและ ที่ฟังไม่ออกจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นทุกคนมีความสุข เด็กน้อยทั้งสองก็หัวเราะคิกคักไปด้วย
หลังมื้ออาหารเย็น จิ้นเฟิงเฉินพาเจียงสื้อสื้อไปเดินเล่นที่สนาม นี่เป็นช่วงเวลาส่วนตัวที่ค่อนข้างหายากและเป็นช่วงเวลาที่น่ารื่นรมย์สำหรับพวกเขา
สายลมปะทะผมของเจียงสื้อสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!