เมื่อทายอาหารเย็นเสร็จใต้เท้าหู้กั๋วกงมองดูท้องฟ้า สีหน้าทะมึนยิ่งขึ้นหลายส่วน “เลยเวลานอนไปแล้ว”
โจวกุ้ยหลานก้มหน้าลงราวกับว่าตนเองไม่มีตัวตน และทำราวกับว่าตนเองไม่รู้สึกรู้สาถึงออร่าที่เขาแผ่ออกมา
“นายท่าน วันนี้คือวันพระจันทร์เต็มดวงขอรับ” พ่อบ้านสวีขานตอบ
หู้กั๋วกงเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เต็มดวง ส่งเสียง “อืม” และออกจากห้องไป
เมื่อเขาจากไป โจวกุ้ยหลานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แล้วมองดูเด็กทั้งสองคน ก็พบว่าเด็กทั้งสองคนก็ถอนหายใจน้อยๆ เช่นกัน
โจวกุ้ยหลานยื่นมือออกไป คิดจะเข้าไปกอดเสี่ยวรุ่ยอานที่อยู่ด้านข้าง พ่อบ้านสวีก็กลับมา
“คุณชายน้อยทั้งสองท่าน เตรียมน้ำร้อนพร้อมแล้วขอรับ นายท่านสั่งให้ทั้งสองท่านอาบน้ำแล้วเข้านอน”
โจวกุ้ยหลาน “...”
นี่วางแผนให้เด็กทั้งสองเรียบร้อยแล้วหรือ
โจวกุ้ยหลานกำลังจะเปิดปาก พ่อบ้านสวีที่อยู่ข้างๆ ก็ทำความเคารพนางอีกครั้ง “ฮูหยินน้อย นายท่านสั่งว่า คราวหน้าอย่าพลาดเวลาอาหารเย็นอีก”
นี่กำลังแสดงความไม่พอใจต่อนางในวันนี้สินะ...
โจวกุ้ยหลานหุบปากอย่างร้อนตัว
สายตาเด็กทั้งสองฉายแววไม่พอใจ โจวกุ้ยหลานโบกมือให้พวกเขา น้ำตาคลอบอกลาพวกเขา
คราวหน้า นางจะต้องปกป้องลูกชายทั้งสองในคราวหน้าให้จงได้ วันนี้...วันนี้ช่างมีใจจะทำแต่กำลังไม่พอเสียจริง...
สวีฉางหลินเดินไปด้านหลังโจวกุ้ยหลาน ยื่นมือไปวางบนบ่าของนาง บีบนวด เพื่อปลอบโยนนาง
โจวกุ้ยหลานหันหน้ามา ถามเขาแผ่วเบา “วันหน้าไม่มีทางที่ข้ากับลูกทั้งสองต้องใช้ชีวิตเช่นนี้อีกใช่หรือไม่”
“น่าจะ”
“ถ้างั้นพวกเราหย่ากันได้ไหม”
โจวกุ้ยหลานดิ้นรน
นี่ไม่ใช่เป็นการเอาตัวเองไปไว้บนเขียงหรือ
นัยน์ตาสวีฉางหลินฉายแววความปวดร้าว จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเพ่งมอง “เจ้าหย่าได้ แต่เด็กสองคน ไปไม่ได้”
“ทำไม”
“พวกเขาคือบุตรของจวนหู้กั๋วกง เจ้าพาไปไม่ได้” สวีฉางหลินจ้องโจวกุ้ยหลานตาไม่กะพริบ
ใจโจวกุ้ยหลานสั่นสะท้าน นางเริ่มโมโห กัดริมฝีปาก จนได้กลิ่นคาวเลือด
สวีฉางหลินเอามือแตะริมฝีปากของนาง แยกฟันออกจากริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ใช้นิ้วมือเช็ดเลือดจากริมฝีปากนาง
โจวกุ้ยหลานคว้ามือของเขา พูดอย่างกรุ่นโกรธ “ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนตัดความสัมพันธ์ไม่ได้ คนบ้านแม่ข้าก็ตัดความสัมพันธ์ไม่ได้ เรื่องพวกนี้ เจ้าคำนวณไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่หรือไม่”
“ภรรยา...”
“เจ้าเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือไม่ เคยคิดถึงเด็กทั้งสองบ้างไหม เจ้าปิดบังข้าตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วทำให้ข้าเข้ามาพัวพันกับสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ เจ้าไม่รู้สึกว่าเจ้าทำกันเกินไปหน่อยหรือ”
หูของโจวกุ้ยหลานเต็มไปด้วยเสียงของตนเอง นางสัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองในน้ำเสียงตัวเองอย่างชัดแจ้ง แต่นางไม่อยากอดกลั้นเอาไว้ และยิ่งไม่คิดที่จะควบคุม
สวีฉางหลินไม่ตอบ ได้เพียงแต่มองนางอย่างแน่วแน่ ในดวงตาสื่ออารมณ์ที่นางไม่อาจเข้าใจ
ส่วนอารมณ์นี้จะหมายถึงอะไร โจวกุ้ยหลานไม่อยากรับรู้ นางได้ระบายออกไป ในใจจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
สูดหายใจ ระงับอารมณ์ตนเอง แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าจะไปหาเสี่ยวจิ่วแล้ว”
พูดจบ ก็หันกายเดินจากไป
ใต้ความโกรธที่พลุ่งพล่าน นางไม่มีแรงที่จะหันกลับไปมองสายตาสวีฉางหลินที่มองนาง
โจวกุ้ยหลานเดินหน้าตามสาวใช้นำทาง เข้าไปในห้องของเสี่ยวจิ่ว
เดินไปถึงข้างกายเสี่ยวจิ่ว เห็นนางยังไม่ได้สติ
โจวกุ้ยหลานนั่งข้าง ๆ ดวงตาสะท้อนภาพขอบเตียง สายตาเหม่อลอย คิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร
มันผิดพลาดตั้งแต่แรก การกระทำทั้งหมดของนางผิดพลาดไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...