บทที่ 675 ใครจะลงมือก่อน
ไม่เพียงแค่พวกเขาเท่านั้น แม้แต่ก่วนหนานเทียนและอู่จื่อโจวซึ่งเป็นบุคคลที่รู้ถึงศักยภาพของเฉินเฟิงดีก็แอบพยักหน้า
หวังอีเตาเองก็เห็นภาพนี้ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย ความสงบมั่นคงแบบนี้นั้นหาได้ยากจริงๆ ทว่าเมื่อนึกถึงศักยภาพของลูกศิษย์ตัวเองเขาก็เบาใจ
เขาคิดว่าความสามารถคือสัญลักษณ์ของผู้แข็งแกร่ง เมื่อต้องเผชิญกับคนที่มีความสามารถที่แท้จริงเทคนิคทั้งหลายก็ไร้ประโยชน์
เย่หนานเทียนก็เห็นภาพนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกาย แววตาปรากฏความคาดหวัง
ถึงแม้เขาจะเป็นศิษย์พี่ของเฉินเฟิง ทว่าก็ไม่ได้ประชันฝีมือกับเฉินเฟิงมานานมากแล้วจึงไม่รู้ว่าความสามารถของเฉินเฟิงไปถึงขั้นไหนแล้ว พูดตามความจริงเขาไม่มั่นใจในตัวเฉินเฟิงนัก
ทว่าดูจากสีหน้าของเฉินเฟิงในตอนนี้ทำให้เย่หนานเทียนเกิดประกายไฟแห่งความหวังขึ้นมา มองดูเฉินเฟิงเดินเข้าไปหาอู่จื่อโจวทีละก้าวๆ
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน เฉินเฟิงที่ค่อยๆก้าวไปหาอู่จื่อโจวทีละก้าวยังคงมีสีหน้ามั่นคงดังเดิม จิตใจสงบนิ่ง ซึ่งความมั่นคงแบบนี้พบเห็นได้น้อยมากบนตัวของเยาวชน เรียกได้ว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งในขั้นหั้วจิ้งชั้นสุดเท่านั้นที่จะมีจิตใจสงบดุจสายน้ำเช่นนี้
ดูเหมือนเฉินเฟิงสงบนิ่งไม่มีคลื่น ทว่าแท้จริงแล้วเขากำลังควบคุมพลังภายในให้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ภายใต้การเชื่อมโยงพลังทำให้จับจุดอะไรไม่ได้ดูลึกลับเป็นอย่างมาก
ชั่วอึดใจ เฉินเฟิงอยู่ห่างจากอู่จื่อโจวไม่ถึงสิบห้าเมตร ระยะทางเท่านี้อันตรายมากสำหรับจอมยุทธ์ขั้นหั้วจิ้ง เนื่องจากระยะทางเท่านี้สามารถเข้าประชิดตัวได้ในพริบตา
ระยะทางเท่านี้คือระยะทางที่ศีลสาม จียุ่นและเทียนอิงที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้เลือกที่จะลงมือ
ทว่านั่นคือพวกเขา ไม่ใช่เฉินเฟิง
เฉินเฟิงยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ สามเมตร ห้าเมตร
เกิดอะไรขึ้น?
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของทุกคนจนทำให้พวกเขาชะงักไป ทว่าผู้แข็งแกร่งในขั้นหั้วจิ้งอย่างปรมาจารย์ฟางเจิ้ง ชางโป๋ เย่หนานเทียนรวมถึงหวังอีเตาพอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร
เขากำลังรอ รอโอกาสที่เหมาะสม
เฉินเฟิงยังคงยึดมั่น ศัตรูไม่เคลื่อนไหว เราไม่เคลื่อนไหว
ทุกคนวิเคราะห์การกระทำของเฉินเฟิง จนได้สมมติฐานคร่าวๆ ยิ่งเป็นแบบนี้พวกเขายิ่งประหลาดใจ
ต้องรู้ว่ากลยุทธ์แบบนี้โดยทั่วไปจะพบเห็นเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความสามารถสูสีกันเท่านั้นจึงจะใช้วิธีนี้เพื่อจับจุดและคาดเดาการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ทว่าหากความสามารถของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมาก เช่นนั้นผลลัพธ์จะมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตาย ผู้ที่ด้อยกว่าจะถูกฆ่าโดยผู้ที่แกร่งกว่า
“หรือเขาคิดว่าความสามารถของเขาสูสีกับปรมาจารย์อู่?” ความคิดนี้ปรากฏขึ้นในใจของทุกคนทว่าก็ถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
“หึ มันคงรู้ว่าปรมาจารย์อู่ไม่มีทางลงมือกับผู้น้อยอย่างมันก่อน มันถึงเลือกใช้วิธีนี้เพื่อทำให้ตัวเองดูเก่ง เห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่สิ้นคิดมาก อีกทั้งการทำแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้คนดูถูกเท่านั้น ยิ่งทำให้คนอื่นเกิดความขยะแขยง!” มีหลายคนที่คิดว่าเฉินเฟิงไม่อาจเทียบปรมาจารย์อู่ได้ ส่วนฉู่เหอนั้นเอ่ยวาจาดูถูกออกมาโดยตรง
คนรอบข้างไม่ได้มีอิทธิพลอะไรกับเฉินเฟิง เขายังคงก้าวเดินต่อจนตอนนี้มีระยะห่างกับอู่จื่อโจวไม่ถึงสี่เมตรแล้ว
ในขณะนี้อู่จื่อโจวเกิดความกระวนกระวายใจซึ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพียงน้อยครั้ง
ถึงแม้ความกระวนกระวายใจนี้จะมีเพียงเสี้ยวหนึ่ง ทว่าเมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้ใจเขากระตุกครั้งหนึ่ง ความสามารถของเขาสูงกว่าเฉินเฟิงมาก ทว่าคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความกระวนกระวายใจในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตามอู่จื่อโจวก็เป็นผู้แข็งแกร่ง เป็นจอมยุทธ์ที่จิตใจมั่นคง ความกระวนกระวายที่เกิดขึ้นจึงสลายไปในพริบตา พลังภายในพลุ่งพล่าน ค่อยๆจับจุดของเฉินเฟิงและรอให้อีกฝ่ายลงมือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...