"ตั้งครรภ์แต่ไม่สามารถเลี้ยงเด็กให้โตมาได้"
เมื่อแม่ของหลินหนานกลับเข้ามาถึงห้องพักผู้ป่วย เธอค่อยๆนั่งลงข้างร่างของลูกชาย มือหยาบกร้านค่อยๆดึงผ้าห่มขึ้นปกคลุมร่างที่นอนนิ่งอยู่เตียง และส่งสายตาไปมองจอเครื่องวัดชีพจรที่ตั้งอยู่บริเวณหัวเตียง
"คุณหมอว่ายังไงบ้าง?"
ในมือของพ่อหลินหนานถือสมุดบันทึกอาการป่วยของหลินหนานเอาไว้ เขาเปิดสมุดดูและอ่านมันให้หญิงชราฟังด้วย "ถ้าพูดถึงอาการก็ถือว่ายังปกติดี แต่ถ้าเทียบกับวันก่อนๆก็ถือว่าไม่ได้ดีขึ้นมากนัก"
แม่หลินหนานรู้สึกเป็นห่วงลูกจับใจ เธอเอื้อมมือไปคว้ามือของลูกชายมากุมไว้ "หลินหนานหลายวันแล้วนะที่ลูกไม่ได้ตื่นมากินข้าว ลูกเอาแต่กินน้ำเกลือ ดูสิ ผอมใหญ่แล้ว"
เธอสอดส่องสายตามองโต๊ะชาที่อยู่ในห้องผู้ป่วยกลับไม่พบอะไรวางอยู่เลย เธอเดินไปค้นตู้ลิ้นชักก็พบเพียงเสื้อผ้าที่ถูกพับอยู่อย่างเรียบร้อยเพียงสองตัว
"ทำไมไม่มีผลไม้อะไรเลยล่ะ?"
"เป็นไงล่ะไม่ได้กินข้าวเช้ามา ตอนนี้หิวแล้วล่ะสิ" พ่อหลินหนานเอ่ยถามหญิงชราที่มีศักดิ์เป็นภรรยาของตนเอง
"ก็ไม่ใช่เพราะฉันรีบมาดูหนานหนานหรือยังไงล่ะ?" แม่หลินหนานเอ่ยพลางเหลือบสายตาไปมองพ่อของหลินหนานที่พลิกสมุดประวัติผู้ป่วยดูอย่างนิ่งเฉย
"คุณนั่งเฉยๆอยู่ทำไมล่ะ ทำไมไม่รู้จักลงไปซื้อผลไม้ขึ้นมาไว้บ้าง? เดี๋ยวถ้าหนานหนานตื่นขึ้นมาจะต้องหิวแน่นอน เพราะเขาไม่ได้ทานข้าวมาหลายวันแล้ว อย่างน้อยเขาก็สามารถกินผลไม้รองท้องได้ "
พ่อหลินหนานวางสมุดรายงานอาการผู้ป่วยในมือลง และสวนกลับอย่างนิ่งเรียบ "คุณหมอบอกว่าไม่ควรให้เขากินของพวกนี้ ควรให้กินโจ๊กอ่อนๆจะดีกว่า"
"นี่คุณ…"
ทุกอย่างที่เขาพูดออกมาเป็นเรื่องจริงตามที่แพทย์ได้พูดกับเขา พอเขาบอกกับหญิงชราเธอกลับแสดงสีท่าโกรธเขาซะอย่างนั้น ที่จริงแล้วเธอคงจะมีอาการหิวอยู่มากและยิ่งได้เจอยวี๋น่าและโต้เถียงกัน ความโกรธมันจึงกลบความหิวในตอนนั้นไปจนหมด พอมาถึงตอนนี้เห็นทีหญิงชราจะทั้งหิวทั้งโกรธขึ้นมาอีกแล้วเพราะชายแก่ผู้เป็นสามีพูดยั่วโมโห
"คุณลองคิดดูว่าฉันมันซวยขนาดไหน? ได้คนอย่างคุณมาเป็นสามี และยังคลอดลูกชายที่ดื้อรั้นแบบนี้ออกมา ทั้งหมดมันคือเรื่องซวยๆ"
"ยวี๋น่าก็เป็นตัวซวย คุณดูสิ ลูกเราเป็นแบบนี้เพราะใคร และไหนจะเด็กที่อยู่ในท้องนั่นอีกยวี๋น่ายังไม่สามารถดูแลเด็กนั่นได้เลย"
"วันนี้คุณหมอยังบอกยวี๋น่าว่าพัฒนาของเด็กในครรภ์เป็นไปค่อนข้างช้า ถ้าฝืนเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่เป็นผลดีกับเด็กในครรภ์"
แม่หลินหนานบ่นกราดออกมาหลายประโยคตามความคับคั่งใจที่สุมอยู่ในอก และเมื่อผู้เป็นสามีของเธอได้ยินเข้าก็เกิดความสงสัยจนอดถามออกมาไม่ได้ "คุณไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?"
แม่หลินหนานจึงตอบกลับ "เมื่อกี้ฉันตามไปดูอาการของหลิงหลิง และบังเอิญไปเจอกับยวี๋น่าและซูฉิง ฉันเห็นสองคนนั้นกำลังไปตรวจอะไรบางอย่าง"
"สรุปก็คือเด็กในครรภ์ค่อนข้างมีปัญหาเล็กน้อย"
"เล็กน้อย? คุณแน่ใจเหรอว่าเล็กน้อย? " ชายชราเอ่ยถามต่อ
หญิงชราจึงพยายามนึกย้อนไปถึงคำพูดของแพทย์สาว "ก็คงไม่รุนแรงเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ค่อยได้ยินชัดเจนสักเท่าไหร่"
ร่างหนาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเผลอได้ยินคำพูดของชายหญิงชราที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น
นิ้วมือของหลินหนานกะดิกขึ้นสองครั้งและศีรษะก็สั่นไหวเพียงเล็กน้อย คิ้วคมขมวดขึ้นจนเป็นปม ทันใดนั้นเสียงเตือนชีพจรที่ขึ้นสูงของคนไข้ก็ร้องดังขึ้นอย่างน่าตกใจ
"ตี๊ด! ตี๊ด! ตี๊ด!"
เสียงของเครื่องวัดชีพจนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม่หลินหนานกระวนกระวายใจและลุกขึ้นยืนทันที
"เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่เลย ตอนนี้เป็นอะไรขึ้นมา? คุณหมอ! คุณหมอรีบมาดูลูกฉันหน่อยค่ะ!"
พ่อหลินหนานที่มีความนิ่งมากกว่าผู้เป็นภรรยา เขารีบกดโทรศัพท์บริเวณหัวเตียงและต่อสายหาพยาบาลประจำแผนกอย่างรวดเร็ว
"คุณหมอครับ ห้อง903 ผู้ป่วยมีอาการหนัก ขอเชิญคุณหมอเข้ามาดูอาการอย่างด่วนที่สุดครับ!"
"ตอนนี้คุณหมอกำลังไปยังห้องพักผู้ป่วยค่ะ ก่อนที่คุณหมอจะไปถึง กรุณาอย่าเพิ่งแตะต้องตัวผู้ป่วยนะคะ!"
อาการของหลินหนานในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างร้ายแรงเลยทีเดียว ร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหว ริมฝีปากที่แห้งผากและไร้สีเลือดค่อยๆเปิดออกทีละนิด
เมื่อชายชราเห็นสภาพของลูกชาย เขาอยากจะยื่นมือไปสัมผัสร่างของหลินหนานเอาไว้ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของพยาบาลเขาก็ชักมือกลับทันที ชายชราค่อยๆเอนตัวเข้าใกล้ร่างของลูกชายและเอนหูฟังลูกชายที่กำลังพยายามเปล่งเสียงอันแหบกร้านออกมา
"ยวี๋น่า…ยวี๋น่า…"
"ขอให้ญาติผู้ป่วยออกจากห้องไปก่อนนะครับ"
บรรดาคุณหมอและพยาบาลรีบพากันกรูเข้ามา และเชิญชายหญิงชราออกมารอด้านนอกห้องเพื่อรอการตรวจวินิจฉัย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น