เธอจับกระโปรงบนเข่าอย่างประหม่า ร่างกายผอมบางของเธอสั่นเล็กน้อย
ยังไม่ทันได้ถ่ายต่อตามฉากต่อไป น้ำเสียงเย็นชาของเฉินจุนเหยียนก็ดังขัดขึ้น "ผู้กำกับ ฉันต้องการแสตนอินถ่ายแทนสำหรับฉากจูบนี้"
หลิวเสี่ยวหนิงตัวแข็งทื่อทันที และความฝันที่วาดหวังไว้ทั้งหมดก็พังทลายลงไปชั่วพริบตา
ดวงตาของเธอสั่นไหว นี่เขา... เขารังเกียจเธอเหรอ?
"อันนี้..."
ผู้กำกับมองไปที่เฉินจุนเหยียนและกล่าวว่า "คุณเฉิน อารมณ์ของฉากนี้มันละเอียดอ่อนมาก มีเพียงการจูบทางอารมณ์เท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรักของตัวละครทั้งสอง หากคุณใช้แสตนอินผมเกรงว่าอารมณ์ของตัวละครมันจะเข้าถึงไม่มากพอ"
แต่เฉินจุนเหยียนก็ยังยืนยันในความคิดของตนเอง
ทุกคนในกองถ่ายต่างพากันประหลาดใจ ไหนใครต่อใครต่างพูดกันว่าเฉินจุนเหยียนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ฉากจูบเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเขามาก แต่ทำไมครั้งนี้เขาถึงไม่ยอม?
เป็นไปได้ไหมว่า... ทุกคนแอบเหลือบสายตามองหลิวเสี่ยวหนิว หรือว่านักแสดงสาวคนนี้จะทำอะไรให้เฉินจุนเหยียนรำคาญใจถึงขนาดที่เฉินจุนเหยียนไม่ยอมถ่ายฉากจูบด้วย?
หลิวเสี่ยวหนิงซึ่งมีความอ่อนไหวอยู่แล้ว เมื่อเธอมองเห็นดวงตาของทุกคนที่มองตรงมาที่เธออย่างชัดเจน ใบหน้าสวยเองก็ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
สุดท้ายผู้กำกับจึงต้องยอมให้ใช้แสตนอินในฉากนี้
แต่เพราะความกดดันจากเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้หลิวเสี่ยวหนิงไม่สามารถถ่ายฉากนี้ออกมาดีได้เท่าที่ควร ในตอนนี้ในแสดงสาวกำลังจมอยู่กับความเศร้าและไม่มีความสุขในการถ่ายทำอันซะเลย
"หลิวเสี่ยวหนิง เธอเป็นอะไรไป!
การถ่ายทำยังคงไม่สำเร็จ ผู้กำกับหมดความอดทน และน้ำเสียงของเขาเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆตามอารมณ์โกรธ
"ผู้กำกับ ฉันขอโทษ!" หลิวเสี่ยวหนิงกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าและกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาไหลออกมาเต็มใบหน้า
ซูฉิงได้ยินมาว่าทีมงานกำลังถ่ายทำฉากกลางคืนเธอจึงตั้งใจเข้ามาดูความคืบหน้าของกองถ่ายในวันนี้ แต่เธอไม่คิดว่าจะได้เห็นร่างปริศนาของคนคนนั้นในทันทีที่เธอมาถึง
เธอดึงโปรดิวเซอร์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเข้ามาถาม และเมื่อเธอรู้ว่าเฉินจุนเหยียนหนีออกจากโรงพยาบาล เธอก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ต่างๆได้มากขึ้น
ซูฉิงขอให้ผู้กำกับระงับการถ่ายทำไว้ก่อน และลากเฉินจุนเหยียนไปพูดคุยในที่ลับตาคน
"ทำไมนายไม่พักผ่อนให้มากๆ นายอยากตายหรือไง?"
เฉินจุนเหยียนรู้สึกผิดในท้ายที่สุด เขาไม่กล้าสบตาซูฉิงและพยายามเลื่อนสายตาไปมองที่ต้นไม้ข้างหลังเธอ "ฉันไม่อยากถ่วงเวลาการถ่ายทำของทุกคน"
เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนี้ ซูฉิงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้และตบไหล่เขาเบาๆ
เขาช่างเป็นคนดื้อรั้นซะจริงๆ
หลังจากที่ทั้งสองพูดกันไม่กี่คำ ในที่สุดเฉินจุนเหยียนก็ยิ้มออกมา
ผู้กำกับปล่อยให้การถ่ายทำดำเนินต่อไป หลิวเสี่ยวหนิงสังเกตเห็นความอ่อนโยนของเฉินจุนเหยียนที่มีต่อซูฉิง ทำให้เธอไม่อาจปรับอารมณ์ให้เข้าสู่บทละครได้เลย
"คัท!"
ผู้กำกับหยิบไมโครโฟนขึ้นอย่างโกรธจัดและเตรียมตั้งท่าจะด่านักแสดงสาว เมื่อซูฉิงเห็นว่าผู้กำกับกำลังโกรธเธอจึงรีบพูดขึ้นว่า "ผู้กำกับคะ เสี่ยวหนิงอาจจะยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ในความรัก ฉันจะสาธิตมันให้เธอดูรับรองว่าเธอต้องถ่ายฉากนี้ออกมาได้ดีแน่นอน"
ซูฉิงกล่าวเช่นนั้น ผู้กำกับจึงให้โอกาสซูฉิงสอนหลิวเสี่ยวหนิง
เมื่อได้ยินว่าซูฉิงกำลังจะเข้าฉากกับเขา ดวงตาของเฉินจุนเหยียนก็เปลี่ยนไป
หลิวเสี่ยวหนิงมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน และเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ และมันเจ็บแปรบที่กลางใจมากๆ แต่เธอกลับทำได้เพียงยืนเงียบ ๆและมองดูซูฉิงเข้าไปนั่งในที่ที่เธอเคยนั่ง
"โอเค หลิวเสี่ยวหนิง คุณสามารถดูวิธีแสดงอารมณ์ของพวกเขา และอีกสักครู่คุณก็ค่อยเข้าไปถ่ายต่อ"
ผู้กำกับตะโกนใส่หลิวเสี่ยวหนิง
"โอเคค่ะ" หลิวเสี่ยวหนิงกำหมัดแน่น กดทับความเศร้าโศกทั้งหมดในหัวใจของตนเอง
ซูฉิงปรับอารมณ์ของเธอให้เป็นไปตามธรรมชาติแล้วมองไปที่เฉินจุนเหยียนที่แสดงท่าทีไม่สนใจเธอ
เธอรู้ว่าเฉินจุนเหยียนชอบเธอ และเฉินจุนเหยียนเองก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักเขา คนที่รักเฉินจุนเหยียนก็คือหลิวเสี่ยวหนิงไม่ใช่เธอ
"เฉินจุนเหยียน ถ้านายไม่ชอบก็รีบพูดออกมาตอนนี้เถอะ"
ซูฉิงกระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น
การแสดงออกของเฉินจุนเหยียนหยุดลงเล็กน้อย ดวงตาของเขาขยับไปมองที่หลิวเสี่ยวหนิงเพียงชั่วครู่ "ฉันรู้ตัวดี"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น