น้ำเสียงของเจียงสื้อสื้อเย็นชาเล็กน้อย “ฉันก็จะไม่ปล่อยเขาไปเช่นเดียวกัน”
ทั้งๆ ที่เป็นคนในตระกูลฟางกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นฟางอี้หมิงหรือว่าฟางเย้นซิน หรือฟางยู่เชิน ต่างสามารถยกนิ้วทุกคนอย่างชื่นชม
ฟางเย้นชิงเป็นเพียงคนเดียว “ที่ไม่เหมือนกับใครเขา”
ข่าวเรื่องความเจ้าชู้ของเขามีให้เห็นเกือบทุกวัน วันนี้ดาราสาวคนนี้ พรุ่งนี้นางแบบสาวคนนั้น หญิงสาวข้างกายไม่เคยซ้ำหน้าตลอด
ลูกคนรวยเสเพลดีๆ นี่เอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อยู่ดีๆ ก็มีวิธีการอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของเจียงสื้อสื้อ
เธอดีใจขึ้นมาทันที พร้อมทั้งหัวเราะออกมาเบาๆ
จิ้นเฟิงเฉินหันศีรษะเหลือบตามองเธอ เมื่อเห็นว่าเธอยิ้มโง่ๆ อยู่คนเดียว จนมุมปากของเขาก็ยิ้ม ตามความรู้สึกของเธอด้วย “หัวเราะอะไรเหรอ มีอะไรถึงได้ตลกขนาดนั้น?”
เมื่อสิ้นเสียง เจียงสื้อสื้อก็หันศีรษะไปมองเขา ด้วยแววตาเปล่งประกาย งดงามมากเป็นพิเศษ
“ฉันคิดวิธีว่าจะสั่งสอนฟางเย้นชิงยังไงได้แล้ว” เธอพูด
“อ้อ?” จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “จะสั่งสอนยังไง?”
“ก็คือ....”
สัญชาตญาณของเจียงสื้อสื้อจะพูดออกมา แต่ว่าคำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วแต่ก็เปลี่ยนหัวข้อทันที “ถึงตอนนั้นคุณก็รู้เอง ตอนนี้ฉันไม่บอกคุณหรอก”
น่าจะเป็นเพราะว่าไม่คิดว่าเธอจะพูดออกมาเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินแสดงท่าทางผงะเล็กน้อย แค่ว่าก็ตั้งสติกลับมา พร้อมทั้งพูดหน้านิ่ง “ได้ ไม่พูดก็ไม่พูด”
ด้วยสมองเล็กๆ ของเธอแล้ว ต้องเป็นความคิดที่วุ่นวายอะไรเทือกนั่นแน่
เจียงสื้อสื้ออ้าปากพูด พร้อมทั้งแสดงความภาคภูมิใจเล็กน้อย “ถึงตอนนั้นฟางเย้นชิงก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะเรื่องคืนนี้แน่ คงเสียใจจนลำไส้อักเสบ”
เมื่อคิดถึงภาพภาพนั้น จนเธออดยิ้มเอาไว้ไม่ไหว
ไม่รู้ว่าความคิดอะไรมันคืออะไร แต่ว่าตอนนี้เธอคิดเลยเถิดไปไกล ดวงตาคู่นั้นเปล่งประกายเจิดจรัส ราวกับดวงดาวในคืนเดือนมืด มันช่วงสวยงามเป็นพิเศษ
วันรุ่งขึ้น
เจียงสื้อสื้อถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เธอได้ยินเสียงลุกจากเตียงดังขลุกขลักอยู่ข้างกาย จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของจิ้นเฟิงเฉินอยู่คนเดียว “มีเรื่องอะไร?”
ท่ามกลางความมึนงง เรื่องอื่นเธอฟังไม่ถนัด แต่ว่ามีเพียงประโยคเดียวที่ฟังชัดเจน
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ดวงตาของเธอลืมตาทันที จากนั้นก็ลุกพรวดและนั่งอยู่บนเตียง
“คุณจะกลับเมืองจิ่นเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็หันตัวกลับมา ดวงตาดำขลับจ้องมาที่เธอ และพยักหน้าให้ “อื้อ”
“งั้นฉันจะไปกับคุณ”
เจียงสื้อสื้อเลิกผ้าห่มออก เพื่อต้องการลงจากเตียง
“คุณอยู่ที่นี่แหละ” จิ้นเฟิงเฉินดักหน้าเธอเอาไว้ “ที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อยต้องให้ผมกลับไปจัดการ ไม่นานผมก็จะกลับมาแล้ว”
“แบบนี้นี่เอง...”
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปากเอาไว้ ได้ตาตอบตกลง “ก็ได้ งั้นคุณก็เดินทางดีๆ นะ”
“อื้อ” จิ้นเฟิงเฉินก้มศีรษะเพื่อจุมพิตริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นใช้มือประกบใบหน้าของเธอ แววตาอบอุ่นดั่งสายน้ำ “รอผมนะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ “ค่ะ”
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ตรงไปที่โรงพยาบาลเลย
แต่ไม่คิดว่าจะเห็นครอบครัวของฟางรุ่ยอยู่ที่นั่นด้วย
“สื้อสื้อมาแล้ว” เฉินหยุนเห็นเขา ก็ต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
เจียงสื้อสื้อไม่ค่อยคุ้นชิน แต่ก็ฝืนยิ้มให้ “น้าชายรอง น้าหญิงรอง สวัสดีค่ะ”
“กินข้าวเช้ามาหรือยัง?” เฉินหยุนเอ่ยถาม “ถ้ายังไม่ได้กิน ฉันซื้อโจ๊กทะเลที่อร่อยที่สุดของเมืองหลวงมา คุณรีบไปกินสิ”
“ขอบคุณค่ะน้าหญิงรอง ฉันกินมาแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพูดปฏิเสธและเดินมายังด้านข้างของมารดา พร้อมทั้งใช้เสียงต่ำถาม “แม่ พวกเขามาทำอะไร?”
ฟางเสว่มั่นมองพวกฟางรุ่ย “บอกว่ามาขอโทษแทนเย้นชิง”
ขอโทษ?
เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมทั้งเงยหน้ามองไปทางฟางรุ่ยและเฉินหยุน
พวกเขาก็มองมาทางเธอ สีหน้าก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
“สื้อสื้อ” ฟางรุ่ยพูดอย่างระมัดระวัง
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปากเอาไว้ จากนั้นก็ลุกขึ้น พร้อมทั้งจ้องมองพวกเขา “น้าชายรอง น้าหญิงรอง ถ้าพวกคุณมาเพื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน งั้นก็กลับไปเถอะ”
คู่สามีภรรยาได้ยินแล้ว ร้อนใจทันที “อย่านะ สื้อสื้อ พวกเรามาขอโทษคุณจากใจจริงๆ ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มให้ “น้าชายรอง น้าหญิงรอง คนที่ทำผิดไม่ใช่พวกคุณ แต่เป็นฟางเย้นชิง คนที่น่าจะมาขอโทษคือเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!