คืนนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้รับผลตรวจจากโม่เหยีย
เมื่อเขาเปิดดู คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดปมแน่น
เมื่อดูเสร็จ โม่เหยียก็โทรศัพท์มา
" คุณชาย เห็นรายงานหรือยังครับ "
" อืม "
" ยาที่ผมกับหานยู่วิจัย และพวกยาที่คุณเอาไปครั้งที่แล้ว ต่างก็มีฤทธิ์ที่ยังยั้งไวรัสได้ชั่วคราว แต่ตอนนี้ผลที่ออกมาคือไวรัสปรับตัวได้มากขึ้น ยาอาจจะไม่สามารถยับยั้งมันได้ "
จิ้นเฟิงเฉินกำโทรศัพท์แน่น ถามเสียงเบา ๆ ว่า " เกี่ยวกับที่เป็นลมหรือเปล่า "
" น่าจะใช่ครับ ยากับไวรัสที่ต่อต้านกันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ "
" เหลือเวลาแค่ไหน "
" ตอนนี้ไม่แน่ใจครับ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้คือการกินยาให้ตรงเวลา ผมจะเร่งมือวิจัยให้เร็วที่สุด "
" ยาจะยังใช้ได้อยู่ไหม "
โทรศัพท์ในสายเงียบไปช่วงหนึ่ง " คุณชาย ความหมายที่ผมกับหานยู่จะบอกคือ ให้เพิ่มโดสยา "
เมื่อได้ยินดังนั้น คิ้วของจิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดเข้าไปอีก " เพิ่มโดสยา ร่างกายของเธอจะรับไหวเหรอ "
" ถ้าค่อย ๆ เพิ่ม อาจจะรับได้ "
" ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือไง "
จิ้นเฟิงเฉินกังวลว่าถ้าเพิ่มโดสยา เทียบกับสภาพร่างกายของเจียงสื้อสื้อตอนนี้แล้วเธอรับมันไม่ไหวแน่นอน
" คุณชายครับ ผมขอโทษ "
โม่เหยียพูดจบ เหมือนใจไปกระจุกอยู่บนลำคอ ตัวเองรู้สึกว่าบุคลากรที่ทำการวิจัยในตอนนี้หมดหนทางกันแล้วคุณชายจะต้องโกรธแน่ ๆ
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ จิ้นเฟิงเฉินแค่พูดออกมาประโยคหนึ่ง " รู้แล้ว " ก็วางสายไป
คุณชายไม่โกรธจริง ๆ เหรอเนี่ย!
โม่เหยียมึนไปชั่วขณะ
หานยู่เดินเข้ามาเห็นท่าทางถือโทรศัพท์แนบหูด้วยท่าทีอึ้ง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะตบบ่าของเขา " คิดอะไรอยู่วะ "
โม่เหยียตกใจแทบกระโดดหนี แล้วหันกลับมามองเขา จากนั้นก็หายใจเข้าลึก ๆ " ไม่ได้คิดอะไร แค่คิดว่าเราต้องวิจัยให้เร็วขึ้น คุณหญิงรอไม่ไหวอีกแล้ว "
" อันนี้กูรู้ แต่ประเด็นคือตอนนี้พวกเราไม่รู้จะทำยังไงเลย จะรีบทำได้ยังไง "
ความน่ากลัวของไวรัสไม่ใช่แค่ผลที่มันทำร้ายร่างกายอย่างเดียว แต่มันซับซ้อนกว่านั้น อยากจะกำจัดมัน แค่พึ่งยาชนิดเดียวคงไม่พอ
" คิดวิธีเหอะ "
จริง ๆ แล้วโม่เหยียก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือไม่หยุดที่จะทดลอง หวังว่าจะทำลายกำแพงนี้ได้สักวัน
......
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไปในห้องลูก ๆ
เจียงสื้อสื้อกำลังเล่านิทานให้กับสองตัวยุ่งอยู่
ตั้งแต่เถียนเถียนไม่สบาย ก็เปลี่ยนไปติดหนึบเจียงสื้อสื้อเป็นพิเศษ
ไม่ใช่แค่นั้น ครั้งนี้ยังเข้าไปใกล้อ้อมอกของเจียงสื้อสื้ออีก
" เถียนเถียน มาหาพาเร็ว " จิ้นเฟิงเฉินกลัวสื้อสื้อจะเหนื่อย เลยยืนแขนไปอุ้มเถียนเถียนขึ้นมา
แต่เถียนเถียนไม่ยอมทำตาม ไม่ไว้หน้ากันเลยสักน้อย " ไม่เอา!"
เจียงสื้อสื้อหัวเราะ " คิกคิก " ออกมา " เห็นรึยัง ปกติก็ไม่มาอยู่กับลูก ตอนนี้ก็ไม่สนิทกับคุณซะแล้ว "
เธอพูดเพราะแค่อยากจะล้อเขาเล่นเฉย ๆ
แต่จิ้นเฟิงเฉินดูเอาจริงเอาจังมาก
เขาย่นคิ้ว แล้วจ้องไปที่เถียนเถียน
เจ้าพวกตัวเล็กก็ไม่ยอมมองเขา
มันทำให้เขารู้สึกพ่ายแพ้ ในใจเป็นความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ถูก
" แด๊ดดี้ เล่านิทานให้เราฟังได้ไหม " เสี่ยวเป่าก็โพล่งถามขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็หันไปตาม เมื่อเห็นสายตาที่คาดหวังของเสี่ยวเป่า เหมือนกำลังอยู่ปากอย่างสนอกสนใจ " ได้สิ "
เขารู้ว่าเสี่ยวเป่ากำลังช่วยเขา
จิ้นเฟิงเฉินเล่านิทานไม่เหมือนเจียงสื้อสื้อ เพราะมักจะเลียนเสียงตัวละครในนิทานเสมอ มันดูน่าสนุก ทำให้เสี่ยวเป่าขำออกมา
เถียนเถียนที่ตอนแรกไม่สนใจเขาก็โดนเขาดึงดูดสายตาเสียไปแล้ว ดวงตาที่กลมโตนั้นจ้องมาที่เขา
จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่เธอก็ยิ้มขึ้นมาทันใด
นิทานเล่านิทานหนึ่งเรื่องจบไป เสี่ยวเป่าก็หาวหวอดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!