บทที่ 708 ธิดาเทพแห่งพรรคคูเรีย
“ศีลสาม นายมาจากพระพุทธศาสนา นายรู้จักเติ้งนีจากอินเดียคนนั้นไหม? เล่าให้ฟังหน่อย!”
เมื่อรู้สึกหดหู่จียุ่นจึงหันไปถามศีลสามที่อยู่ด้านข้าง
“เรื่องนี้หรือ!” ศีลสามเอ่ยยิ้มๆ “เติ้งนีคนนี้ชื่อเสียงโด่งดังมากในพระพุทธศาสนา ความสามารถของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเฉินเฟิงเลย อีกทั้งเขายังเป็นจอมยุทธ์บ้าคลั่ง ด้านการฝึกฝนการต่อสู้อยู่ในขั้นที่เรียกว่าหมกมุ่น ฉันขอแนะนำนายว่าเมื่อขึ้นเวทีรีบยอมแพ้ซะจะได้ลดการบาดเจ็บทางร่างกายให้น้อยหน่อย!”
เมื่อได้ฟังที่ศีลสามพูดจียุ่นก็รู้สึกหดหู่มากกว่าเดิม เขาคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะซวยขนาดนี้ สำหรับคำแนะนำจากศีลสามเขาไม่มีข้อสงสัยเลยแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่พูดศีลสามก็ยื่นมือไปหยิบลูกบอลออกมาลูกหนึ่ง ด้านบนมีหมายเลขสี่สิบสี่เขียนไว้ เขาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่สิบห้า นี่เขาได้อยู่กลุ่มเดียวกับหงอี้หรือนี่
“อืม ดูแล้วฉันยังถือว่าดวงดีไม่น้อยที่ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเฉินเฟิง แต่ว่ากลุ่มนี้มีคนจากประเทศหวาอยู่คนหนึ่ง!”
ด้านหงอี้ หลังจากเขาจับสลากเรียบร้อยแล้วเขายังไม่ได้จากไปแต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่จอขนาดใหญ่ เมื่อหมายเลขของศีลสามปรากฏขึ้นเขาจึงแสยะยิ้มแล้วกวาดสายตาลงไปมองผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง
ท่ามกลางผู้คนมากมาย เขาเห็นหงเทียนป้าอาจารย์ของตน จากนั้นเขาก็พยักหน้าเบาๆครั้งหนึ่งราวกับสื่อความหมายว่าเขาจะทำให้จอมยุทธ์จากประเทศหวาคนนี้พ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคน เพื่อลบล้างความอัปยศของผู้เป็นอาจารย์
หงเทียนป้าที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชมก็เห็นหมายเลขบนหน้าจอ และก็เห็นหงอี้ลูกศิษย์ตัวเองด้วย
หงเทียนป้าเผยรอยยิ้มเยือกเย็นราวกับกำลังตอบรับลูกศิษย์ตัวเอง การที่ได้ประชันกับจอมยุทธ์ของประเทศหวาตั้งแต่รอบแรกถือเป็นผลลัพธ์ที่ไม่เลวเลย
เฉินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางผู้คนก็เห็นผลลัพธ์นี้เช่นกัน ทว่าเขาไม่ห่วงเพราะศีลสามไม่ได้ใส่ใจชื่อเสียงพวกนี้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าความสามารถของหงอี้จะไม่เลวแต่ศีลสามก็ไม่ได้ด้อยขนาดนั้น ขอเพียงไม่ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสก็คงไม่เป็นอะไร
เฉินเฟิงครุ่นคิดในใจ “หงอี้ จั่วจู้ อาเธอร์และรอน หากคนกลุ่มนี้ผ่านเข้ารอบอย่างราบรื่น เช่นนั้นก็จะกลายเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน แต่ฉันก็หวังว่าวิลเลียมคนนั้นจะผ่านเข้ารอบ เช่นนั้นฉันจะได้ฆ่ามันด้วยตัวเองเพื่อแก้แค้นให้กับศิษย์พี่ที่สูญเสียขาทั้งสองข้าง”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เฉินเฟิงก็อดที่จะกำหมัดแน่นไม่ได้จนรังสีอาฆาตแผ่ซ่านออกมา เขาต้องจัดการมันให้ได้
การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก เวทีแห่งนี้คือสถานที่ที่ชื่อเสียงของเขาจะโด่งดังไปทั่วโลก เขาจะต้องจัดการศัตรูทั้งหมดให้ราบคาบ จากนั้นก็ก้าวข้ามศพของพวกมันและกลายเป็นผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาวชนของโลกอย่างแท้จริง
การจับสลากเสร็จสิ้นลงแล้ว ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยตามหมายเลข การแข่งขันกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ประธานบนเวทีคือพระสันตะปาปาแห่งวาติกันและยังมีผู้อาวุโสระดับโลกอีกหลายท่านที่นั่งอยู่บนเวทีเพื่อรอชมการแข่งขันอย่างตั้งใจ
จากนั้นผู้เข้าแข่งขัน หัวหน้าทีมและพนักงานของแต่ละประเทศล้วนออกจากสนามแล้วมุ่งไปยังที่นั่งสำหรับผู้ชมหรือไม่ก็ไปยังคริสตจักรกวงหมิงเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน
ตามกติกาที่ตั้งขึ้นมา สามวันแรกจะเป็นการแข่งขันของกลุ่มเล็ก ทุกกลุ่มเล็กจะต้องแข่งสองรอบต่อวันจากนั้นผู้ชนะก็จะเข้ารอบต่อไปเพื่อแข่งต่อ
ทางด้านประเทศหวา เฉินเฟิงคือหนึ่งในสิบหกผู้แข็งแกร่ง
เทียนอิงอยู่กลุ่มที่สิบสอง คู่แข่งของเขาคือปาข่าเกอ ราชาแห่งรุ่นเยาวชนจากอียิปต์
ศีลสามอยู่กลุ่มที่สิบห้า คู่แข่งของเขาคือหงอี้ทายาทสายตรงของหงเทียนป้า
ส่วนจียุ่นอยู่กลุ่มที่ห้า กลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกๆที่จะได้แข่ง คู่แข่งของเขาคือเติ้งนีทายาทพระพุทธศาสนาจากอินเดีย
อีกทั้งในรอบแรกเป็นการแข่งขันระหว่างเขาและเติ้งนี เรียกได้ว่าเป็นสีสันของการเปิดการแข่งขันในครั้งนี้เลยก็ว่าได้
“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เราจะไปคริสตจักรหรือไปตรงที่นั่งสำหรับผู้ชม?”
เฉินเฟิง เทียนอิง จียุ่นและศีลสามเดินอยู่ด้วยกัน และศีลสามคือคนที่เอ่ยถามขึ้นมา
“อยู่ดูการแข่งขันดีกว่า การแข่งขันอาจทำให้เราได้ประสบการณ์มากขึ้น ศึกษาผู้แข็งแกร่งจากประเทศอื่นจะเป็นประโยชน์กับพวกเรามาก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...