ฟางยู่เชินยิ้มให้ “พวกคุณสองคน...”
เขาไตร่ตรองคำพูดออกมา “ตอนนี้พอจะว่างไหม?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าให้ “ว่างค่ะ”
“งั้นไปทางนั้น ผมจะแนะนำคนให้พวกคุณรู้จัก”
เมื่อพูดจบ ฟางยู่เชินก็หันตัวกลับก่อน
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” เจียงสื้อสื้อพูด
จิ้นเฟิงเฉินหันศีรษะกลับมา เมื่อเห็นว่าฟางยู่เชินเดินมาถึงด้านหน้าของผู้ชายคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ ทั้งสองคนหันมาพร้อมกัน
“เฟิงเฉิน คุณเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับเขยื้อนเลย เจียงสื้อสื้อถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไร” จิ้นเฟิงเฉินจับมือของเธอ “พวกเราไปกันเถอะ”
“ตกลง”
เมื่อเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อเดินเข้ามาซ่างกวนเชียนจัดเนกไทเล็กน้อย รอให้พวกเขาเดินมาทางด้านหน้า ก็ยื่นมือขวาออกไป “คุณท่านจิ้น สวัสดีครับ ผมคือซ่างกวนเชียน”
“สวัสดีครับ” จิ้นเฟิงเฉินจับมือกับเขา
“สวัสดีครับ คุณหญิงจิ้น” ซ่างกวนเชียนพยักหน้าให้เจียงสื้อสื้อ
เจียงสื้อสื้อก็ตอบอย่างยิ้มแย้ม “สวัสดีค่ะ”
“น้องเขย คุณซ่างกวนเป็นคนจัดงานเลี้ยงการกุศลในคืนนี้” ฟางยู่เชินพูดแนะนำให้ “ตระกูลซ่างกวนกับตระกูลก็เป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการด้านวัสดุยา สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือพวกเขามีศูนย์วิจัยของตนเอง ที่คอยศึกษาตัวยาใหม่ๆ ”
เมื่อได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของจิ้นเฟิงเฉินพลันแสดงอารมณ์ออกมาอย่างรวดเร็วแต่ไม่สามารถสัมผัสได้
“เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับทางตระกูลฟางแล้ว พวกเราตระกูลซ่างกวนก็เป็นแค่พ่อมดน้อยมาเจอกับพ่อมดใหญ่ ไม่สามารถเอามาพูดเทียบเคียงได้เลย”
ซ่างกวนเชียนพูดอ่อนน้อมถ่อมตนและยังไม่ลืมยกยอให้ตระกูลฟาง
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะมองเขาอยู่หลายครั้ง
เขาดูเหมือนอายุใกล้เคียงกับเฟิงเฉิน แต่ว่านิสัยของทั้งสองคนไม่เหมือนกันเลย คนหนึ่งเย็นชาอีกคนอ่อนโยนอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนใบหน้าของเขายังมีแว่นตาขอบทอง มันทั้งเรียบร้อยและอ่อนโยนมาก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ ในใจของเธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
หรือว่าเป็นเพราะผ่านเรื่องราวมากมาย เธอเลยแอบรู้สึกว่าคนที่มีท่วงท่าเช่นนี้มีกลอุบายมาก
หรือว่าจับสัมผัสสายตาของเธอได้ ซ่างกวนเชียนมองมาหา พร้อมยิ้มให้เธอ
ในใจเธอหยุดเต้นทันที พร้อมทั้งรีบยิ้มตอบ จากนั้นก็ไม่มองเขาอีกเลย
“คุณท่านจิ้น พวกเราสามารถมาร่วมมือกันได้ถ้ามีโอกาส” ซ่างกวนเชียนกล่าว
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าให้ “แน่นอน”
ซ่างกวนเชียนเป็นคนช่างพูด สามารถพูดคุยกับจิ้นเฟิงเฉินได้ตั้งแต่เรื่องตลาดหุ้นไปจนถึงการลงทุนในต่างประเทศ
จิ้นเฟิงเฉินได้แต่ฟังอย่างมีมารยาท บางทีก็พยักหน้าให้ ที่เหลือคือไม่ได้พูดอะไรออกมา
คำพูดเหล่านี้มันช่างยากเย็นสำหรับเจียงสื้อสื้อ เธอฟังแล้วมึนงงจนอยากจะนอนแล้ว
“เหนื่อยเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินสังเกตเห็นแล้ว พร้อมทั้งกระซิบถามข้างหูเธอ
“นิดหน่อย”
เจียงสื้อสื้อปิดปากแล้วหาวออกมา
งานเลี้ยงคืนนี้มันช่างไม่สนุกจริงๆ เลย ยังไม่เท่ากับอยู่บ้านนั่งดูละครเป็นเพื่อนน้าสะใภ้เล็กเลย
ร่างกายของเธอไม่อนุญาตให้เธอได้เหนื่อยล้าเกินไป
ดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินเลยพูดตรงๆ “คุณซ่างกวนขอโทษด้วย พวกเราต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่างกวนเชียนตกใจเล็กน้อย “งานเลี้ยงยังไม่เลิกเลย? ทำไมถึงได้รีบร้อนกลับล่ะ?”
“ร่างกายของเธอไม่ค่อยสบาย ผมต้องพาเธอกลับไปพักผ่อน”
ซ่างกวนเชียนมองมาทางเจียงสื้อสื้อ ก็เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีจริงๆ ด้วย เลยไม่สามารถฉุดรั้งพวกเขาเอาไว้
“งั้นได้สิ หวังว่าต่อไปพวกเราคงมีโอกาสได้ร่วมงานกัน” สีหน้าของซ่างกวนเชียนยังคงมีรอยยิ้มแต่ต้นจบถึงตอนนี้ ที่ไม่ทำให้คนเรารู้สึกจอมปลอม
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าชายเล็กน้อย
“เช่นนั้นผมไปส่งพวกคุณออกจากงาน” ซ่างกวนเชียนกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!