เดิมทีเฟิ่งซีคิดอยากจะบุกเข้าไปด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงสักยกหนึ่ง แต่กลับถูกหลงหลินห้ามเอาไว้ “เขาจะเป็นยังไงนั้นเดิมทีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราอยู่แล้ว พวกเราก็ได้ทำสิ่งที่พวกเราควรจะทำแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
เฟิ่งซียังคงมองอย่างโกรธแค้น แต่ก็เดินตามหลังหลงหลินออกไปด้วยกัน
เฉินเฟิงก็เดินตามหลังพวกเธอไป แต่ว่าร่างกายกลับรู้สึกอ่อนล้ามากยิ่งขึ้น เดินทีร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นอยู่แล้ว ประกอบกับการที่ไปบีบเค้นพลังภายในที่ซ่อนอยู่ออกมาจนหมด เขากลัวว่าถึงเวลานั้นแล้วตัวเองก็จะต้องสลบล้มลงไป
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากที่นี่แล้ว หนำซ้ำยังไม่ทันถึงข้างนอกเลย เฉินเฟิงก็ล้มลงไปอย่างกะทันหัน
ทำให้หลงหลินสองคนพี่น้องตกใจไม่ทันได้ตั้งรับ พวกเธอจึงรีบพุ่งตรงเข้าไปตรวจดูอาการ แต่ว่าไม่ว่าพวกเธอจะตะโกนเรียกอย่างไร เฉินเฟิงก็ได้สลบแน่นิ่งไปแล้ว
ในขณะที่หลงหลินสองคนพี่น้องกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น ก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนเดินจากข้างนอกเข้ามา พวกเขาดูเหมือนจะลงมือกับเฉินเฟิง
หลงหลินรีบเข้าไปขวางตรงหน้าพวกเขา แล้วตะโกนพูดกับสองคนนั้นว่า “พวกแกคิดจะทำอะไร?”
แต่ว่าไอ้สองคนนั้นกลับไม่สนใจหลงหลินแม้แต่นิดเดียว ได้แต่เดินเข้าไปแล้วแบกเฉินเฟิงขึ้นบนหลังไป จากนั้นก็เดินมุ่งตรงออกไปข้างนอก
หลงหลินก็คิดที่จะเข้าไปขวางอีก แต่หนึ่งในคนพวกนั้นก็บอกว่า “พวกเรามาช่วยเขา สภาพเขาตอนนี้ถ้าไม่รีบช่วยละก็ คงต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”
หลงหลินเมื่อครู่ได้ตรวจดูสภาพร่างกายของเฉินเฟิงครั้งหนึ่งแล้ว ก็เป็นอย่างที่เจ้าสองคนนี้พูดจริงๆ ร่างกายของเฉินเฟิงย่ำแย่มากทีเดียว มิหนำซ้ำขาข้างหนึ่งก็ได้ก้าวเข้าไปเหยียบอยู่ในสุดเขตแดนแห่งความตายแล้ว
แต่ว่าไอ้คนแปลกหน้าสองคนนี้ เธอคิดดูแล้ว จึงได้แต่เดินตามหลังพวกเขาไป
เมื่อมาถึงข้างนอก ไป๋ซิงก็ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว เมื่อเห็นหลงหลินก็เดินตามมาด้วย จึงไปหยิบกระเป๋ายาใบหนึ่งลงมาจากรถ แล้วโยนไปให้หลงหลินตรงหน้า
“สภาพเขาตอนนี้ ถ้าคุณช่วยเขาไม่ได้ละก็ งั้นเขาก็คงมีแต่ตายอย่างเดียว”
หลงหลินก็ยังแสดงท่าทีไม่เข้าใจต้นสายปลายเหตุ แต่เธอรู้ว่าสถานการณ์ของเฉินเฟิงตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตแล้ว จึงได้แต่ปล่อยวางความสงสัยทุกอย่างลง รีบช่วยเฉินเฟิงขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง
หลงหลินตะโกนพูดกับเฟิ่งซีว่า “รีบฝังเข็มให้เขาเร็ว”
เฟิ่งซีเดินไปตรงหน้าพวกเขาด้วยความกังวลใจ มองเห็นสภาพของเฉินเฟิงที่นอนอยู่บนพื้นแล้ว อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
หลงหลินตะโกนห้ามไว้ว่า “รีบลงมือเร็วเข้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่แกจะมาโศกเศร้าเสียใจแล้ว”
เฟิ่งซีจึงรีบเปิดกระเป๋ายานั้นออก แล้วหยิบชุดถุงสำหรับใช้ฝังเข็มออกมา ส่วนตอนนี้หลงหลินก็ได้ถอดเสื้อผ้าของเฉินเฟิงออก
รอยบาดแผลเป็นทางที่น่าสะพรึงกลัวบนร่างของเฉินเฟิงนั้นก็ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกสยดสยองทันที เฟิ่งซีตกใจกลัวจนร้องตะโกนออกมา หลงหลินก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆจึงควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไว้ได้
“อย่าเสียสมาธิ” เธอยังปลอบโยนเฟิ่งซีอีกด้วย
เฟิ่งซีควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ แล้วหยิบเข็มทองจากถุงออกมาหนึ่งเล่ม ปักลงไปตรงจุดเทียนฉวนของเฉินเฟิง
ส่วนหลงหลินทางนี้ขณะเดียวกันก็ได้ดึงเข็มออกมา แล้วปักลงไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่าเฟิ่งซีเสียอีก
ทั้งสองคนจึงสลับกันฝังเข็มด้วยความว่องไวเช่นนี้ เข็มที่ใช้ฝังหนึ่งชุดก็ได้ปักกระจายลงไปทั่วร่างของเฉินเฟิงจนหมดแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่เคยรักษานายท่านเชียนนั้น ยังยุ่งยากมากกว่าเสียอีก
ขณะที่ฝังเข็มไปได้ประมาณร้อยกว่าเล่มนั่นเอง ไป๋ซูก็พาลูกน้องเดินออกมาจากประตูทางออก
สิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือเฉินเฟิงที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น ต่อมาก็คือไป๋ซิงที่ยืนจ้องมองเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกเขยมังกร
คือรำคาญพระเอกแนวนี้มากมีเงินรวยแต่ทำตัวติดดินให้คนดูถูกตัวเอง ดูถูกตัวเองก็ไม่เท่าไรเมียตัวเองต้องมาทนโดนดูถูกไปด้วยเพื่อ..ตระกระความคิดนี้มันยังไง ไม่ต้องอวดรวยก็ได้ แค่รู้จักปรับลุคตัวเอง ให้ไม่ดูติดดินเกินไปจนคนอื่นดูถูกแค่นี้ก็ยากเกินไปรึไง ไม่รำคาญพวกโง่วิ่งมาหาเรื่อง ก็ควรนึกถึกว่าพวกโง่จะหาเรื่องเมียตัวเองด้วยสิ...
งง ตั้งแต่ตอน800มาเนี่ยเหมือนคนละเรื่องเลย แค่พระเอกชื่อเด่วกัน จู่ๆพระเอกก้อไปจีบหลินหวั่นชิวซะงั้น ตัวละครเก่าหายหมด มีแต่ตัวละครใหม่ผุดขึ้นมา ต่อสู้กันแบบไมม่มีสาเหตุ...
อ่านมาถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าอ่านไปปวดหัวไป เล่าประวัติพระเอกมาว่าเป็นเด็กที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แม่ตายออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่เล่ามาซะอย่างกับพระเอกเก่ง ฉลาด ทันคน มีความรู้ อ่านแล้วหงุดหงิดใจริงๆ...