แม้ว่าสายตาจะอยู่บนตัวของเจียงสื้อสื้อก็ตาม แต่ตอนที่เดินไปอยู่ตรงหน้าของเธอนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่ลืมมารยาทในการทักทาย “น้าสะใภ้เล็ก”
ซ่างหยิงยิ้มตอบ “มาแล้ว”
เธอหันกลับมาหันมามองเจียงสื้อสื้ออยู่แวบหนึ่ง “พวกคุณรีบออกไปเถอะ ยู่เชินน่าจะไปรอพวกคุณอยู่ที่งาน”
จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับทันที “ครับ” จากนั้นก็เดินจูงมือเจียงสื้อสื้อ
“น้าสะใภ้เล็ก พวกเราไปแล้วนะ คุณกลับบ้านระวังด้วย” เจียงสื้อสื้อเป็นคนพูด
ซ่างหยิงยิ้มให้ “ฉันรู้แล้ว”
หลังจากที่ใช้สายตามองพวกเขาจากไปแล้ว ซ่างหยิงถึงได้โทรศัพท์ให้คนขับรถมารับตนเองกลับ
……
เมื่อขึ้นรถแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ดึงผ้าคลุมไหล่อยู่ตลอด พร้อมทั้งเม้มริมฝีปาก และหันมามองชายหนุ่มที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับรถ พร้อมทั้งหลอกถามเขา “ฉันแต่งตัวไปแบบนี้มันจะโอเว่อร์เกินไปไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบ
เจียงสื้อสื้อได้แต่ขมวดคิ้ว “ทำไม? ไม่สวยเหรอ?”
เธอไม่ได้สังเกตนัยน์ตาอันเปล่งประกายที่อยู่ภายในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินออกมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นบริเวณตรงหน้าก็มืดหม่นลง เอวคอดโดนรัดแน่น
ยังไม่ทันตั้งสติทัน ริมฝีปากถูกความเร่าร้อนประกบลง
การถูกดักปล้นอย่างบ้าคลั่ง ช่างประวิงเวลาไว้ยาวนานเหลือเกิน
ตอนที่เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าตนเองใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้วนั้น เขาถึงยอมปล่อยเธอไป นัยน์ตาลึกล้ำอันดำขลับฉายแววประกายออกมาจากด้านในดวงตา
มันทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้อใจสั่นอย่างอดไม่ได้
นิ้วอันหยาบกร้านค่อยๆ ลูบไล้สัมผัสกับริมฝีปากของเธอ เจียงสื้อสื้อกลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาตญาณ
ในรถอันเงียบสนิทพลันมีเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น
“คืนนี้สวยงาม”
แค่ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ร่างกายของเจียงสื้อสื้อสั่นเทา พร้อมทั้งคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “คุณก็หล่อมากเลยค่ะ”
“ไม่อยากให้คุณไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆ ”
เขาก็แค่อยากเอาสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เอาไปแอบซ่อนไว้ที่บ้าน เพื่อให้ตนเองได้ชื่นชมเอง
เจียงสื้อสื้อกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ก็คงไปไม่ได้จริงๆ แล้ว
ดังนั้นเธอเลยปัดมือเขาออก พร้อมแกล้งทำหนักแน่นแทน “พอแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ ไม่งั้นพี่ชายเขาคงรอจนรีบร้อนไปแล้วแหละ”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ความคิดในใจของเธอ จึงหัวเราะออกมา จากนั้นก็สตาร์ทรถ พร้อมทั้งขับมุ่งหน้าไปงานโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง
……
งานเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้ เป็นที่รวมตัวของคนที่มีชื่อเสียงในทุกสายอาชีพของเมืองหลวง ตระกูลฟางเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันมีชื่อเสียงของเมืองหลวง ก็มากันเกือบหมดแล้ว
ฟางยู่เชินยืนอยู่ตรงบริเวณห้องโถงชั้นหนึ่งของโรงแรม พร้อมทั้งจ้องมองทางด้านนอกอยู่ตลอดเวลา
“ยู่เฉิน คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ตอนที่ครอบครัวของฟางเฉิงเดินเข้ามานั้น ก็เห็นท่าทางของเขาแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
“ลุงใหญ่ ป้าใหญ่” ฟางยู่เชินพยักหน้าทำความเคารพ
“คุณไม่เข้าไปเหรอ?” ฟางเฉิงถาม
“ผมกำลังรอสื้อสื้อกับน้องเขยอยู่”
คำตอบของฟางยู่เชินมันทำให้ครอบครัวของฟางเฉิงตกใจกันทุกคน
“พวกเขาต้องมาด้วยเหรอ?” ฟางเฉิงถามอย่างสงสัย
ฟางยู่เชินยิ้มให้เล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับแต่ถามกลับแทน “หรือว่าพวกเรามาไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ฟางเฉิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าพวกเขาก็มีบัตรเชิญด้วย”
“ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ พวกคุณเข้ากันไปก่อนเถอะ” ฟางยู่เชินไม่อยากพูดคุยกับพวกเขามากมาย เพราะมันทำให้หมดกำลังใจ
ฟางเฉิงกับลูกชายมองตากัน จากนั้นก็ยิ้มและพูดต่อ “พวกเราก็รอด้วยสิ คนในครอบครัวเดียวกันก็ต้องเข้างานพร้อมกันสิ”
คนในครอบครัวเดียวกัน
ฟางยู่เชินได้แต่ยิ้มให้ตนเองอย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่ว่าสื้อสื้อแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉิน เกรงว่าพวกเขาตายไปก็คงไม่ยอมรับสื้อสื้อคนนี้เป็นหลานสาวแล้วมั้ง
เขาขี้เกียจจะสนใจพวกเขาแล้ว พวกเขาอยากจะรอก็รอไปสิ
ผ่านไปสักพัก ครอบครัวของฟางรุ่ยก็มาถึงแล้ว และก็เหมือนกับครอบครัวของฟางเฉิง เมื่อได้ยินว่าพวกจิ้นเฟิงเฉินจะมา ก็จะรอด้วย
ดังนั้น บริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงแรมมีคนยืนอยู่เกือบสิบคนได้ ทุกคนต่างมองไปทางด้านนอก เพื่อชะเง้อคอยมองรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมาถึงโรงแรม ตอนที่เดินเข้าไปนั้นก็เห็นฟางยู่เชินกับพวกเขา
ตอนที่เห็นคนอื่นๆ นั้น นัยน์ตาของเจียงสื้อสื้อก็ฉายแววตาแปลกใจออกมาเล็กน้อย
ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
“เฟิงเฉิน สื้อสื้อ ในที่สุดพวกคุณก็มาแล้ว” ฟางเฉิงออกไปต้อนรับก่อน
“น้าชายใหญ่” เจียงสื้อสื้อเรียกชื่ออย่างเชื่อฟัง
“มาแล้วก็ขึ้นข้างบนกันเถอะ” ฟางเฉิงยิ้มออกมาตอนพูด
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจเขาเลย และเดินจูงมือเจียงสื้อสื้อมุ่งตรงไปยังด้านหน้า
“น้องเขย สื้อสื้อ พวกเราเดินทางนี้” ฟางยู่เชินเดินมา พร้อมทั้งชี้ไปทางลิฟต์
คนอื่นต่างถูกละเลยไปเสียแล้ว สีหน้าของทุกคนพลันแสดงสีหน้าอันต่างๆ นานาออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!