ทั้งสามคนก็เดินไปตามถนนสายเล็กๆที่เงียบสงบข้างริมทะเลสาบนั้น สายลมจากทะเลสาบพัดผ่านมา นำพาความรู้สึกสดชื่นมาให้ บางครั้งก็ได้ยินเสียงนกที่ไม่รู้จักชื่อร้องขับขานดังเจื้อยแจ้ว ช่างไพเราะเสนาะหูอะไรเช่นนั้น
บริเวณรอบๆก็มีคนเดินผ่านมาบ้างเป็นบางครั้ง ในสถานที่เงียบสงบแห่งนี้ พวกเขาก็ได้ แอบดื่มด่ำกับธรรมชาติไปแล้วครึ่งค่อนวัน
ระหว่างทางนั้น ไป๋ซูก็ยังได้แนะนำอะไรบางอย่าง พูดคุยเรื่องราวที่ตัวเองเคยได้ยินมาบ้าง บางทีก็พูดแซวหยอกล้อไปสองสามคำ แต่สองสาวพี่น้องก็ได้แต่ยิ้มไปตามมารยาท ดูเหมือนรู้สึกไม่ค่อยปกติเพราะยังมีความระแวงอยู่บ้าง
พวกเขาเดินลัดเลาะไปตามริมทางทะเลสาบอยู่สักพักใหญ่ ก็รู้สึกเหนื่อยล้าบ้างแล้ว ไป๋ซู
จึงเสนอให้ไปพักเหนื่อยที่ศาลาริมทางสักครู่หนึ่ง
พี่น้องสองสาวก็เดินตามเขาเข้าไป
ขณะนี้ภายในศาลาก็มีคนนั่งกันอยู่แล้วสามสี่คน พวกเขาเห็นพวกไป๋ซูเดินเข้ามา โดยเฉพาะสังเกตเห็นหลงหลินสองพี่น้องแล้ว ไอ้คนกลุ่มนั้นตาก็ลุกวาวขึ้นมา
ถึงแม้หลงหลินสองพี่น้องถูกจ้องมองจนอึดอัดบ้างก็ตาม แต่ก็ยังคงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งในศาลานั้น
เดิมทีที่คิดว่าจะพักเหนื่อยสักครู่แล้วค่อยจากไป แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามีหนึ่งในจำนวนสามสี่คนนั้นเดินเข้ามา ไอ้หมอนี่ผมยาวประบ่า หน้าตาดูดุร้าย
ดูเหมือนมองไม่เห็นไป๋ซูเลย เดินตรงไปยังพี่น้องสองสาว
“น้องสาว ออกมาเที่ยวเหรอ? สนใจจะไปเที่ยวกับพี่เปล่าล่ะ!”
ยังไม่ทันรอให้หลงหลินพวกเธออ้าปากพูดอะไรเลย ไป๋ซูก็พูดกับชายผมยาวคนนี้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวออกไปให้พ้น!”
ตอนนี้ชายผมยาวก็หันมามองไป๋ซู ชี้นิ้วไปยังไป๋ซูด้วยความดุดัน แล้วพูดกับเขาว่า “ไอ้เด็กเวร ถ้ามึงไม่อยากตายก็รีบไสหัวออกไปไกลๆเลย”
ไป๋ซูก็ไม่พูดมาก ยื่นมือออกไปจับนิ้วมือของเขาไว้แล้วหักบิดไปข้างหลัง คนนั้นก็ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
ชายผมยาวก็ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับนิ้วมือที่บาดเจ็บนั้นไว้ แล้วตะโกนใส่ไป๋ซูว่า “กูจะกระทืบมึงให้ตายคาตีนเลย”
พวกคนกลุ่มที่มาอยู่ด้วยกันนั้น ได้ยืนมองอยู่ข้างๆมาโดยตลอด เมื่อเห็นไป๋ซูเริ่มลงมือแล้ว จึงรีบบุกเข้ามาทันที
หนึ่งในนั้นก็ถามชายผมยาวที่ได้รับบาดเจ็บว่า “เกิดอะไรขึ้นเป็นยังไงบ้าง?”
“ไอ้เด็กเวรนั่นหักนิ้วมือฉัน จัดการมันเลย” ชายผมยาวตะโกนใส่
หลงหลินสองพี่น้องก็ตกใจกลัวเมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ ส่วนไป๋ซูก็มายืนขวางอยู่ตรงด้านหน้าพวกเธอ เพื่อปกป้องพวกเธอไว้ข้างหลัง
ฝ่ายตรงข้ามสามคนนั้นชูกำปั้นขึ้นแล้วชกมายังไป๋ซู แต่ไป๋ซูท่าทางคล่องแคล่วว่องไวมาก คนพวกนั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปถึงตัวของไป๋ซูได้เลย ชกยังทันไม่ครบสองสาม หมัดเลย ก็ถูกไป๋ซูจัดการจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย
เหลือแต่ชายคนที่มือกุมนิ้วมือไว้คนนั้น เขาพูดด้วยสีหน้าแตกตื่นว่า “ไอ้โคตรแม้งเอ๊ย มึงรอกูอยู่ตรงนี่เลย เดี๋ยวกูจะไปตามคนมา”
พูดจบ ก็ไม่สนใจพวกคนที่นอนอยู่บนพื้นจะค่อยๆคลานขึ้นมายังไง ตัวเองก็หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีออกไปคนเดียวตามลำพัง
พวกเพื่อนของเขาที่มาด้วยกันนั้นก็รีบวิ่งตามหลังออกจากศาลานี้ไป
ตอนนี้ไป๋ซูก็หันกลับไปมองสองสาวพี่น้อง ถามอย่างเป็นห่วงว่า “พวกคุณตกใจอะไรหรือเปล่า?”
หลงหลินสองพี่น้องต่างก็ส่ายหัว ถึงแม้ได้ขับไล่พวกคนกลุ่มนั้นไปแล้วก็ตาม แต่ว่าหลงหลินก็ยังกังวลคำพูดของชายผมยาวคนนั้น จึงถามว่า “พวกเขายังจะกลับมาอีกจริงรึเปล่า?”
ไป๋ซูพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนักเลงปลายแถวแบบนี้ เดิมทีก็เป็นพวกเดนมนุษย์อยู่แล้ว ก็ได้แต่ใช้คำพูดรุนแรงไปงั้นแหละ ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรมากหรอก”
มองดูท่าทางไป๋ซูที่ไม่แยแสเช่นนั้น หลงหลินสองพี่น้องก็ค่อยสบายใจขึ้นบ้างแล้ว
ทั้งสามคนก็นั่งพักเหนื่อยอยู่ภายในศาลาที่ไม่มีคนแห่งนี้ไปสักครู่หนึ่ง เห็นว่าได้เวลาพอสมควรแล้ว หลงหลินจึงเสนอว่าควรจะกลับไปได้แล้ว
ถึงแม้ไป๋ซูยังคิดอยากจะอยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธคำพูดของหลงหลิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...