ยี่สิบนาทีต่อมา...Rocasander Grand Hotel
อันโตนีโอ้ขับรถเข้ามาจอดหน้าโรงแรมใหญ่พนักงานรีบวิ่งมาโค้งให้คนที่ก้าวออกมาอย่างนอบน้อม พร้อมกับรับกุญแจรถมาถือไว้
‘พระเจ้า! นี่มันโรงแรมโรคาซานเดอร์แกรนด์นี่’ นานามองอย่างตื่นเต้น
“นี่คุณ! จะลงมาได้หรือยัง?” อันโตนีโอ้เปิดประตูรถแล้วก้มลงไปถามสาวเจ้าที่นั่งทำหน้าตื่น ไม่ยอมลงจากรถสักที
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?” นานาเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ก็ทานข้าวไงครับ! เร็วๆ ผมหิวแล้ว!” เขาบอกและส่ายหน้าน้อยๆ
“ฉันจะกลับบ้าน!” นานาเอ่ยเสียงแข็งอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เธออยากจะกลับบ้านอย่างที่สุด ต่อให้อีกใจหนึ่งของเธอนั้นจะเข้าไปนั่งอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้วก็ตาม
“รู้แล้ว! เดี๋ยวจะพาไปส่ง ลงมาทานข้าวด้วยก่อนเร็วคุณไม่หิวหรือไง”
“แต่ฉัน...”
“เร็วๆ สิคุณ พนักงานเขารอจะเอารถไปเก็บอยู่นะ!” เขาเร่งเพราะพนักงานเห็นนานายังไม่ออกจากรถ จึงไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปขับ
“เฮ้อ...รู้แล้วๆ” ‘นี่เธอไม่เคยชนะไอ้บ้านี่เลยสักครั้งเหรอเนี่ย!’ นานากลอกตาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในโรงแรมที่ครั้งหนึ่งเธอเคยใฝ่ฝันว่าจะมาเช็กอินพัก แต่ติดตรงที่ว่าจะต้องเก็บเงินไปเที่ยวกับแพรณารา เลยไม่เคยได้มาสักที
อันโตนีโอ้ดึงเอาแขนของสาวเจ้ามาควงไว้ แล้วพาเดินเข้าไปข้างในโรงแรมทันที นานาหันมองด้วยสีหน้าตึงๆ ที่เขาทำตัวอย่างกับคนรัก ทั้งๆ ที่แทบจะกัดกันทุกครั้งที่เจอหน้า
“สวัสดีค่ะคุณพีเค เชิญทางนี้ได้เลยค่ะ” พนักงานต้อนรับรีบเข้ามาทักทาย เมื่อเห็นมือขวาคนสนิทของออร์แลนโด้เดินผ่านประตูมา เพราะอันโตนีโอ้เพิ่งจะโทร. มาจองโต๊ะไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
“ครับ” อันโตนีโอ้รับคำเบาๆ ก่อนจะพานานาเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้
“ตอนแรกคิดว่าคุณอันโตนีโอ้จะมากับมือขวาคนอื่นๆ ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าวันนี้จะมากับแฟน แบบนี้พนักงานสาวๆ ที่นี่ก็อกหักกันเป็นแถวน่ะสิคะ” โซเฟียหัวหน้าพนักงานต้อนรับเอ่ยแซวอันโตนีโอ้อย่างเป็นกันเอง
“ขอบคุณครับ จริงๆ เธอเป็นคู่หมั้นของผม ชื่อนานา บีเชอร์แลงค์ครับ นานาจ๊ะ นี่คุณโซเฟียหัวหน้าพนักงานต้อนรับของที่นี่จ้ะ” อันโตนีโอ้แนะนำทั้งสอง ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของคู่หมั้นที่วางอยู่บนโต๊ะ
‘โอ๊ยยยย! ไอ้บ้านี่เฮี้ยน หรือเพี้ยนอะไรขึ้นมานะ ถึงได้แนะนำเธอไปแบบนั้น! ดูๆ นี่ยังบังอาจมาลูบไล้หลังมือเธอโชว์คนอื่นอีก เดี๋ยวเถอะ!’ นานาคิดในใจอย่างหวาดระแวง แต่ลึกๆ เธอก็อดใจสั่นไม่ได้กับการกระทำและคำพูดของคู่หมั้น เอ๊ย! คนตรงหน้า!
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณนานา” โซเฟียยิ้มกว้างก่อนจะยื่นมือไปจับทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณโซเฟีย” นานายิ้มรับบางๆ
“ถ้าแต่งเมื่อไหร่ห้ามลืมชวนโซเฟียนะคะ” โซเฟียเอ่ยกับทั้งคู่อีกครั้ง
“รับรองครับว่าไม่ลืมอย่างแน่นอน” อันโตนีโอ้รับคำอย่างอารมณ์ดี
“ยังไงโซเฟียขอตัวก่อนนะคะ คุณอันโตนีโอ้ คุณนานา” โซเฟียเอ่ยขอตัว
พนักงานเริ่มรินไวน์และนำอาหารมาเสิร์ฟ นานารีบดึงมือกลับพร้อมกับจ้องมองอันโตนีโอ้ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจ
“นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือไงฮะ! ถึงได้ไปแนะนำฉันว่าเป็นคู่หมั้น ฉันเสียหายนะรู้ไหม”
“เอาน่า! ผมก็บอกคุณแล้วไง ว่าผมจะรับผิดชอบ นี่ดีนะ! ที่เมื่อกี้ผมไม่บอกเขาไปว่าเราเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วน่ะ” อันโตนีโอ้เอ่ยพลางยักไหล่ไม่สนใจ!
ด้านคนเป็นเมียได้ฟังแล้วถึงกับของขึ้น จะโวยวายก็ไม่ได้เพราะที่นี่ห้องอาหารใหญ่และมีแต่ลูกค้ามีระดับ เธอต้องให้เกียรติสถานที่ นานาท่องในใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระแทกส้นรองเท้าลงบนหลังเท้าของคนที่อ้างตัวเป็นผัวอย่างกลั้นไม่ไหว
“อู้ววว” อันโตนีโอ้ร้องครางในลำคอและกะพริบตาเร็วๆ ไล่น้ำตาที่เอ่อคลอออกมานิดๆ
“หึ!” เธอยิ้มอย่างสะใจที่ได้เอาคืนบ้าง หลังจากที่ทนเก็บกดมานาน
ทั้งสองยุติสงครามชั่วคราว หลังจากที่พนักงานเดินอาหาร (รันเนอร์) นำอาหารมาเสิร์ฟ จนกระทั่งอาหารวางอยู่บนโต๊ะครบ ทั้งคู่ก็ลงมือทานอย่างมีความสุขผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ชายหนุ่มก็คอยตักนั่นนี่ให้สาวเจ้าอย่างเอาใจ
“นานา! นี่คุณจะไม่ลองดื่มไวน์ดูหน่อยเหรอ”
“ไม่!”
“ว้า! เสียดายจัง ขวดนี้ตั้งพันแน่ะ ยังไงคุณก็รอผมหน่อยแล้วกัน ดื่มคนเดียวแบบนี้คงจะช้าหน่อยนะ” อันโตนีโอ้เอ่ยด้วยน้ำเสียงผิดหวังนิดๆ
“อะไรนะ! ไวน์ขวดนี้ตั้งพันปอนด์เชียวเหรอ?” นานาเอ่ยด้วย สีหน้าตื่นๆ
“ก็ใช่น่ะสิ! คุณจะช่วยผมดื่มสักแก้วได้ไหมล่ะนานา” อันโตนีโอ้เอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ราวกับเจอเรื่องหนักอกหนักใจ
“แก้วเดียวนะ” นานาบอกพร้อมกับยกแก้วขึ้นมาสูดกลิ่นดมนิดหนึ่ง ก่อนจะยกขึ้นจิบ
“เป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม!” อันโตนีโอ้แกล้งเอ่ยถาม
“อืม...หอมกลิ่นช็อกโกแลต แล้วก็บลูเบอร์รี่ชัดมากเลย รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อมมาก เมอร์โลใช่ไหม?” เธอคิดในใจ ‘ไวน์แพงมันรสชาติดีแบบนี้นี่เอง’
“คุณรู้ได้ไงว่าเป็นเมอร์โล” อันโตนีโอ้เอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ! ก็รสชาติมันนุ่มนวลมาก ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเมอร์โล”
“ใช่แล้วเมอร์โล ขวดนี้หมักนานถึงสิบปีเป็นไวน์ของโรคาซานเดอร์ พ่อกับแม่คุณกลับจากไทยวันไหน เดี๋ยวผมจะหิ้วไปฝากท่าน ที่ห้องผมมีประมาณสิบขวดแน่ะ” อันโตนีโอ้บอกอีกก่อนจะยกแก้วขึ้นชนแก้วไวน์ของสาวเจ้าเบาๆ
“ไม่จริงอะ!” นานาเอ่ยพร้อมกับทำสีหน้าว่าไม่เชื่อ
“จริง! ผมไม่ชอบโกหก” อันโตนีโอ้ยืนยันเจตนา
“คุณจะไปเจอพ่อกับแม่ของฉันทำไม?” นานาเอ่ยถามอย่างงงๆไอ้เรื่องไวน์น่ะคิดว่าเขาคงจะมีจริงๆ แต่ไม่เข้าใจว่าจะหิ้วไปฝากพ่อกับแม่ของเธอทำไม
“นานา! ทำไมคุณถึงได้เป็นผู้หญิงที่เข้าใจอะไรยากแบบนี้ นี่เราพูดกันกี่ครั้งต่อกี่ครั้งคุณก็จะกลับไปยืนตรงจุดเดิมตลอดเลยใช่ไหม!” อันโตนีโอ้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดขึ้นมานิดๆ
“นายต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง!” นานาสวนกลับทันที
“Cheers!” อันโตนีโอ้ทำมึนไม่สนใจ พร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นชน
“Cheers!” นานายกแก้วชนตอบด้วยอารมณ์กรึ่มๆ
ทั้งสองดื่มไปเถียงกันไป จนกระทั่งไวน์หมดไปสามขวด และล่วงเลยเวลาเที่ยงคืนกว่ามาแบบไม่รู้ตัว ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ ก่อนจะสั่งเช็กบิล ในขณะที่นานานั้นซบอยู่ตรงไหล่ของเขา
โซเฟียเดินมาพร้อมกับบิลค่าอาหาร และกุญแจห้องที่อันโตนีโอ้ ไลน์ไปสั่งเปิดไว้เมื่อครู่ เป็นห้องสวีตขนาดใหญ่ราคาอยู่ที่หลักแสนต่อคืน
อันโตนีโอ้เซ็นสลิปบิลค่าอาหารและเครื่องดื่ม หลังจากส่งบัตรเครดิต ให้พนักงานไป พร้อมกับล้วงทิปจ่ายลงโฟลเดอร์จำนวนหนึ่ง แล้วหยิบกุญแจห้องใส่กระเป๋า ก่อนจะเดินพยุงนานาไปขึ้นลิฟต์ที่พนักงานกดรอ โชคดีที่ในลิฟต์ไม่มีคนอื่น พอประตูลิฟต์เปิดออกแล้ว อันโตนีโอ้ก็เปลี่ยนเป็นอุ้มสาวเจ้าเดินตรงไปยังห้องพัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ