บทที่ 435 ปากพาซวย
เฉินเฟิงไม่ได้โต้เถียงกับกลุ่มพวกนั้น ความจริงแล้ว ช่วยแก้ต่างให้ ก็จะทำให้เรื่องใหญ่โตขึ้นไปอีก
คนส่วนใหญ่ จะเชื่อในสิ่งตนเองมองเห็นเท่านั้น
การที่อยากจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้ คนที่ปากสว่างเริ่มจากตัวหลินเย่น
แต่ว่าก่อนที่จะไปหาหลินเย่นนั้น ต้องจัดการข่าวลือสะพัดในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ปให้สะอาดก่อน
“หลี่เล่อ ช่วยฉันหาข่าวหน่อยว่า คนที่เป็นคนเอาเรื่องนี้มากระพือใส่ไฟมีใครบ้าง” แววตาของเฉินเฟิงฉายความเยือกเย็นออกมา เรื่องในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมาจากหลินเย่นก็ตาม แต่ภายในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป กลับมีเรื่องซุบซิบนินทาไม่พอใจเสี้ยเมิ่งเหยาอยู่มากมาย
หลินเย่น ก็แค่เป็นคนขุดประเด็นเท่านั้นเอง
ไม่มีหลินเย่น ไม่ช้าเร็วคนพวกนี้ยังไงก็จะสร้างเรื่องใส่ร้ายอยู่ดี
ดังนั้น เขาต้องใช้โอกาสนี้ จัดการเรื่องทุเรศพวกนี้ช่วยให้เสี้ยเมิ่งเหยากลับมาบริสุทธิ์ให้ได้
“ได้สิ พี่เฟิง” หลี่เล่อพยักหน้าให้อย่างแข็งขัน เฉินเฟิงแสดงท่าทีจะออกหน้าแทนเสี้ยเมิ่งเหยา ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าเฉินเฟิงจะใช้วิธีไหนก็ตาม ไม่ว่าเฉินเฟิงมีคำสั่งอะไรลงมา เขาก็จะตามเช่นนั้น สำหรับเฉินเฟิงแล้ว เขาสามารถปิดตาทำตามคำสั่งได้ด้วยความเชื่อมั่น
ในเวลานี้เอง เสี้ยเมิ่งเหยาก็รู้วิธีของหลินเย่นทันที
แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรออกมา
หลินหลันอยู่นั่งมองอยู่ข้างๆ กลับเดือดดาลจนกระทืบเท้าไปมา “โมโหจะตายแล้ว โมโหจะบ้าตายแล้วเนี่ย!”
“ทำเกินไปจริงๆ!”
หลินหลันกลัวที่สุดก็คือการที่เสี้ยเมิ่งเหยาเคยมีความสัมพันธ์ระหว่างเฉินเฟิง แต่ยังไงแล้ว กลัวอะไรมักจะได้สิ่งนั้น ตอนนี้ทุกคนในบริษัทต่างรู้เรื่อง ว่าเสี้ยเมิ่งเหย่าหย่าแล้ว แถมอดีตสามนั้นเป็นลูกเขยที่เข้ามาเกาะที่บ้านกิน
“ไม่ได้ ฉันจะไปหามัน!” หลินหลันตัดสินใจว่าจะไม่นิ่งดูดายไม่ทำอะไร เธอไม่สามารถปล่อยผ่าน มันไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงจุดยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้แต่กลับมาถูกหลินเย่นทำลายไม่เหลือซาก
“ไปทำอะไรเธอ?” เสี้ยเมิ่งเหยามองหลินหลันอยู่แวบหนึ่ง
หลินหลันหยุดเท้าทันที เพราะว่าไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ “ไปเรียกร้องความยุติธรรมไง ไปเรียกร้องความจริงนะสิ”
“ความจริงอะไร? ฉันไม่ได้หย่าเหรอ?” เสี้ยเมิ่งเหยาตอกกลับอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าการที่หลินเย่นจะถ่ายเอกสารแล้วข้อความที่อยู่บนนั้นเป็นการใส่ร้ายป้ายสีเธอทั้งสิ้น แต่ว่าเรื่องที่เธอหย่าร้าง มันเป็นความจริง
“ไม่ใช่ นี่แม่ลูกสาว แกหย่าร้าง มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเอามาโพนทะนาให้คนที่บริษัทรู้นี่”
“ทำไมไม่สามารถให้พวกเขารู้ล่ะ?” น้ำเสียงของเสี้ยเมิ่งเหยายังคงเย็นชาเช่นเดิม “แม่คิดว่าการหย่าร้างมันน่าอับอายมากเลยเหรอ?”
น้ำเสียงหลินหลันสะอึกทันที จนค้างเติ่ง
“ไม่จำเป็นต้องไปหาเขาหรอก ไปหาเธอก็ไม่มีทางเรียกความยุติธรรมกลับคืนมาได้อยู่ดี” เสี้ยเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้น ในเวลานั้นเอง หลินเย่นน่าจะรอให้หลินหลันไปหาเธอ จากนั้นก็ใช้วิธีข่มขู่ เพื่อที่ให้ถางรั่วเสวี่ยนเข้ามาทำงานในคางเหม่ย ด้วยตำแหน่งรองประธานบริษัท
“แต่ว่า ไม่ไปหาเธอ คนในบริษัทพูดมั่วไปเรื่อยจะทำยังไง?” หลินหลันเอ่ยถามอย่างกังวล
“ก็ให้พวกเขาพูดไปสิ!” สีหน้าเสี้ยเมิ่งเหยายังคงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย ถ้าหลินเย่นคิดว่าการใช้คำนินทาแล้วจะทำให้เธอยอมอ่อนข้อให้ งั้นเธอก็พูดได้เพียง หลินเย่นนี่ช่างไร้เดียงสาเสียจริง
ก่อนหน้าที่จะเข้ามาทำงานในบริษัทคางเหม่ยกรุ๊ป เธอได้เตรียมใจเอาไว้เรื่องที่ต้องโดนติฉินนินทาอยู่แล้ว ตอนนี้ หลินเย่นก็แค่เอาคำติฉินนินทาเหล่านั้นมาก่อนเวลาเท่านั้นเอง
ด้านในวิลล่าที่มีวิวทิวทัศน์น้ำใสสะอาดดอกไม้นานาพันธุ์งดงามดั่งภาพถ่าย สองแม่ลูกหลินเย่นกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน
ถางรั่วเสวี่ยนอดกลั้นความโกรธไว้ไม่ไหว เธอเริ่มพูดแบบอารมณ์ไม่ดี “แม่ แม่ว่าอีนางนั่นมันจะมาหาพวกเราไหม?”
“มาสิ ลูกสาว แกวางใจได้เลย ถ้าอีนางนั่นไม่มาหาพวกเรา ชื่อเสียงของมันก็จะฉาวโฉ่เหม็นคลุ้งไปทั่วแล้ว” ถึงแม้ว่าปากของหลินเย่นจะพูดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ในใจยังคงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ เพราะว่าเธอดูเสี้ยเมิ่งเหยาไม่ออกเลย
เสี้ยเมิ่งเหยาในตอนนี้ กับเสี้ยเมิ่งเหยาแต่ก่อน เหมือนคนละคน ดังนั้นเธอไม่รู้ได้ชัด ว่าเสี้ยเมิ่งเหยาจะตัดสินใจอย่างไร
“แม่ หรือว่าเราจะลองถอยดูสักก้าว ให้อีนางนั่นมันเอาแค่ตำแหน่งหัวหน้าแผนกให้เรา...”
“ไม่ได้ ถอยไม่ได้! เราต้องให้อีนางนั่นมันให้แกนั่งตำแหน่งรองประธานบริษัท มีแค่ตำแหน่งรองประธานบริษัทเท่านั้นแหละที่คู่ควรกับแก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...