บทที่ 960 ขอแค่คุณสบายใจ ผมก็สบายใจ – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!
ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 960 ขอแค่คุณสบายใจ ผมก็สบายใจ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียใจโดยไม่มีเหตุผล "ฉัน...ช่วงนี้คุณสบายดีไหม?
ไม่ว่าเขาจะเคยทำอะไร ในใจของหล่อน ในใจเธอแล้ว เขาก็ยังเป็นคนในครอบครัวของเธอเสมอ
"ไม่สบาย ไม่สบายเลยสักนิดเดียว"
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะตอบแบบนี้ เจียงสื้อสื้อไม่รู้ ว่าควรจะต้องพูดอย่างไร
ฝู้จิงเหวินยิ้มอ่อนๆ พูดว่า "แต่ว่า ขอแค่คุณสบายดี ผมก็สบายดี"
เจียงสื้อสื้อแสบจมูก เธอรีบสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นน้ำตาเอาไว้ ยิ้มแล้วพูดว่า "ฉันสบายดี คุณไม่ต้องห่วง"
“อย่างนั้นก็ดี”
พอพูดจบ สองคนก็ต่างนิ่งเงียบงัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อจึงได้พูดขึ้นมาก่อนว่า "ถ้าคุณมีเวลาว่างกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ้าง ท่านทั้งสองคนน่าสงสารมาก"
"รู้แล้ว" ฝู้จิงเหวินพูด "บอกจิ้นเฟิงเฉิน ถ้าเขาดูแลคุณไม่ดี ผมจะไปรับคุณมา"
เจียงสื้อสื้อกลั้นหัวเราะไม่อยู่ "คุณวางใจเถอะ เขาต้องดูแลฉันเป็นอย่างดี"
ฝู้จิงเหวินหันไปมองท้องฟ้านอกหน้าต่างที่มืดแล้ว ด้วยสีหน้าผิดหวัง " ในเมื่อเป็นแบบนี้ ลาก่อน"
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อโต้ตอบใดๆ เขาวางสายทันที
เข้าก้มหน้าลง มุมปากมีรอยยิ้มขมขื่น
เขากับเจียงสื้อสื้อนักวันยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ กลับไปไม่ได้อีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ใจเริ่มเกิดความปวดร้าว
ยกมือกุมหน้าอกแน่น เขายิ้มออกมา ในรอยยิ้มคือยิ้มเยาะตนเอง
ยังมี…ความสำนึกผิดในอดีต
"นี่คุณจะทรมานอีกเพื่ออะไร"
ข่ายสื้อลินค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเขา สายตาจับจ้องไปที่เขา
ฝู้จิงเหวินปกปิดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดในทันที สีหน้าขรึมลง เอ่ยปากอย่างเยือกเย็น "คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
ข่ายสื้อลินกระตุกริมฝีปาก "ฉันมาตอนไหนสำคัญมากเหรอ?"
เมื่อครู่เธอก็ยืนอยู่ที่ประตูมองดูเขาโทรศัพท์ เขาเป็นพวกที่หลงจนหน้ามืดตามัวจริงๆ ตนเองตกอยู่ในอันตรายอะไร ก็ยังไม่ลืมที่จะเป็นห่วงเจียงสื้อสื้ออีก ฝู้จิงเหวินหรี่ตา "คุณได้ยินหมดแล้วเหรอ?"
"สิ่งที่ควรได้ยินและไม่ควรได้ยิน ฉันก็ได้ยินหมดแล้ว"ข่ายสื้อลินหัวเราะเยาะ" ฝู้จิงเหวิน ฉันค้นพบว่าคุณนี่ช่างกล้าจริง ถึงขั้นยังกล้าติดต่อผู้หญิงคนนั้น"
ฝู้จิงเหวินสีหน้าบึ้งไม่ได้พูดอะไร
ข่ายสื้อลินเดินหน้าเข้าใกล้เขา ริมฝีปากแดงแนบข้างหูของเขา “คุณอย่าลืมนะ ตอนนี้คุณอยู่ในถิ่นของใคร ระวังว่าจะไม่รอด”
แววตาโหดเหี้ยมฉายออกมาจากนัยน์ตา ฝู้จิงเหวินผลักเธอออก ยิ้มเยาะที่มุมปาก "ถ้าผมกลัวผมก็คงไม่มา"
ข่ายสื้อลินกำหมัดแน่น ฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจ "อย่างนั้นฉันก็จะคอยดูว่าคุณจะยังมีชีวิตอยู่ได้อีกนานแค่ไหน"
ฝู้จิงเหวินยืดตัว กระซิบข้างหูของเธอว่า"ไม่ต้องดู ผมจะมีชีวิตอยู่ให้นานกว่าคุณ"
พูดจบ ก็ก้าวขาเดินไป
“ฝู้จิงเหวิน!”
ข่ายสื้อลินหันหน้ามา จ้องมองด้านหลังของเขาที่เดินจากไปอย่างโมโห
เธอสูดหายใจลึกๆ ผ่อนคลายความโกรธภายในใจ
ไม่เข้าใจจริงว่าเจียงสื้อสื้อนั่นมีอะไรดี ถึงทำให้เขามอบกายถวายชีวิตให้แบบนี้ พร้อมทั้งเข้าร่วมกับทีมวิจัยเบอร์เกนอย่างไม่ลังเล
ไม่สนใจชีวิตของตนเองเลย
ข่ายสื้อลินก็ไม่เข้าใจว่าภายในใจตนเองว่าเกิดอะไรขึ้นเลยสักนิดเดียว
เธอเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ "ช่างเถอะ เขาจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
……
ฟางเสว่มั่นเห็นลูกสาวยืนคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วก็ยืนถือโทรศัพท์ไว้อย่างนั้น ไม่ขยับเขยื้อน ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
"สื้อสื้อ" เธอลองเรียก
เจียงสื้อสื้อที่ได้ยินเสียงก็รีบดึงสติกลับมา หันหน้าไปมอง ก็สบตากับสายตาเป็นห่วงเป็นใยของคนเป็นแม่ จากนั้นก็ฉีกยิ้มให้
"แม่ ทำไมเหรอคะ?"
แต่ตอนนี้ เขาก็คือหมูที่ไม่กลัวจะถูกน้ำร้อนลวก!
ฟางเย้นสูดหายใจลึกไป สะกดกลั้นไฟโทสะ พูดด้วยความอดทนว่า "ฟังฉันนะ ไปขอโทษเจียงสื้อสื้อซะเรื่องนี้ก็จะจบลงตรงนี้"
"ขอโทษเหรอ?" ฟางเย้นชิงพูดเสียงสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาชี้ที่ตนเองอย่างยอมแพ้ "พ่อ พ่อให้ผมไปขอโทษผู้หญิงคนนั้นเหรอ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?"
"ไม่ว่าจะยังไง เรื่องนี้คือความผิดแก! ควรไปขอโทษก็ต้องไปขอโทษ!"
น้ำเสียงของฟางรุ่ยเด็ดขาดมาก
"ผมไม่ไป!" ฟางเย้นชิงเบนหน้าหนี
เขาเป็นผู้ชายอกสามศอกจะให้ไปขอโทษผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่พ่อเขาบ้าไปแล้วก็ต้องเป็นตนเองที่บ้าไปแล้ว!
เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!
"ไอ้ลูกเวร!" ความโกรธของฟางรุ่ยพลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง จนตบหน้าไปอีกหนึ่งครั้ง "เพราะเรื่องของแก ฉันกับแม่ของแกต้องแบกหน้าไปขอโทษเขาแล้ว แกยังจะไม่ยอมอะไรอีก"
ได้ยินประโยคนี้ ฟางเย้นชิงก็ตกใจ "พ่อกับแม่ไปขอโทษแล้วเหรอ?"
"ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อแก เพื่อพี่ชายแก พวกเราจะเสียหน้าแบบนี้เหรอ?" ฟางรุ่ยโกรธที่ฟางเย้นชิงไม่รู้จักว่าอะไรควรไม่ควร
ฟางซื่อกรุ๊ปในตอนนี้อยู่ในมือของฟางยู่เชิน คนไม่มีอำนาจอะไรอย่างพวกเขาจะไปสู้กับคนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักประจบประแจงพวกที่มีอำนาจ ที่บ้านตระกูลฟาง พวกเขาก็ไม่มีสถานะที่จะพูดอะไรได้เลยจริงๆ
ฟางเย้นชิงส่งเสียง “ชู่” "พวกคุณไปเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรไรกับผม"
ไม่ผิด เขาคิดว่าเจียงสื้อสื้อสวยมากจริงๆ คิดเรื่องที่ไม่ควรจะคิด แต่เขาก็ไม่ได้ทำสำเร็จนี่"
ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ด้วยเหรอ?
"ไอ้สารเลว!"
ฟางรุ่ยถูกคำพูดของเขาทำให้โกรธถึงขีดสุด คว้าแก้วบนโต๊ะแล้วเขวี้ยงไป โชคยังดีที่ฟางเย้นชิงมีปฏิกิริยาว่องไว เบี่ยงตัวหลบแก้วใบนั้นได้
แก้วตกลงบนพื้น จนแตกกระจาย
มองดูเศษแก้วที่กระเด็นไปทั่วฟางเย้นชิงในใจยังคงตกใจขณะเดียวกันก็โกรธขึ้นมาบ้างแล้ว
"พ่อ ผมเป็นลูกของพ่อนะ พ่อต้องลงไม้ลงมือรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!