เจียงสื้อสื้อถูกจิ้นเฟิงเฉินจูงมือเข้าไปในห้องทำงานของประธาน
“คุณจะอ่านหนังสือหรือจะทำอย่างอื่นก็ได้ ผมขอตัวไปทำงานก่อน” จิ้นเฟิงเฉินกดเธอลงที่โซฟา แล้วก้มมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่น
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “คุณไปทำงานเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
จิ้นเฟิงเฉินสัมผัสที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ จากนั้นก็เดินไปทางห้องทำงาน
เจียงสื้อสื้อหันไปมองเขา พอเห็นเขาที่เข้าสู่โหมดทำงานอย่างรวดเร็ว เธอก็เม้มปากแล้วยิ้มออกมา
เวลาที่เขาตั้งใจทำงานนี่ช่างมีเสน่ห์จริงๆ
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น แล้วเห็นมีคนเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอก
“พี่ครับ ได้ยินว่าพี่พาพี่สะใภ้มาที่บริษัท มันจริงใช่มั้ยครับ?”
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้ามาพร้อมกับถามด้วยหน้าตาที่บูดบึ้ง แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบุคคลที่คุ้นเคย
พอหันไปมอง ใช่เจียงสื้อสื้อจริงๆ ด้วย
“โอ้วแม้เจ้า เป็นพี่สะใภ้จริงๆ ด้วย!” จิ้นเฟิงเหราไม่เข้าใจอย่างมาก
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างติดตลก “เห็นฉันแล้วทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหรารีบทำให้เป็นปกติทันที ลูบๆ ที่จมูก แล้วตอบไปว่า “ผมแค่แปลกใจที่พี่พาพี่สะใภ้มาด้วยเท่านั้นครับ”
“สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว รู้จักรึเปล่า?” เจียงสื้อสื้อยักคิ้ว ภายในน้ำเสียงนั้นยังแฝงไปด้วยความหยอกล้อด้วย
สามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว
จิ้นเฟิงเหราทนไม่ได้จนต้องสะดุ้งไปทั้งตัว “พี่สะใภ้ครับ ว่าด้วยเรื่องแสดงความรักนี่ผมเทียบพี่ไม่ติดจริงๆ”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมา “ชมเกินไปแล้ว”
จิ้นเฟิงเหรา “……”
เขาเถียงสู้เธอไม่ได้จริงๆ
“แกมาทำอะไร?” จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยถาม
“ผะ……ผมมาดูพี่สะใภ้ครับ” จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเหตุผล
“แกว่ามากเลยใช่มั้ย?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ผม……” จู่ๆ จิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกถึงภัยอันตราย เขาจึงรีบทำหน้ายิ้มแย้ม” ผมจะไปว่างได้ยังไงล่ะครับ? ผมแค่เจียดเวลาว่างอันน้อยนิดมาหาพี่สะใภ้เท่านั้น ผมจะไปแล้วเนี่ย”
พอเห็นเขาทำท่าทางที่สื่อถึงเวลาอัน “น้อยนิด” อย่างเวอร์วัง เจียงสื้อสื้อก็ขำออกมา “เฟิงเหรา ทำไมเธอถึงต้องกลัวพี่ของเธอขนาดนี้ด้วย?”
“พี่สะใภ้ ผมไม่ได้กลัว” จิ้นเฟิงเหราปฏิเสธ “อย่างผมเขาเรียกว่าเคารพครับ”
เจียงสื้อสื้อขำหนักยิ่งกว่าเดิม “โอเค โอเค เคารพ”
จิ้นเฟิงเหรารู้ดีว่าเธอกำลังล้อเขาอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไร “พี่สะใภ้ครับ รอเสร็จงานก่อนเดี๋ยวผมค่อยแวะมาหาพวกพี่นะครับ”
พูดจบ ไม่รอให้จิ้นเฟิงเฉินพูด เขาก็ชิ่งออกไปก่อนแล้ว
“ทำไมเฟิงเหราถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้นะ? ไม่เห็นเหมือนคุณเลยสักนิด”
เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วหันไปมองจิ้นเฟิงเฉิน
เธอเห็นแค่จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังขมวดคิ้ว “คุณชอบคนร่างเริงแบบเขาอย่างนั้นเหรอครับ?”
“คนร่าเริงแบบนั้นก็ต้องชอบอยู่แล้วล่ะค่ะ”
พอเธอเห็นแววตาที่ค่อยเคร่งขรึมของจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็รู้ตัวขึ้นมาทันที จึงรีบพูดเสริมไปว่า “แต่ฉันก็ยังชอบนิสัยแบบคุณที่สุดแหละค่ะ ถึงจะพูดน้อย เย็นชา แต่ความอ่อนโยนทั้งหมดก็มีให้แค่คนคนเดียว ฉันรู้สึกภูมิใจมากเลยค่ะที่ได้เป็นคนคนนั้น”
นี่คือคำสารภาพรักของเธออย่างนั้นเหรอ?
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาแล้ว แม้แต่หางคิ้วยังถูกย้อมไปด้วยรอยยิ้มเลย “ดังนั้นคุณก็ควรรักษามันไว้ให้ดี เข้าใจมั้ยครับ?”
เจียงสื้อสื้อเบิ่งตาด้วยความตกใจ มันไม่เหมือนคำพูดที่เขาพูดปกติเลย
เมื่อรู้ว่าเธอคิดอะไร รอยยิ้มของจิ้นเฟิงเฉินก็ลึกซึ้งลงไปอีก “ผมเองก็จะรักษาคุณไว้เหมือนกัน ชั่วชีวิตเลยครับ”
ทำไมจู่ๆถึงมาพูดความในใจกันแบบนี้เนี่ย?
เจียงสื้อสื้อรู้สึกงง แต่ในใจก็ยังรู้สึกดีมาก เธอพยักหน้าอย่างแรง “ค่ะ ชั่วชีวิต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!