อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟางรุ่ยจะกังวล แต่เขาไม่สามารถถามอะไรได้เลย ตอนนี้เขาทำได้เพียงรอดูการเปลี่ยนแปลง
ณ เมืองหลวงร้านอาหารมาร์เตีย
ฟางเฉิงและฟางอี้หมิงนั่งตรงข้ามกัน พวกเขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ฟางเฉิงก็พูดว่าขึ้นว่า “อี้หมิง คิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะมาไหม?”
“ผมได้ส่งโลเคชั่นไปให้เขาแล้ว แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาหรือเปล่า” ฟางอี้หมิงก็ไม่รู้เช่นกัน
ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของจิ้นเฟิงเฉินได้
ในเดียวกัน ประตูห้องวีไอพีก็ถูกผลักเปิดออก จิ้นเฟิงเฉินก้าวขาเรียวยาวเดินเข้าไปด้านในด้วยชุดสูทเข้ารูป
เดิมทีคำเชิญจากสองพ่อลูกนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้วางแผนที่จะมา
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ลืมจุดประสงค์ของการเดินทางมาในครั้งนี้ ซึ่งต้องการติดต่อผู้รับผิดชอบSAกรุ๊ปผ่านฟางเฉิงและลูกชายของเขา
จึงจำเป็นต้องมา
เมื่อพบจิ้นเฟิงเฉินเดินมา หัวใจที่หดหู่อยู่ของฟางเฉิงก็สงบลงในที่สุด เขายิ้มทักทายว่า “เฟิงเฉิน มาแล้วเหรอครับ นั่งลงก่อนสิ พวกเรารอคุณอยู่เลย”
“นั่นสิเฟิงเฉิน นั่งก่อนเร็ว” หลินหลานภรรยาของลุงใหญ่ก็ได้พูดเชื้อเชิญด้วย
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าตอบรับอย่างเฉยเมยและนั่งลง
“ดูสิเฟิงเฉิน พวกเราไม่รู้ว่าคุณชอบอาหารแบบไหน ก็เลยสั่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านนี้มาหมด ไม่รู้ว่ามีอะไรถูกใจบ้างไหม?”
ระหว่างที่พูด ฟางเฉิงก็จงใจเดินเข้าไปข้างๆจิ้นเฟิงเฉิน เพื่อจะรินไวน์ให้เขา
แต่จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือเข้ามาขวางกั้นและปฏิเสธ “สื้อสื้อไม่ชอบให้ผมดื่ม ขอโทษนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฟางเฉิงก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาลงด้วยความเขินอายเล็กน้อยและยิ้มขึ้น “ดูเหมือนว่าสื้อสื้อและคุณรักกันมากนะครับ”
เมื่อพูดถึงเจียงสื้อสื้อ การแสดงออกของจิ้นเฟิงเฉินก็ดูอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว เขายิ้มและตอบว่า “ใช่ครับ”
“สื้อสื้อโชคดีจริงๆที่มีสามีดีๆแบบนี้”
“ใช่ไหมล่ะ ถ้ามีคนแบบนี้อยู่ในครอบครัวของเราก็ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
......
การสรรเสริญเยินยอของคนเหล่านี้ ทำให้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
เขาจ้องไปที่ฟางอี้หมิง แล้วตัดไปที่หัวข้อว่า “คุณรู้จักกับSAกรุ๊ปได้อย่างไร?”
หลังจากถูกจิ้นเฟิงเฉินจ้องมองอย่างนั้น ฟางอี้หมิงก็รู้สึกประหม่าอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบออกมาอย่างรวดเร็วว่า “พอดีมีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศ บังเอิญรู้จักกัน หลังจากนั้นก็คุยกันอยู่สองสามครั้ง ต่อมาก็ได้ทำความร่วมมือกันทางธุรกิจ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน หากสิ่งที่ฟางอี้หมิงพูดเป็นจริง ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อน
หรือเขาจะคิดมากไปเอง?
“แล้วคุณรู้ภูมิหลังของSAกรุ๊ปหรือเคยเข้าไปในSAกรุ๊ปหรือเปล่า? คุณรู้จักพวกเขามากแค่ไหน?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
ตอนนี้ฟางอี้หมิงถูกยิงคำถามเข้ามามากมาย เขาไม่รู้จักSAกรุ๊ปอย่างลึกซึ้งเท่าไรนัก
ดังนั้นเขาจึงยกมือลูบปลายจมูกทำท่าครุ่นคิด “ปกติผมจะติดต่อผ่านผู้จัดการทั่วไปและความร่วมมือต่างๆเขาจะติดต่อกับผมโดยตรง บริษัทนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินดูไม่ดีนัก ฟางอี้หมิงก็เริ่มกลัวขึ้นมา
หลังจากที่เขาพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วและเกิดความสงสัยขึ้นในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!