ถ้าเพียงแค่ลองคิด เฉินเฟิงเกรงว่าหากใช้สองวิธีการนี้จริงมันคงจะทำให้เฟิ่งซีสลบลงไปได้ทันทีเลย
ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทำวิธีการไหนถึงจะสามารถดึงดูดเฟิ่งซีได้สติขึ้นมา แต่เฟิ่งซีที่ตอนนี้กำลังจดจ้องไปยังเข็มทองที่กำลังแทงไปยังจุดฝังเข็มนั้น หนังตาของเธอแทบจะปิดเข้าหากันอยู่แล้ว เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมากๆ เพราะเธอใช้การเพ่งสมาธิอย่างต่อเนื่องมาสองชั่วโมงแล้ว
เฉินเฟิงที่หันไปเห็นกรรไกรเล่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เขาก็พลันคิดถึงวิธีการอันโง่เขลาหนึ่งขึ้นมา
จากนั้นเขาก็หยิบกรรไกรขึ้นมาปาดลงไปบนฝ่ามือของตัวเอง จนเกิดแผลขึ้นมา จากนั้นเลือดสดก็ไหลซึมออกมาจากบาดแผลนั้นราวกับว่าเป็นรอยบาดที่ค่อนข้างลึก
เขาลองลิ้มรสดู พลันรู้สึกถึงกลิ่นคาวที่ออกมา แต่นั่นสามารถที่จะใช้กระตุ้นเพื่อให้คนได้สติขึ้นมา
เฉินเฟิงไม่คิดลังเล ก่อนจะยื่นฝ่ามือไปยังริมฝีปากของเฟิ่งซีพร้อมบอกกับเธอ: “คุณลองชิมดู อันนี้อาจจะช่วยให้คุณได้สติขึ้นมาหน่อย ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเฉินเฟิง เฟิ่งซีก็เหมือนจะเชื่อใจเขามาก จึงไม่แม้แต่จะมองเลยก็ลองชิมทันที และคงเป็นเพราะว่าเธอมีอาการขาดน้ำอยู่แล้วจึงทำให้เมื่อได้ลิ้มลองเลือดของเฉินเฟิง เธอจึงดูดเลือดนั้นอย่างต่อเนื่อง และปรากฏว่าความคาวจากเลือดนั้นจะทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง
ในขณะที่เฉินเฟิงรู้สึกเพียงแค่มีอาการคันยุกยิกเล็กน้อย บวกกับอาการเจ็บตรงบริเวณแผลเปิดเมื่อสักครู่นี้ และกลายเป็นความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ
และหลังจากยืดเยื้อมาเกือบหนึ่งนาทีเฟิ่งซีถึงค่อยปล่อยมือเขาลง แต่บาดแผลนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ยอมหายง่ายๆ เพราะเมื่อเฉินเฟิงดึงมือออกไปเลือดกลับยังคงไหลออกมาไม่หยุด
เลือดของเขาหยดลงไปบนพื้น ทว่าก็ไม่ได้มีใครมาสนใจ เฉินเฟิงจึงได้เพียงหยิบเอาผ้าผืนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาผันแผลเพื่อห้ามเลือดเอาไว้
เมื่อสติของเฟิ่งซีเริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้ว่ามุมปากของเธอจะมีคราบเลือดสีแดงเปื้อนอยู่เธอก็ไม่ทันได้ไปสนใจ ก่อนจะกลับไปฝังเข็มอีกครั้ง ตามด้วยอีกสองเข็ม และในที่สุดพลังงานของเธอก็หมดลงพร้อมกับเป็นลมไปในอ้อมแขนของเฉินเฟิงทันที
เฉินเฟิงโอบเธอเอาไว้ ก่อนจะอุ้มเธอไปวางยังเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่อีกด้าน จากนั้นจึงตรวจดูอาการ ตอนนี้เธอดูเหมือนคนที่เหนื่อยล้าจนไม่เหลือเรี่ยวแรงจึงหมดสติไป
สำหรับเรื่องเข็มทองที่อยู่บนตัวของนายท่านเชียนนั้น แน่นอนว่าตกเป็นหน้าที่ของเขาในการดึงเข็มออก เพราะงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะใดๆ แบบนี้ล้วนเป็นหน้าที่ของเฉินเฟิงทั้งนั้น
จากนั้นเฉินเฟิงจึงใช้โอกาสจากเวลาแบบนี้เดินออกไปหน้าประตูตัวคนเดียว
โดยในตอนนี้ที่หน้าประตูก็มีคนยืนอยู่สองคน ซึ่งก็คือเชียนชิวและลูกหลานอีกคนหนึ่งของตระกูลเชียน
เฉินเฟิงที่เห็นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “ใครเป็นคนให้พวกคุณมาอยู่ที่นี่?”
ทั้งสองคนต่างนิ่งอึ้ง เพราะว่าพวกเขารู้สึกว่าครั้งนี้มีบางอย่างผิดปกติจากเดิมถึงได้ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยความร้อนรนแบบนี้ แต่เนื่องจากไม่มีเสียงเรียกเสียทีพวกเขาจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปด้านใน และทำได้เพียงอยู่ตรงนี้อย่างร้อนใจเท่านั้น
แต่ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาของเฉินเฟิงในตอนนี้ ทำให้เด็กหนุ่มอีกคนของตระกูลเชียนเกิดความไม่พอใจเล็กน้อย
“ก็เป็นเพราะว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่พวกคุณก็ยังไม่ยอมออกมาสักที แถมยังไม่มีข่าวคราวอะไรอีกด้วย และต่อให้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านในนั้นกับพวกคุณสองคน ก็ขออย่าได้พานายท่านของเราติดร่างแหไปด้วย เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ พวกคุณคิดว่าจะรับผิดชอบไหวหรือเปล่า”
เฉินเฟิงที่มีความโกรธจากเรื่องของเฟิ่งซีอยู่แล้ว ตอนนี้ดันมาถูกชายหนุ่มคนนี้กระตุ้นเพิ่มเข้าไปอีก จึงทำให้ความอดทนหมดลงทันทีพร้อมกับเดินเข้าไปกระชากคอของอีกฝ่าย
ทางด้านเชียนชิวที่ตอนแรกไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ ตอนที่เห็นว่าเฉินเฟิงเริ่มใช้กำลัง เขาก็ห้ามไว้ไม่ทันเสียแล้ว เขาทำได้เพียงจับสหายตระกูลเดียวกันคนนั้นเอาไว้แล้วกล่าวร้องขอชีวิต : “พี่เฉิน ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ด้วย ปล่อยสหายของผมคนนี้ไปดีกว่านะ”
เฉินเฟิงจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาเดือดดาลเช่นเดียวกัน: “หลีกไป ไม่อย่างนั้นผมจะสั่งสอนคุณไปพร้อมกันด้วยเลย ”
และดูเหมือนว่าอีกฝั่งจะได้ยินเสียงดังจากทางนี้ พวกเขาจึงรีบเดินมาดูทันทีโดยมีเชียนสวนยี่เดินนำหน้า
เมื่อเห็นว่าเฉินเฟิงใช้กำลัง เขาก็รีบเข้าไปห้ามทันที เมื่อเทียบกับเชียนชิวแล้ว เชียนสวนยี่นั้นถือว่าสามารถท้าทายกับกับเฉินเฟิงได้เลย
ซึ่งเมื่อมีคนใช้กำลังด้วย เฉินเฟิงเองจึงปล่อยเด็กหนุ่มตระกูลเชียนคนนี้ออกจากมือไป ก่อนจะหันไปต่อสู้กับเชียนสวนยี่แทน
เชียนสวนยี่ที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงกล่าวถามขึ้นมา : “คุณเฉินเฟิง นี่คุณกำลังทำอะไรกัน?”
เฉินเฟิงตอบกลับอย่างเยือกเย็น: “กูอารมณ์เสีย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...