ตอนที่พวกของเจียงสื้อสื้อมาถึงโรงพยาบาลนั้น คุณหมอก็ได้ตรวจร่างกายให้กับคุณท่านฟางตามปกติ ส่วนฟางเสว่มั่นยืนมองอยู่ข้างๆ
พวกเขาเป็นห่วงอาการของคุณท่านฟาง และก็ยังเอากล่องรักษาอุณหภูมิวางลงบนโต๊ะกลาง เพื่อให้ฟางเสว่มั่นได้กินให้มากๆ เพื่อจะได้บำรุงร่างกาย
ฟางเสว่มั่นพยักหน้าตกลง
ซ่างหยิงเห็นว่านางอารมณ์ไม่ดี ก็เลยคุยกับฟางเสว่มั่นเป็นการส่วนตัว เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินเดินออกไปเอง เพื่อไปเดินเล่นกันที่สวนดอกไม้ที่อยู่ใต้ตึก
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินประสานมือกันไว้แน่น จากนั้นเธอก็หันไปถาม “พี่ชายของฉันไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่นะ”
“โกหกฉันนี่”
เจียงสื้อสื้อหรี่ตาลง “การที่เขาให้คุณไปที่ฟางซื่อ ต้องมีเรื่องแน่นอน”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้ “คุณคิดมากไปแล้ว ไม่มีเรื่องจริงๆ ก็แค่คุยกันเรื่องความร่วมมือระหว่างสองบริษัทเท่านั้นเอง”
“จริงเหรอ? คุณห้ามโกหกฉันนะ”
“อื้อ ไม่ได้โกหกคุณเลย” จิ้นเฟิงเฉินโอบไหล่ของเธอเอาไว้ จากนั้นก็ก้มตัวลง พลางกระซิบข้างหู “แต่ว่าก็มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นนะ”
“เรื่องอะไร?” เจียงสื้อสื้อหันไปหา เธอมองเข้าไปในนัยน์ตาดำขลับถลำลึกของเขาโดยบังเอิญ
ถ้าไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันมานานแล้ว คงอดหวั่นไหวไม่ได้
เธอหน้าแดงแจ๋ พร้อมทั้งรีบละสายตาอย่างกระวนกระวายใจ เขินอายจนถึงขั้นพูดติดอ่าง “จะพูดก็พูดมาเลยสิ ทำไมต้องเขยิบมาซะใกล้กันขนาดนี้ด้วย?”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คืนพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงการกุศล ยู่เฉินอยากจะให้พวกเราไปด้วย”
“งานเลี้ยง?” เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว
พูดตามความเป็นจริงแล้ว งานเลี้ยงระดับคนชนชั้นสูง เธอนั้นไม่ชอบจริงๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน ขนาดพูดจากัน ต่างก็ใส่หน้ากากกันอีกชั้นทั้งนั้นแหละ ไม่มีความจริงใจต่อกันเลยสักนิด
“ไม่ไปได้ไหม?” เจียงสื้อสื้อถามกลับอย่างระมัดระวัง
“ได้สิ ผมตามใจคุณเลย” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เขาก็เดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่อยากไป
เมื่อได้ยินว่าไม่ไปก็ได้ เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจทันที “งั้นดีเลย”
“ความหมายของยู่เชินคือต้องการจะแนะนำฐานะของคุณในงานเลี้ยง”
“ห๊ะ?”เจียงสื้อสื้อคิดไม่ถึงมีจะมีเรื่องนี้ด้วย
“เขารู้ว่าคุณเป็นคนของตระกูลฟาง ก็ควรจะให้ทุกคนรู้ถึงฐานะของคุณด้วย”
เจียงสื้อสื้อทำหน้าไม่ถูกจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะร้องไห้ก็ไม่ได้ “ความจริงแล้วคนอื่นจะรู้หรือไม่รู้ก็ไม่มีอะไรนี่ ฉันก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงบ่อยๆ สักหน่อย”
แม้ว่าเธอจะพูดเช่นนี้ก็ตาม แต่ยังคิดออกมาอย่างจริงจัง
ถ้าเธอไม่ไปจะทำให้ฟางยู่เชินผิดหวังหรือเปล่านะ?
แต่ถ้าไปแล้ว เธอก็ไม่ได้ชอบสถานการณ์อย่างนั้นนี่
ตอนที่เธอกำลังลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้น จิ้นเฟิงเฉินก็พูดออกมา “ไม่ไปก็ไม่ต้องบีบบังคับ ยู่เชินเข้าใจดี”
เจียงสื้อสื้อสูดลมหายใจเข้า “ไป พวกเราจะไปด้วยกัน”
ตอนนี้ฟางยู่เชินเพิ่งจะเข้ามาสืบทอดกิจการของฟางซื่อ โลกภายนอกคงมีคนไม่น้อยที่รอคอยหัวเราะเยาะเขาอยู่ ถ้าเฟิงเฉินสามารถปรากฏตัวพร้อมกับเขาในงานในเวลานั้นได้ การทำเช่นนี้คงช่วยเขาได้ไม่น้อยแหละ
“ไม่ได้บีบบังคับตัวเองใช่ไหม?” จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองเธอ
เขาไม่หวังว่าเธอจะบีบบังคับในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบเพื่อคนอื่น
เจียงสื้อสื้อมองออกถึงความคิดที่อยู่ในใจของเขา พร้อมทั้งส่ายหน้าและยิ้มให้ “ไม่ได้บีบบังคับ”
จิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่เชื่ออยู่ดี
“ฉันไม่ได้บีบบังคับตัวเองจริงๆ ” เจียงสื้อสื้อกุมมือของเขาเอาไว้ จากนั้นก็ทิ้งตัวลง นิ้วมือประสานกันอย่างแนบชิด เธอหันศีรษะกลับไป พร้อมทั้งยิ้มตอนที่มองมาหาผู้ชายที่อยู่ข้างๆ “อยู่กับคุณ ไม่มีเรื่องไหนที่ต้องบีบบังคับเลย”
“ดี”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกจนได้ จากนั้นก็ใช้แรงที่มือ พร้อมทั้งลากเธอเข้าสู่อ้อมกอด “งั้นผมจะไปบอกกับยู่เชิน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!