สรุปเนื้อหา บทที่ 28 ท่าทีที่ขอร้องคนเหรอ – ลูกเขยมังกร โดย เมฆทอง
บท บทที่ 28 ท่าทีที่ขอร้องคนเหรอ ของ ลูกเขยมังกร ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมฆทอง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 28 ท่าทีที่ขอร้องคนเหรอ
“ไปขอโทษเมิ่งเหยาหน่อยเถอะ แล้วขอให้เมิ่งเหยากลับมาทำงานในบริษัทใหม่” เสี้ยหยุนเสิ้งพูดขึ้น แท้จริงแล้วเขาก็ไม่อยากจะตัดสินใจแบบนี้หรอก มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การตบหน้าเสี้ยห้าวเท่านั้น ยังตบหน้าเขาด้วย
“คุณปู่……” เสี้ยห้าวยังอยากจะปฏิเสธ แต่กลับสบตาที่แหลมคมของเสี้ยหยุนเสิ้งเข้า น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลงมา “ก็ได้ครับ งั้นผมจะลองดูนะครับ”
“ไม่ใช่ลองดู แต่จะต้องทำให้เมิ่งเหยาให้อภัยให้ได้!” เสี้ยหยุนเสิ้งพูดเสียงเย็นประโยคหนึ่ง
“ครับ คุณปู่!” เสี้ยห้าวกัดฟันพยักหน้า แต่คิดว่าต้องก้มหัวให้เสี้ยเมิ่งเหยา เสี้ยห้าวก็รู้สึกทรมานเหมือนกับกินแมลงวันเข้าไปแล้ว
แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ทำแบบนี้ งั้นก็หมายความว่าต้นเงินต้นทองยู่ฉวนซานก็จะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่เศษเสี้ยวแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เสี้ยเมิ่งเหยาก็ได้รับโทรศัพท์จากเสี้ยห้าว
พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของเสี้ยห้าว เสี้ยเมิ่งเหยาก็กดทิ้งเลย
แน่นอนต้องทำให้เสี้ยห้าวโกรธไม่น้อย แต่ทำยังไงได้ เสี้ยห้าวก็ได้แต่โทรใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เสี้ยเมิ่งเหยาอยากจะกดทิ้ง แต่เฉินเฟิงกลับกดรับสายโทรศัพท์
“มีอะไร?” มุมปากของเฉินเฟิงคลี่ยิ้มบาง ๆ ออกมา
“เสี้ยเมิ่งเหยาล่ะ? ให้เธอมารับสายซิ” ในน้ำเสียงของเสี้ยห้าวแอบแฝงความไม่พอใจเอาไว้
“นอนอยู่” เฉินเฟิงพูดเสียงเรียบ
“นายไปปลุกเธอตื่นเลย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เสี้ยห้าวพูดออกคำสั่ง
“เจ้าโง่!”
เฉินเฟิงพูดออกไปสองคำ แล้วก็กดวางสายโทรศัพท์เลย
“เชี่ย!”
ภายในอาคารหยุนเสิ้ง เสี้ยห้าวโกรธจนเกือบจะปาโทรศัพท์ลงพื้นแล้ว
“โทรต่อไป” เสี้ยฉี่ชาวที่อยู่ข้าง ๆ สีหน้าเคร่งขรึมพูดขึ้น
เสี้ยห้าวโทรกลับไปอีกครั้ง เฉินเฟิงยิ้มแล้วกดรับสาย
“เฉินเฟิง นายจะมากเกินไปแล้วนะ!” เสี้ยห้าวพูดเสียงต่ำ เสี้ยเมิ่งเหยาวางสายเขาก็ช่างเถอะ แต่เจ้าคนไร้ค่าเฉินเฟิงก็ยังกล้าวางสายโทรศัพท์เขา คิดว่าเขาเป็นดินเหนียวให้ปั้นเล่นหรือไง
“มีอะไรก็รีบว่ามา” เฉินเฟิงมองบนทีหนึ่งแล้วพูด
“เฉินเฟิง นายบอกเสี้ยเมิ่งเหยา ขอแค่เธอเชื่อฟัง ตระกูลเราก็จะให้โอกาสกับเธออีกครั้ง ให้เธอกลับมาทำงานที่บริษัทใหม่ได้” ในคำพูดของเสี้ยห้าวยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเวทนาบางส่วน
ในใจของเฉินเฟิงยิ้มเย็น เจ้าโง่เสี้ยห้าวนี่จนถึงตอนนี้แล้วยังจะมาวางมาดอวดเบ่งอีก!
“ถ้าหากเธอไม่เชื่อฟังล่ะ?” เฉินเฟิงถามอย่างล้อเลียน
“งั้นเธอก็อย่าคิดว่าจะได้กลับมาบริษัทอีกเลย!” เสี้ยห้าวพูดเสียงเรียบ
เฉินเฟิงเกือบจะขำเพราะคำพูดนี้แล้ว ดูท่าเสี้ยห้าวจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญแล้ว
แต่ครั้งนี้เฉินเฟิงไม่เกรงใจเขาอีกต่อไป กดวางสายเขาไปเลยทันที และยังบล็อกเบอร์โทรศัพท์ของเสี้ยห้าวดึงเข้าบัญชีดำอีกด้วย
เสี้ยเมิ่งเหยาที่อยู่ข้าง ๆ ไม่มีข้อคิดเห็นใด ๆ กับการกระทำนี้ แต่กลับรู้สึกว่าที่เฉินเฟิงทำแบบนี้ ยังช่วยเธอเอาคืนได้อย่างสะใจได้ครั้งหนึ่ง
“เชี่ย! ไอ้คนไร้ค่านี่ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะเล่นงานแกให้ตายแน่!”
ในที่สุดเสี้ยห้าวที่โกรธจนบ้าคลั่งก็ปาโทรศัพท์ลงพื้น ขอบตาแดงก่ำแล้วพูดตะคอกว่า
“พอกันที!” เสี้ยฉี่ชาวพูดเตือนเสียงเย็นว่า “ปู่แกให้แกไปขอโทษเขา แล้วแกขอโทษเขาแบบนี้เหรอ?”
“แต่ว่า พ่อ ยัยเด็กขายตัวเสี้ยเมิ่งเหยา มันกะว่าจะไม่รับโทรศัพท์เลยนี่ แม้แต่เจ้าคนไร้ค่าเฉินเฟิง ยังกล้าหือกับผมอีก……”
“แกต้องเข้าใจก่อน ตอนนี้แกเป็นคนไปขอร้องเขา ไม่ใช่เขามาขอร้องแก ในเมื่อจะขอร้องเขา ก็ต้องมีท่าทีในการขอร้องคน แล้วน้ำเสียงกับคำพูดของแกเมื่อกี้ คนเขาให้อภัยแกถึงแปลก” เสี้ยฉี่ชาวพูดขึ้น
เฉินเฟิงหัวเราะเสียงเย็น กำลังจะเปิดปากพูดเสี้ยเมิ่งเหยาก็ชิงเปิดปากซะก่อน “ความหมายของเฉินเฟิงก็คือความหมายของฉันด้วย”
ในใจของเฉินเฟิงรู้สึกอบอุ่น เขาต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าเสี้ยเมิ่งเหยายกให้สิทธิ์ในการตัดสินใจเรื่องนี้แก่เขาแล้ว
เสี้ยห้าวกัดฟันกรอก กลับคิดไม่ถึงเสี้ยฉี่ชาวก็หันสายตามาทางเฉินเฟิงแล้ว เขาเข้าใจตอนนี้ในบ้านเสี้ยเมิ่งเหยานั้น คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวคือเฉินเฟิงแต่ไม่ใช่คนอื่น ๆ ที่เหลือ
“เฉินเฟิง งั้นความหมายของนายคือ?” เสี้ยฉี่ชาวถามขึ้น
เฉินเฟิงไม่ได้ตอบคำถามเสี้ยฉี่ชาว แต่กลับถามกลับไปว่า “ พวกคุณมาขอโทษเหรอ?”
“ใช่ เมื่อวานห้าวใจร้อนไปหน่อย ก็เลยพูดข่าวลือที่ไม่จริงออกไปบ้าง ทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับเมิ่งเหยา และยังโดนวงศ์ตระกูลไล่ออกอีก เรื่องนี้เป็นเพราะห้าวทำผิดไปแล้ว” เสี้ยฉี่ชาวพูดอย่างสงบเงียบ
เสี้ยห้าวก็สบโอกาสเปิดปากด้วย “เมิ่งเหยาเรื่องเมื่อวาน เป็นเพราะพี่ทำไม่ถูกต้อง พี่ต้องขอโทษต่อเธอด้วย หวังว่าเธอจะรับไว้นะ”
เสี้ยห้าวโค้งตัวลง ความโกรธเกลียดในสายตา ไม่คิดจะปิดบังสักนิด
“เป็นแค่ข่าวลือเหรอ?” เสี้ยเมิ่งเหยาเปิดปากพูดเสียงเย็น จนถึงตอนนี้เสี้ยห้าวก็ยังไม่คิดจะยอมรับ ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้เขาสร้างขึ้นมาเองกับมือทั้งนั้น
เสี้ยห้าวสีหน้าเปลี่ยน ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจก็ยังแสร้งถามขึ้นว่า “ เมิ่งเหยา นี่เธอหมายความว่ายังไง?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังไง เสี้ยห้าว นายไสหัวไปได้แล้ว!” เสี้ยเมิ่งเหยายิ้มเสียงเย็นแล้วพูดขึ้น ในเมื่อเสี้ยห้าวไม่ยอมรับ เธอก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเสี้ยห้าวแล้ว
แต่เสี้ยฉี่ชาวกลับมองเสี้ยห้าวอย่างไม่เข้าใจทีหนึ่ง ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัย หรือว่าเรื่องเมื่อวาน ไม่ได้เป็นเหมือนที่เสี้ยห้าวพูด แต่มีเรื่องอื่นแอบแฝงงั้นเหรอ?
หรือกระทั่ง เป็นเสี้ยห้าวเองที่วางแผนใส่ร้ายเสี้ยเมิ่งเหยาเหรอ? ! เสี้ยฉี่ชาวโดนความคิดที่อยู่ ๆ ก็โผล่ขึ้นมาในสมองของตัวเองทำให้ตกใจจนใจสั่น ถ้าหากเป็นเรื่องจริงละก็ ยังจะมาขอโทษหาอะไรอีก
เสี้ยเมิ่งเหยาไม่ฆ่าเสี้ยห้าวก็ถือว่าบุญแล้ว
อยู่ ๆ เสี้ยฉี่ชาวก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันยุ่งยากมาก แต่ว่าเวลานี้ เขาก็ทำได้แค่เปิดปากพูดอย่างหัวชนฝาว่า “เมิ่งเหยา ไม่ว่าเสี้ยห้าวจะทำอะไรลงไป แต่พวกเราก็เป็นคนบ้านเดียวกัน ระหว่างคนบ้านเดียวกันมีเรื่องอะไรก็ต้องค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ คุยกันไป”
“คนบ้านเดียวกันเหรอ?” มุมปากของเฉินเฟิงปรากฏรอยยิ้มหัวเราะเยาะขึ้น แล้วพูดว่า “คุณลุงใหญ่ ในเมื่อเป็นคนบ้านเดียวกัน งั้นเรามาปรึกษาหารือกันหน่อย เอาโครงการยู่ฉวนซานมอบให้เมิ่งเหยาเป็นคนดูแลดีไหมครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...