มองแวบหนึ่ง เฉินเฟิงยังจำฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่ไม่นานก็นึกถึงเด็กน้อยที่สกปรกมอมแมมคนนั้นขึ้น
เธอค่อนข้างเขินอาย ไม่กล้าที่จะไปดูเฉินเฟิง
หลบอยู่ด้านหลังของโต๊ะซึ่งกล้าเพียงแค่แอบมอง เฉินเฟิงก็ยิ้มให้กับเธอ
แข็งทื่ออยู่ประมาณหนึ่งนาที สาวน้อยถึงกล้าที่จะลองเดินออกมา
เห็นว่าเฉินเฟิงเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไรแล้ว มือเล็ก ๆ สองข้างของเธอก็วางไปบนขอบอ่าง จ้องมองร่างกายของเฉินเฟิงที่กำลังแช่อยู่ในอ่างยา
“หนูไม่กลัวฉันแล้วเหรอ? ”
เฉินเฟิงกระซิบถามขึ้น
แต่สาวน้อยก็คงยังไม่พูดไม่จา ได้แต่มองดูอยู่ช่วงหนึ่ง เหมือนกับว่ามองดูอะไรไม่ออก ก็ไม่มองแล้ว
“คุณมาดูเขาเหรอ? ”
เวลานี้ เสียงของชิงจือดังมาจากด้านข้างประตู
สาวน้อยเหมือนกับกระต่ายน้อยที่ตกใจ แอบหลบไปอยู่ด้านหลังอ่างยาของเฉินเฟิง ไม่กล้าที่จะมองชิงจือ
“คุณยังคงไม่กล้าที่จะพบเจอฉัน ตกลงเป็นเพราะอะไรกันแน่? ”
เธอเหมือนกำลังถามเด็กน้อยคนนี้ แต่เฉินเฟิงไม่เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร
“ช่างมันเถอะ ฉันก็จะไม่บีบบังคับคุณอีก แต่คุณห้ามที่จะหนีจากฉันไปไหนอีก เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
เมื่อเธอพูดจบ ก็นำตะกร้ายาสมุนไพรมาวางลงที่มุมห้อง และเริ่มคัดสรรสมุนไพรที่เพิ่งเด็ดกลับมา
มองไปที่ด้านหลังของชิงจือ ก็เหมือนกับว่าเป็นลูกสาวของชาวป่าชาวเขา โดยภูเขาและน้ำจากธรรมชาติได้หล่อเลี้ยงให้เธอเติบโต ทำให้มีกลิ่นอายที่พิเศษของภูเขาและน้ำจากธรรมชาติ
แต่เฉินเฟิงกลับไม่สามารถที่จะคิดในลักษณะเช่นนี้ได้ ความเก่งกาจในวิชาต่อสู้ของชิงจือนั้นคงจะไม่ใช่หญิงสาวที่เก็บตัวอยู่ในป่าในเขาสามารถจะมีได้อย่างแน่นอน และเฉินเฟิงยังจำได้ว่าตอนที่เห็นเธอนั้น เธออยู่ในชุดกระโปรงงานราตรีที่งดงาม
สถานะของเธออาจจะเป็นไปได้ว่าเป็นธิดาของตระกูลที่ลึกลับตระกูลหนึ่ง
นี่คือสิ่งที่เฉินเฟิงคาดเดาเกี่ยวกับชิงจือ แต่ในส่วนของสาวน้อยที่แอบหลบอยู่ด้านหลังของเขานั้น จนถึงตอนนี้เฉินเฟิงก็ยังคงไม่ทราบว่าทำไมชิงจือถึงได้พูดคุยกับเธอแบบนั้น
หรือว่าสาวน้อยจะไม่ได้มีอายุตามลักษณะภายนอกของเธอที่ปรากฏ เป็นเพราะป่วยเป็นโรคอะไร จึงทำให้ความจำเสื่อม
เหมือนกับว่าจะจำทุกอย่างไม่ได้
เฉินเฟิงลุกออกมาจากอ่างยาในตอนกลางคืนของวันที่สามหลังจากที่แช่ยา โดยชิงจือยืนอยู่ด้านข้างของเขา
เฉินเฟิงมีอาการเขินอายบ้างเล็กน้อย เพราะตอนที่เขานั่งแช่อยู่ในอ่างยา ร่างกายเปลือยเปล่า เมื่อยืนขึ้นมาก็ถูกชิงจือมองเห็น
ดังนั้นเขาจึงมีท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์
“คุณยังจะมัวชักช้าอะไรอยู่ล่ะ เสื้อผ้าบนร่างกายของคุณก็คือฉันที่เป็นคนถอดให้ ยังมีอะไรที่ฉันยังมองไม่เห็นอีก ตอนนี้ยืนขึ้นมา ให้ฉันดูหน่อยว่าร่างกายของคุณได้ซึมซับพวกยาเหล่านั้นเข้าไปแล้วหรือยัง”
เฉินเฟิงทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วยืนขึ้นด้วยความจำยอม ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว เคยเห็นแล้วก็เห็นไปเถอะ
แม้ว่าชิงจือจะพูดออกมาแบบนั้น แต่หลังจากที่เฉินเฟิงลุกขึ้นยืนแล้ว เธอก็ยังคงเขินอายจน หน้าแดง
ของเหลวที่อยู่ในอ่างยาตอนนี้ไม่ค่อยมีกลิ่นฉุนมากเท่าไหร่แล้ว สิ่งของภายในนั้นไม่ใช่ซึมซับเข้าสู่ร่างกายเฉินเฟิงก็คงจะตกตะกอนลงไปอยู่ที่ก้นอ่าง ชิงจือใช้กระบวนตักขึ้นมา วางไว้ที่เบื้องหน้าจมูกเพื่อดมกลิ่นและพูดขึ้นว่า
“ถ้าหากว่าต่อไปคุณต้องการจะใช้มันอีก สามารถที่จะลดจำนวนยาลงบ้างเล็กน้อย แน่นอนว่า ฉันก็แค่พูดบอกไปอย่างนี้ ดีที่สุดคือคุณไม่ควรที่จะไปทดลองใช้ เพราะมันจะมีแต่โทษสำหรับคุณ”
เฉินเฟิงซาบซึ้งใจมากกับผู้หญิงที่เพิ่งพบเจอกันในครั้งแรก แต่ใจก็ยังคงมีคำถามอยู่โดยตลอด เขาคิดไปคิดมาจึงได้ถามขึ้น
“ทำไมคุณถึงต้องช่วยฉันด้วยล่ะ? ”
ชิงจือตกใจขึ้นเล็กน้อย หยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ แล้วมองไปที่เฉินเฟิง
“คุณให้อาหารและน้ำกับเธอ นี่ก็เพียงพอที่ฉันจะช่วยเหลือคุณแล้ว”
เฉินเฟิงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ ทางชิงจือก็พูดขึ้นอีกว่า
“ตอนนี้คุณหายเป็นปกติแล้ว คุณก็คงไม่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแล้ว คืนนี้คุณก็กลับไปเถอะ”
เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา ถึงขนาดไม่ได้คิดที่จะเตรียมให้เฉินเฟิงพักอยู่ที่นี่ต่ออีกสักคืนหนึ่งเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...