เสียงของพ่อบ้านสวีดังออกมาจากด้านนอก
สวีฉางหลินขานรับ หันหน้ามามองโจวกุ้ยหลาน กัดฟัน แล้วก้าวเท้าออกไป
ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ห่างออกไป
โจวกุ้ยหลานก็เดินตามสาวใช้ไปที่ห้องของตนเอง เมื่อเข้าไปแล้ว จึงให้คนเอาน้ำร้อนเข้ามาในห้อง ช่วยเช็ดตัวให้เสี่ยวจิ่ว ปลุกนาง ป้อนอาหารให้นางกิน ดูแลนางที่กำลังหลับใหล และมองออกไปข้างนอก
วันเวลาเช่นนี้ผ่านมาแล้วสามวัน ภายใต้การดูแลของนางเสี่ยวจิ่วฟื้นตัวขึ้นมาไม่น้อย เสี่ยวลิ่วมาบ้างเป็นครั้งคราว โจวกุ้ยหลานได้ทำการติดต่อมากมาย จึงทำให้เข้าใจสถานการณ์อารักขาข้างกายสวีฉางหลิน
จนเสี่ยวจิ่วเริ่มดีขึ้น โจวกุ้ยหลานถึงปลีกตัวออกมา ไปพบพวกเหล่าไท่ไท่
พอนางไปหา ถึงได้รู้ว่าพี่สาวใหญ่กับพวกเด็กออกไปรับจ้างซักผ้าเพื่อเสริมรายได้ครอบครัว โจวต้าซานกับพวกผู้ชายก็ออกไปหางานทำเช่นกัน เหลือพวกเด็กผู้ชายช่วงวัยเยาว์ นั่งฟังอาจารย์บรรยายบทเรียนอยู่ในห้อง
โจวกุ้ยหลานช่วยเหล่าไท่ไท่เด็ดผัก และคุยเล่นกับเหล่าไท่ไท่
“อ๊ะ เทียบกับตอนหลบอยู่ในถ้ำแล้ว ตอนนี้ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์เลยล่ะ!”
เหล่าไท่ไท่ทอดถอนใจ
สามวันมานี้ สีหน้าเหล่าไท่ไท่ดีขึ้นไม่น้อย ไม่แก่โทรมเหมือนที่เห็นเมื่อสองสามวันก่อน
มือโจวกุ้ยหลานหยุดชะงัก จากนั้นเด็ดผักต่อ “ชีวิตเช่นนี้จะใช้ที่ใดก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ข้าได้แต่มองรุ่ยอานกับรุ่ยหนิงแค่ตอนกินข้าว ชีวิตทุกวันนี้ไม่ดีเลย”
“อ๊ะข้าว่า เจ้าจะพาข้าไปเจอเด็กทั้งสองคนเมื่อไร ข้ามาตั้งหลายแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่เตรียมพาพวกข้าไปเจอบ้านสามีอะไรนั้นหน่อยเล่า”
โจวกุ้ยหลานยังคงเด็ดผักต่อไป “พวกเขายุ่งอยู่กับการเรียนทั้งวัน พาออกมาไม่ได้ กฎของจวนหู้กั๋วกงเข้มงวด ต่อให้ข้าพูดก็ไม่ได้”
“จะดีจะร้ายอย่างไรก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะนะ อย่างไรก็ไม่อาจเหมือนพวกเราชาวบ้านได้ เด็กเอ๋ย พวกข้าทำให้เจ้าเสียหน้าหรือเปล่า”
โจวกุ้ยหลานได้ยินน้ำเสียงที่ระมัดระวังของเหล่าไท่ไท่ ใจสั่นไหว จึงเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “จะเป็นไปได้อย่างไร พวกเราไม่ได้รับเกียรติจากจวนหู้กั๋วกงพวกเขาด้วยซ้ำ”
“แต่ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นสะใภ้ของตระกูลพวกเขา ครอบครัวพวกเรามาเมืองหลวงหลายวันแล้ว หู้กั๋วกงนั้นก็ไม่ได้บอกจะมาเจอพวกเรา...”
เหล่าไท่ไท่กลุ้มใจ รู้สึกไม่สบายใจ
บุตรสาวของนางเป็นคนดี แต่ตอนนี้ครอบครัวพวกเขากินดื่มของบุตรสาว มีลูกสะใภ้เช่นนี้จะมีความสุขได้อย่างไร
“ท่านแม่ ข้ากำลังจะคุยเรื่องนี้กับท่านพอดีเลย ตอนนี้แคว้นเหลียงของพวกเราไม่สงบ และเมืองหลวงนั้น ก็โกลาหลมากเช่นกัน ข้าหารือกับสวีฉางหลินแล้ว ครอบครัวพวกเราออกไปหลบซ่อนก่อนดีไหม รอจนผ่านช่วงนี้ไปค่อยกลับมา”
“เมืองหลวงก็ยังไม่สงบได้หรือ แต่ที่นี่เทียบกับหมู่บ้านต้าสือพวกเราดีกว่าอีกนะ”
เหล่าไท่ไท่เริ่มรู้สึกสับสน
เหตูไดบุตรสาวอยู่ดีๆ ก็ว่าแบบนี้
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “เป็นเพราะท่านไม่ได้ออกไปดู ตอนนี้น่ะ โกลาหลมาก ตอนนี้องค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองของพวกเรากำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ทั้งพวกเราเป็นญาติกับจวนหู้กั๋วกงข้ากลัวว่าจะมีใครลงมือกับพวกเรา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีย่อมดีกว่า”
เหล่าไท่ไท่ตกตะลึง “นี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเล่า”
“ใช้พวกเรามาข่มขู่สวีฉางหลินไง ในบทงิ้วก็มีออกจะบ่อยไม่ใช่หรือ”
ขณะโจวกุ้ยหลานพูด ก็ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ข้ากับเด็กทั้งสองคนเคยถูกลักพาตัว หากไม่ใช่เพราะสวีฉางหลิน พวกเราสามแม่ลูกคงจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว”
“ห๊า เรื่องนี้เมื่อไรกัน ทำไมเจ้าถึงไม่บอกแม่”
เหล่าไท่ไท่ร้อนรน พยายามที่จะดูว่าโจวกุ้ยหลานได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่
โจวกุ้ยหลานก็ไม่ปิดบังนาง บอกเรื่องนี้กับเหล่าไท่ไท่
เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องตอนที่พวกเขามาวันนั้น ในใจเหล่าไท่ไท่ก็เป็นทุกข์ แล้วพูดไม่หยุดว่าเป็นเพราะตนเองทำให้พวกเขาเดือดร้อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา
รอ บทต่อไปค่ะ...