เจี่ยว่างเหามีอายุเกือบจะครึ่งร้อยอยู่แล้วแต่กลับมีพลังความสามารถแค่ในระดับหั้วจิ้งชั้นต้น ถึงขนาดว่าในอนาคตลูกชายของเขาอาจจะแซงหน้าเขาก็เป็นไปได้
แต่ที่ฝึกฝนการต่อสู้ก็แค่สามารถนำไปใช้ป้องกันตัวได้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนชื่อเสียงเรียงนามของเขาที่ว่าเป็นกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นจะต้องพูดถึงในมุมที่เขาควบคุมเศรษฐกิจทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือเกือบจะทั้งหมด
ตั้งแต่ทรัพยากรไปจนถึงการดำรงชีวิต การศึกษาไปจนถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในทุก ๆ ด้านและทุก ๆ ประเภท โดยที่ในกรอบโครงสร้างของอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแต่ไหนแต่ไรไม่เคยปราศจากเงาของเจี่ยว่างเหาเลย
หลังจากหมดยุคเวลาของการลงทุนเพื่อขยายอุตสาหกรรมแล้ว เจี่ยว่างเหาเริ่มที่จะแสวงหาโอกาสการร่วมทุนการเงินในอนาคต โดยเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบปี ทรัพย์สินก็เพิ่มพูนขึ้นเกือบที่จะขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งเอเชียแล้ว
เงินของเขาอยู่ในตลาดหุ้นและในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่ว่าในที่แห่งใดที่เงินสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นมาได้ เขาก็ไปทดลองดูทั้งนั้น
ดังนั้นการเริ่มต้นก่อร่างสร้างตัวขึ้นจากศูนย์ โดยใช้เวลายี่สิบสามสิบปี เขาก็สามารถที่จะก่อตั้งอาณาจักรของตนเองได้แล้ว
โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขาก็คือ “กษัตริย์” ตัวจริงเสียงจริงที่เหมาะสมผู้นั้น
แต่ต่อให้มาอยู่บนสถานะตำแหน่งที่สูงศักดิ์แล้ว เขาก็ยังคงวางตัวเรียบง่ายธรรมดา อย่างน้อยเขาก็เพียงแค่พัฒนาขยายความรุ่งเรืองในพื้นที่ภาคตะวันออกแห่งนี้ โดยไม่เคยคิดที่จะยื่นมือก้าวก่ายออกไปจากสถานที่แห่งนี้
เพราะเขาทราบดีว่าโลกใบนี้เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือโลกหล้าย่อมมีคนที่เก่งกว่า
แต่กลับมีบางคนที่ไม่ได้คิดเช่นนี้ ซึ่งเจี่ยตงอาจจะเป็นหนึ่งคนในนั้น แต่ก็คงไม่ใช่เพียงคนเดียว
เจี่ยว่างเหามีน้องชายลูกผู้น้องคนหนึ่ง ชื่อว่าเจี่ยว่างเล่ ตอนนี้เขาก็เป็นผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินจำนวนมากคนหนึ่งในตระกูลเจี่ยเช่นกัน โดยใครคนหนึ่งในตระกูลได้ดี ญาติพี่น้องก็พลอยได้ดีตามไปด้วย ซึ่งเจี่ยว่างเล่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีปัญญาความสามารถอะไร แต่เขาก็สามารถที่จะครอบครองทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากที่คนอื่นทั่วไปไม่มีทางที่จะแสวงหามาได้ตลอดชีวิต
แต่เขากลับยังไม่พอเพียง
ภายในห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลเจี่ย
ทุกคนของตระกูลเจี่ยที่เพิ่งกราบไหว้บรรพบุรุษเสร็จและกำลังเตรียมที่จะแยกย้าย เจี่ยตงได้ถูกลุงลูกผู้น้องเรียกตัวเอาไว้
ทั้งสองคนมาอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถง เจี่ยว่างเล่พูดขึ้นว่า
“ได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้นายไปที่ยันเจียง ได้เรื่องได้ราวอะไรมาบ้างล่ะ? ”
เจี่ยตงมองไปที่เจี่ยว่างเล่ด้วยท่าทางที่สงสัย เขาไม่ทราบว่าทำไมลุงลูกผู้น้องคนนี้ถึงได้ทราบการเดินทางไปไหนมาไหนของตนเอง แต่ก็ยังคงตอบกลับตามความจริงว่า
“ก็แค่ได้ไปรู้จักกับเพื่อนใหม่ไม่กี่คน! ”
“คุณชายของตระกูลเฉินใช่ไหม? ”
เจี่ยตงตกตะลึงมากยิ่งขึ้น ทำไมถึงขนาดว่าไปรู้จักกับใครก็ยังทราบอีกด้วย
“ในเมื่อลุงลูกผู้น้องก็ทราบอยู่แล้ว ยังจะต้องมาถามข้าอีกทำไมล่ะ? ”
เจี่ยว่างเล่ยิ้มและพูดขึ้นว่า
“ข้าเองก็ไม่ได้อยากที่จะเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนายหรอก แต่มีบางเรื่องที่พูดคุยกับพ่อของนายไม่ได้ โดยคิดไม่ถึงว่านายกลับมีความตั้งใจ ดังนั้นข้าจึงให้ความสนใจนายมากขึ้นก็เท่านั้น”
“คุณลุง หมายความว่าอย่างไร? ”
“แน่นอนว่าต้องการที่จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเจี่ยแผ่ขยายออกไปมากขึ้น ไม่ว่าอย่างไรภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็เป็นเพียงแค่ดินแดนตอนใน หากไม่มีแนวแถบชายฝั่งทะเล แม้แต่โลกใบนี้ก็คงจะไม่สมบูรณ์”
เจี่ยตงเข้าใจในความหมายและพูดตอบไปว่า
“ลุงลูกผู้น้องก้าวหน้าพัฒนาไปตามกาลเวลาจริง ๆ โดยในยุคสมัยนี้เปรียบได้ว่าหากไม่มีการพัฒนาก้าวหน้าก็จะเป็นการก้าวถอยหลัง ซึ่งหากยังยึดติดอยู่กับธุรกิจเดิม ๆ ของตน อีกไม่นานก็คงจะถูกคนอื่นควบรวมเอาได้โดยง่าย”
เจี่ยว่างเล่กำลังคิดที่จะพูดอะไรเพิ่มเติม แต่พอดีมีคนอื่นเดินเข้ามา เจี่ยว่างเล่จึงได้หยุดลง โดยเขาได้พูดกับเจี่ยตงว่า
“ครั้งหน้าข้าจะนัดคุยรายละเอียดกับนายอีกครั้ง และจะแนะนำพวกเพื่อน ๆ ให้นายได้รู้จัก”
โดยที่พวกเพื่อน ๆ เหล่านี้ก็รวมไปถึงหนุ่มน้อยกับวัยรุ่นสองคนนั้นด้วย
ห้องวีไอพีขนาดใหญ่ที่สุดในโรงแรมที่หรูหราที่สุดแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจี่ยว่างเล่กำลังถือแก้วเหล้า เพื่อคารวะเหล้ากับเพื่อนเจ็ดแปดคนรอบข้าง
“วันนี้ทุกท่านได้ให้เกียรติข้าเจี่ยว่างเล่ ข้ารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ข้าขอคารวะทุกท่านหนึ่งแก้ว”
เมื่อเขาดื่มหมด พวกคนอื่น ๆ ก็รีบยกเหล้าดื่มตามทันที
โดยผู้ที่สามารถมานั่งอยู่ที่นี่ได้นั้นต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ต่างก็เป็นกลุ่มคนที่เจี่ยว่างเล่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
พวกเขาเหล่านั้นมีทั้งข้าราชการระดับสูง วงศ์ตระกูลบูโด นักธุรกิจใหญ่ แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างก็เป็นผู้นำในแต่ละขอบเขตสาขาของพวกเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...